บทที่ 7 ถุงยางไซส์ใหญ่พิเศษ (2)

“อ๊า มะ... มันรู้สึกแปลกๆ จังน้องขาล” เธอกระซิบเสียงกระเส่าเมื่อผมถูไถมันอย่างแนบแน่น ร่างอรชรกระตุกหลายครั้ง ในขณะที่จะโอบรอบต้นคอของผมเอาไว้อย่างลืมตัว จิกปลายเล็บกับหลังคอของผมแล้วครูดลงมาจนรู้สึกแสบ

แต่ไม่รู้ทำไม เร้าใจชิบหาย

ลองคิดภาพเวลาที่เธอกระตุกอยู่ใต้ร่างตอนที่เราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วกรีดเนื้อตรงแผ่นหลังผมจนเป็นรอยขีดข่วนด้วยปลายเล็บดูสิ

ถ้าถึงเวลานั้น ผมสาบานได้เลยว่าเนื้อตัวและหว่างขาของเธอจะเต็มไปด้วยรอยฟันของผม

ถึงผมจะชอบเธอ คลั่งเธอ และหลงใหลเธอมากแค่ไหน แต่กับเรื่องเซ็กซ์ ผมจะใช้พลังทั้งหมด เพื่อทำให้เธอหมดแรงพยศกับผมเลยทีเดียว

พี่หมี่จะไม่รอดไปจากเงื้อมมือของผมอย่างแน่นอน

“แฮ่ก” ผมหอบหายใจชิดกับกกหูขาวของเธอ ในขณะที่จะถูมันกับร่องเนื้อที่เต้นตุบๆ แรงขึ้น แรงขึ้นจนพี่หมี่แทบจะหายใจไม่ทันแรงส่งของผม หน้าอกมหึมาที่ขาวจัดกระเพื่อมไปมา ในขณะที่ผมจะก้มลงไปดูดจุกนมสีสดของเธออย่างหิวกระหาย ในขณะที่เอวจะรัวเข้ารัวออกถูไถกับผ้าบางที่ล้นปริไปด้วยกลีบเนื้อจนเธอแอ่นสะโพกขึ้นเด้งรับเอวผม

ภายในห้องพักแพทย์ที่เงียบสงบ ตอนนี้เต็มไปด้วยแรงหอบของเราทั้งคู่ ปลายเล็บสีแดงที่ทึ้งผมยาวๆ ของผม ในขณะที่เราจะจูบกัน แลกลิ้นรัวเร็วเพื่อไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครางจนได้ยินออกไปด้านนอก

เราถูไถกัน และถูไถกันอยู่เป็นเวลานานท่ามกลางเหงื่อและเสียงหอบ ไอร้อนที่ระอุอยู่ระหว่างกายพวกเรา

จนในท้ายที่สุด ผมก็แตกใส่หน้าอกของเธอ ในขณะที่พี่หมี่เสร็จไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว

“แฮ่ก...” เธอหอบหายใจถี่ ในขณะที่ผมจะกดจูบลงที่หน้าผากมนอย่างหลงใหล ซึ่งพอผละออกไปก็เห็นว่าเป้าซับในของพี่หมี่เปียกชุ่ม เหมือนเธอจะฉี่ราดเพราะความเสียวสะท้าน “ยะ อย่ามองตรงนั้นสิ”

จนพอเธอสังเกตเห็นว่าผมเอาแต่จ้องไปที่กลีบอูมที่แหวกออกมาจากกางเกงในจนเห็นความอมชมพูเล็กน้อย คนตัวเล็กก็เลื่อนมือลงมาปิด ในขณะที่จะค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เพราะพื้นที่ที่เธอนอนและทำเรื่องลามกกับผมมันเป็นพื้นแข็ง เลยทำให้ร่างบางมีท่าทางปวดหลังจนต้องเอามือมาจับไว้

