บทที่ 1 คุณลุงสายเปย์ 1
เทียนตะวัน ทรัพย์มั่น ชำเลืองมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับงานในหน้าจอคอมพิวเตอร์และเบียร์เย็นๆ เมื่อไรที่จักรพรรดิ เกียรติขจร กลับเข้าบ้าน เมื่อนั้นเธอจะเห็นเขานั่งอยู่ในห้องทำงานพร้อมกับเบียร์แก้วโตเย็นเฉียบ อยู่ในไร่ลุงยักษ์จะไม่แตะของมึนเมา เวลาในไร่คือเวลางานเขาจะทำแต่งาน เคร่งเครียดดุดันกับคนงานทุกคนในไร่ แต่เมื่อกลับขึ้นบ้านเท่านั้น เบียร์เย็นๆ แทบจะไม่ห่างกาย มีแก้วแรกก็ย่อมมีแก้วที่สอง
สาวน้อยวัย 20 ปี ทอดสายตามองแก้วเบียร์เย็นเฉียบกระทั่งลุงยักษ์ยกขึ้นดื่มอึกๆ จนพร่องไปครึ่งค่อนแก้ว เธอจึงเดินไปหาตู้เย็นเพื่อหยิบเบียร์ออกมาอีกขวด เทียนตะวันเปิดฝาแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของจักรพรรดิ ชายวัย 48 ปี เงยหน้ามองทันทีที่เห็นเรียวขาขาวก้าวเข้ามา เขาเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงเป็นคำถามเมื่อเห็นขวดเบียร์ในมือหลานสาว
“เทียนมาเติมเบียร์ให้ลุงค่ะ” เด็กสาวบอกพร้อมคว้าแก้วกระดกขวดรินเบียร์ใส่แก้ว
“อนาคตคงได้เป็นเด็กเชียร์เบียร์” จักรพรรดิพูดแซวเล่นๆ แต่เด็กสาวคิดจริงจัง ใบหน้างามจึงงอง้ำ
“ทำไงได้ล่ะคะ เทียนมันคนไม่มีอนาคตอยู่แล้วนี่ งานอะไรทำแล้วได้เงิน เทียนก็ทำหมดล่ะค่ะ” เธอประชดตอบ
“ฉันพูดเล่น”
“ไม่จริง ลุงยักษ์พูดจริง สีหน้าลุงบอกว่าพูดจริงคิดจริง”
“หึ เธอนี่มันยอกย้อนตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว เลิกทำนิสัยนี้ได้แล้วเทียน โตแล้ว” คราวนี้เขาจึงเอ็ดจริง
“เทียนยังเด็ก อายุน้อยกว่าลุงยักษ์ตั้ง 28 ปี จะว่าไปไม่บอกอายุคงนึกว่า 60 คนอะไร้หน้าไปไกลกว่าอายุเยอะเลย”
“เทียนตะวัน! เดี๋ยวเถอะ” จักรพรรดิลุกขึ้นยืนเงื้อมือขึ้นเหมือนจะตีเด็ก เทียนตะวันแล่บลิ้นปลิ้นตาส่ายหน้าไปมาแล้ววิ่งปรู๊ดหนีไปดื้อๆ ทิ้งให้คนเป็นลุงต้องส่ายหน้าอย่างระอา
จักรพรรดิวางมือจากงานเมื่อคิดถึงอนาคตของหลานสาว เทียนตะวันเป็นลูกของน้องชายร่วมสาบาน เธอโชคร้ายต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไปพร้อมกันในคราวเดียวจากอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เขาจึงรับเธอมาเลี้ยงดูตั้งแต่ 7 ขวบ จนตอนนี้ 20 ปีแล้วเทียนตะวันก็ยังทำตัวเป็นเด็กวันยังค่ำ
เทียนตะวันเลือกเรียนสายอาชีพเพื่อจะคว้าโอกาสได้งานทำเร็วกว่าคนที่ต้องเรียนจบปริญญาตรี เธอเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงแล้ว แต่จักรพรรดิเห็นว่าควรจะให้เธอเรียนจนจบปริญญาตรี พอพูดถึงเรื่องนี้กับเธอทีไร เด็กแสบนั่นก็มักจะปฏิเสธเสียงแข็ง
‘เทียนไปสมัครงานไว้หลายที่แล้วค่ะ เทียนไม่อยากเรียนต่อแล้ว แค่นี้ก็ทำลุงยักษ์กระเป๋าแบนไปมากโข’
‘พูดมาก ฉันมีปัญญาส่งเธอเรียน เธอมีหน้าที่เรียนก็เรียนให้จบ ปริญญามีแต่คนอยากได้ เธอเป็นคนประเภทไหนไม่อยากกอดใบปริญญาเลยหรือไง’