“ผมขอโทษนะ ผมควรเลือกสถานที่หน่อย” ผมตรงเข้าไปประคองเธออุ้มลงจากโต๊ะทำงาน พี่หมี่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ชั้นในกองอยู่เหนือหน้าอกเม้มริมฝีปากแน่น เธอเอามือมาจับตรงเป้ากางเกงไว้ตลอดเวลา ในขณะที่จะรัดกระดุมเสื้อกลับเข้าที่ “พี่โกรธผมมั้ย”

“... ไม่หรอกค่ะ” เธอสั่นหน้า แต่ก็หันหน้าหนีไม่ยอมหันกลับมามองผมตรงๆ “พี่เองก็เผลอตัวเหมือนกัน”

“แล้วพี่ชอบมั้ยครับ เมื่อกี้” ผมเดินเข้าไปชิดกับบั้นท้ายงามงอน เอื้อมฝ่ามือหนามากุมมือเธอแล้วประสานเข้าไป ก็แค่อยากถามเพื่อความแน่ใจ “ถ้าชอบ ครั้งหน้าที่ผมมาหาพี่ ผมทำอีกได้รึเปล่า”

เธอกัดปากแน่น ก่อนที่จะก้มหน้าลง

“อื้ม”

“...”

“ได้สิ”

[จบพาร์ท : ขาล]

ฉันกุมหน้าอกของตัวเองแน่น หลังจากยืนอยู่ที่หน้ากระจกใสที่เห็นเกือบครึ่งตัวภายในห้องน้ำของโรงพยาบาล

จ้องใบหน้าที่แดงซ่านจากพิษรัญจวนแล้วได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ที่พลั้งเผลอทำเรื่องลามกกับเด็กคนนั้นไปถึงสองครั้ง

อสุจิสีขาวขุ่นเหนียวข้นติดที่หน้าท้องหลังจากสัมผัสอากาศได้ไม่นาน ฉันปลดชุดแซกออกแล้ววักน้ำมาล้างที่หน้าท้องของตัวเอง หลังจากที่ขาลกลับไปก็ปวดปัสสาวะมากจนต้องรีบตรงเข้ามาที่ห้องน้ำทันที

ให้ตายสิ ซับในเปียกหมดเลย สงสัยต้องใส่เปียกๆ อย่างนี้ไปทั้งวันซะแล้ว ฉันนึกบ่นอุบถึงคนตัวสูงในใจ ถึงแม้ว่าส่วนลึกจะชอบความรู้สึกแปลกใหม่เมื่อครู่กับน้องชายสมัยเด็กมากก็ตาม

ก่อนที่จะกลับไป ขาลถามว่าจะให้ทำอีกมั้ยถ้าครั้งหน้าเขาจะมาหาอีก ฉันจึงเผลอตอบไปตามแรงปรารถนาว่า ‘ได้สิ’

แน่นอนว่าหลังจากได้คำตอบที่พอใจ ขาลก็มีสายโทรเข้า เห็นลางๆ ว่าเป็นรูปผู้หญิงที่โทรมาจากหน้าเฟส หน้าตาดูเรียบร้อยน่ารักทีเดียว หลังจากนั้นคนตัวโตก็รีบร้อนออกไป

ถามว่าฉันรู้สึกยังไง?

ฉันไม่สนใจหรอกว่าขาลจะมีผู้หญิงซุกไว้อีกสักกี่คน เพราะความสัมพันธ์ที่ฉันต้องการมันเกี่ยวพันกับแค่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียว

ถ้าขาลจะมีแฟน ขอแค่เขาบอกฉันก่อนก็พอ ฉันจะได้ไม่ต้องกลายไปเป็นมือที่สามของใคร

ฉันยืนมองรอยจ้ำและรอยจูบมากมายตามหน้าท้องและต้นคอ ตอนเช้าพยาบาลมัดถามว่าฉันโดนยุงกัดเหรอ หรือแพ้พิษแมลงอะไรที่ห้องรึเปล่า เพราะช่วงนี้ก็หน้าฝนด้วย ฉันที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าที่คอมีรอยจ้ำหนึ่งที่เลยได้แต่เออออไปด้วย

คิดแล้วก็ถอนหายใจหนักออกมา

อดที่จะลืมไม่ได้เลย ก็เด็กคนนั้นน่ะใช้ปากเก่งจะตายไป

กับไซส์ 60 ด้วย เหมือนว่าฉันจะเจอของหายากเข้าให้แล้วสินะ

แต่ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะยึดติดแค่กับน้องขาลคนเดียวหรอก ถ้าเจอใครที่พร้อมจะเข้าใจฉันเหมือนกัน น้องขาลก็อาจจะเป็นแค่หนึ่งในทางเลือกที่ฉันมี

ฉันรูดซิปปิดชุดแซกอย่างเรียบร้อยก่อนที่จะสวมกาวน์ทับ เปิดประตูออกไปจากห้องน้ำ และปะทะเข้ากับคุณหมอท่านหนึ่ง ที่เรารู้จักกันดี

... ในฐานะแฟนเก่า

“สวัสดีครับหมอบะหมี่” เขาทักทาย ฉันเลยกรีดยิ้มเล็กน้อย ปั้นหน้าไปตามมารยาท

“เช่นกันค่ะหมอสอง”

ใช่ เขาชื่อ ‘ที่สอง’ เรียกได้ว่าเป็นแฟนเก่าที่ทำให้ฉันต้องกลายมาเป็นผู้หญิงช่างเลือกอย่างทุกวันนี้ ที่สองเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็คตั้งแต่เรียนมัธยม เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ ม.ต้น จนเข้าเรียนมหาลัยคณะแพทย์เหมือนกัน

ที่สองเคยจูบฉันจนตราตรึงใจ แต่สุดท้ายเราก็จบกันเพราะว่าเขาสนใจงานจนเขี่ยฉันทิ้ง แม้ว่าสุดท้ายเขาจะตามเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลคุณพ่อเพื่อง้อฉันก็ตาม

แต่ไม่ควรไปนึกถึงเขาหรอก ก็แค่หนึ่งในความทรงจำแย่ๆ ที่เข้ามาในชีวิต

ฉันคิดแบบนั้นพร้อมกับตั้งท่าจะเดินผ่านเขาไป แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นจากร่างสูงใหญ่ในชุดกาวน์สมส่วน ที่สองก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“คุณเปลี่ยนไปชอบเด็กแล้วเหรอ” ฉันหันกลับไปมอง ก่อนที่จะเห็นว่าเขาไม่ได้หันกลับมามองหน้า “จะให้เขาเข้ามาในห้องพัก คุณควรรู้ว่าที่นี่คือสถานที่แบบไหน”

เหอะ... ฉันแค่นหัวเราะในใจ

“เด็กคนนั้นเป็นน้องชายของหมี่ค่ะ อีกอย่างที่เขาเข้ามาได้เพราะพยาบาลมัดบอกทางพร้อมกับกุญแจ” ฉันอธิบายอย่างนุ่มนวลผิดกับสิ่งที่คิดในใจ แล้วเขาก็เหลือบมามอง “แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”

“... ผมรู้ แต่ผมแค่เป็นห่วงคุณ”

“ไม่จำเป็นค่ะหมอสอง หมี่ดูแลตัวเองได้” ฉันปัดความหวังดีของเขาทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย แน่นอนว่าฉันยังลืมที่สองไม่ได้ ฉันยังคิดถึงเขา แต่ในวันที่เขาเทฉันทิ้งเหมือนเวลาราดน้ำสกปรกลงพื้นในวันที่เขาประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิต มันก็ไม่มีความทรงจำดีๆ ระหว่างเราแล้ว

“...”