‘เรียนจบปริญญาตรีก็ใช่ว่าจะออกมาแล้วมีงานรองรับนี่คะ’
‘ถ้าพ่อแม่เธออยู่คงผิดหวังในตัวเธอมากนะเทียนตะวัน’
‘ลุงอย่าเอาพ่อกับแม่มาอ้างเลยค่ะ เทียนไม่อยากเรียนต่อ จบข่าว’
จักรพรรดิคิดถึงเด็กนั่น ทำไมถึงไม่อยากมีอนาคตดีๆ ก็ไม่รู้ อริสราและติณณ์ แม่กับพ่อของเธอคงต้องเสียใจแน่ๆ มือใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจ รอไม่นานก็มีเสียงหวานตอบกลับมา
“สวัสดีค่ะคุณยักษ์ มีอะไรให้นีน่าช่วยหรือคะ”
นีน่าคือผู้หญิงที่ใครๆ ก็มักจะคิดว่าเป็นแฟนเขา ซึ่งมันไม่จริงเลย จักรพรรดิไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับนีน่า ต่อให้เธอจะสวยหยาดฟ้ามาดินแค่ไหนก็ตาม
“ผมอยากส่งเทียนตะวันไปเรียนต่อ”
“คุณเคยบอกว่าเทียนตะวันไม่ยอมเรียนต่อนี่คะ”
“ใช่ แต่ผมจะบังคับเธอเอง คุณช่วยติดต่อมหาวิทยาลัยดีๆ เสียเงินเท่าไหร่ผมจ่ายไม่อั้น ขอแค่ให้เทียนได้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี ผมอยากให้พ่อกับแม่ของแกดีใจ”
“ได้ค่ะ แล้วนีน่าจะดูให้นะคะ”
“ขอบคุณครับนีน่า ไม่รบกวนแล้วครับ”
“อะไรกัน นีน่าหมดประโยชน์เร็วจังเลยนะคะ”
“ผมแค่ไม่อยากรบกวนคุณ นี่มันก็ค่ำแล้ว เอ่อ...คุณกินข้าวเย็นหรือยังครับ”
ไม่รู้ว่าปลายสายตอบอะไร คนแอบฟังก็ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาด้วยความเสียใจ
เทียนตะวันไม่อยากเรียนต่อ เธออยากช่วยงานจักรพรรดิให้สมกับที่เขาเลี้ยงดูมา เธอไม่อยากเป็นภาระให้เขาอีกแล้ว แต่ทำไม...ทำไมเขาจึงเอาแต่จะขับไล่ไสส่งเธอไปให้ไกลๆ เหมือนต้องการกำจัดเธอออกไปให้พ้นทางความรัก ใครๆ ก็รู้ลุงยักษ์ของเธอคบหาดูใจกับคุณนีน่า บางทีที่ส่งเธอไปเรียนต่อคงเพราะไม่อยากให้เธอเป็นก้างขวางคอความรักของเขากระมัง
สาวน้อยเดินกลับขึ้นห้องด้วยสภาพเหมือนหมาง๋อย ถ้าเขาอยากให้ไปเธอจะไป
แต่...
จักรพรรดิออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันท่อนล่างหมิ่นเหม่ ด้วยไม่คิดว่าจะต้องเจอใครบางคนนั่งอยู่บนปลายเตียงนอนของเขา
“เข้ามาทำไมกันเทียน ถ้ามีเรื่องจะคุยกับฉัน ออกไปรอข้างนอกก่อนเดี๋ยวแต่งตัวเสร็จแล้วจะตามลงไป”
“เทียนขอคุยด้วยแป๊บเดียวค่ะ” อย่าว่าแต่สภาพของจักรพรรดิเลย สภาพของเทียนตะวันในชุดนอนบางเบามันชวนให้เขาลอบกลืนน้ำลายเป็นว่าเล่นจนรู้สึกคอจะแห้งผากเอาดื้อๆ
“ไปคุยกันข้างนอก เป็นสาวแล้วไม่รู้หรือไงว่าอะไรควร อะไรไม่ควร”
“ลุงยักษ์อุ้มเทียนตั้งแต่ 7 ขวบ จนตอนนี้ 20 แล้ว 14 ปีที่อุ้มเทียนมา คงไม่คิดอะไรแบบนั้นกับเด็กที่ลุงอุ้มหรอกมั้งคะ”
จักรพรรดิจะไม่นึกอยากตีเทียนตะวันถ้าเด็กสาวจะไม่สาวเท้าเข้ามาหา และนั่นก็ทำให้ร่างใหญ่ถอยกรูด ไม่ได้กลัวแต่...แต่...เกรงจะทำไม่ดีกับหลานสาวของตัวเอง
“ลุงยักษ์ทำท่าเหมือนกลัวเทียนเลย”
“ไม่ได้กลัว” เขาตอบทันควัน “แต่แบบนี้มันไม่ดี ถ้าใครรู้เข้าเธอนั่นแหละจะเสียหาย” พูดไปก็ถอยหลังไปจนชนเข้ากับตู้หนังสือ