“เก็บความเป็นห่วงที่คุณมีให้แฟนเก่าอย่างหมี่ ไปมอบให้แฟนคนปัจจุบันของคุณเถอะค่ะ”

ฉันกล่าวไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์แล้วก้าวเดินจากไป

ทั้งๆ ที่ความจริงในใจ... ฉันเจ็บสุดๆ เลยที่ทำแบบนี้

[พาร์ท : ขาล]

“มาช้าจังอ่ะขาล”

ผมตีหน้าตายตอนที่ขับมอเตอร์ไซค์มาที่หน้าคอนโดที่ค่อนข้างเก่า เพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวยืนรออยู่ตรงนั้น เธอกับชุดนักศึกษาสวมทับเสื้อช็อปสีเลือดหมูกวาดขาขึ้นมาบนรถของผม มือเล็กโอบวงแขนกอดรอบเอวสอบของผมไว้แน่น

‘น้ำอิง’ เป็นเพื่อนตั้งแต่ช่วง ปวช. ปี 1 ของผม เธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทคนเดียวในกลุ่มที่เรียนช่างยนต์ แต่กลับมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากผู้หญิงส่วนน้อยที่เรียนในนั้น

บ้านเธอจน และเคยเป็นเด็กที่ถูกรังแกอย่างหนักมาก่อนจากเพื่อนร่วมรุ่น จนผมต้องออกเงินเก็บช่วยเธอในบางเดือน และเอาเข้ากลุ่มเราแบบงงๆ แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องยอมรับความห่ามในกลุ่มเราได้

ปัจจุบันน้ำอิงเป็นนางฟ้าในกลุ่มผม เพราะพอเอามาขัดสีแต่งตัวดีๆ ก็น่ารักดี แต่ผมไม่ได้มองมันเป็นมากกว่าเพื่อน ในขณะที่เพื่อนๆ ในกลุ่มมีแต่คนแอบชอบมัน

แต่ไม่รู้ทำไม ไอ้อิงถึงชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ และเลือกให้ผมเป็นคนมารับมาส่งนัก

“พอดีแวะไปที่โรงบาลมา” ผมตอบคำถามสั้นๆ ตอนที่ส่งหมวกกันน็อคให้มัน อิงรับไปแล้วก็ครางอ๋อ

“นายป่วยเหรอ เป็นอะไรรึเปล่า”

“ไม่ได้เป็น”

“แล้วไปทำไมอ่ะ?” ผมเองก็ชะงักไปเมื่อมันถามแบบนั้น เพราะก็ไม่รู้จะใช้คำยังไงกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่หมี่เหมือนกัน จะเป็นผัวเมียก็ไม่ใช่ เป็นแฟนยิ่งไม่มีหวัง

“ไปหาคู่ขา” สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ ทั้งที่ในใจอยากจะเป็นมากกว่านั้น

“นายมีคู่ขาด้วยเหรอ ที่มีแฟนคนล่าสุดก็ปีที่แล้ว นึกว่านายจะไม่มีอีกแล้ว” เสียงของเธอแกว่งเล็กน้อย เพราะถ้าพูดว่าคู่ขาขึ้นมา อิงก็คงพอรู้ว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ ซึ่งผมไม่ได้เล่าเรื่องพี่หมี่ให้เธอฟัง

“ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” ผมย้อนกลับสั้นๆ

“เกี่ยวสิ เพราะเรากับนาย...”

“จูบแรกของเธอ ก็แค่เกมที่เพื่อนมันเล่นกัน แล้วเราก็เผอิญเมาทั้งคู่”

“...”

“อย่างที่เราบอกไป เราไม่ได้คิดอะไรกับเธอ” ผมย้ำประโยคที่เคยพูดกับน้ำอิงหลังจากที่วันนั้นเราเมาแล้วเล่นเกมเปิดขวด น้ำอิงเสียจูบแรกให้ผมอย่างร้อนแรงสัสๆ เธอพยายามแสดงออกว่าเธอไม่เหมือนเดิมกับผมแล้ว แต่สำหรับผม มันก็แค่พลาดเพราะเมา “ไปมากกว่าเพื่อนในกลุ่ม”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป