บทที่ 2 งานเลี้ยงต้อนรับ

เธอรู้ดีว่านี่คือการประกาศสงครามประสาทของญาณิดา ด้วยรูปถ่ายใบนั้นที่หล่อนกำลังกอดกับธนวัฒน์

เธอจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานเนิ่นราวกับจะเพ่งให้มันทะลุ หรือไม่ก็เพื่อทรมานตัวเอง โดยการย้ำเตือนความจริงซ้ำๆ ใส่สมองว่าธนวัฒน์ไม่ได้รักเธอ

ทว่าความเจ็บปวดที่กัดกินไปทั่วหัวใจกลับแจ่มชัดเหลือเกิน

"นายหญิงคะ มีโทรศัพท์ถึงนายหญิงค่ะ"

เสียงเคาะประตูของป้าแก้วสาวใช้ ทำให้จินต์จุฑาได้สติขึ้นมาและรีบกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ทันที

จินต์จุฑาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง โดยไม่ต้องรับสายเธอก็รู้ดีว่าใครเป็นคนโทรมา

"จินต์จุฑา ปีกกล้าขาแข็งขึ้นนะ กล้าบล็อกเบอร์ฉันเหรอ?" น้ำเสียงหยาบกระด้างและเกรี้ยวกราดจากปลายสาย ดังทะลุออกมาแทบจะได้ยินไปไกลถึงสองกิโล

"มีธุระอะไรคะ?" จินต์จุฑาตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองไปยังโซฟาเบื้องหน้า

กับพ่อในนามคนนี้ เธอไม่เหลือความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกใดๆ ให้แล้ว ยิ่งเขาเป็นผู้ชายสารเลวที่ทิ้งลูกเมียด้วยแล้ว

ปลายสายดูเหมือนจะชะงักไปครู่หนึ่งกับน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ของเธอ

"หึ น้องสาวแกกลับมาแล้วรู้ใช่ไหม เย็นนี้กลับมาบ้านด้วย"

จินต์จุฑาอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะออกมา พร้อมกับรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะอาการแพ้ท้อง เธอจึงยกมือขึ้นลูบหน้าท้องเบาๆ เพื่อระงับความไม่สบายตัว

"น้องสาว? จำได้ว่าแม่ฉันมีลูกคนเดียวนะ ไปเอาน้องสาวมาจากไหน?"

ภาพที่ญาณิดาส่งมาให้เมื่อครู่ผุดขึ้นมาในหัว น้องสาวดีๆ ที่ไหนเขาจะกอดกับพี่เขยตัวเองแนบแน่นขนาดนั้น

สมชาติที่อยู่ปลายสายพยายามข่มอารมณ์ กัดฟันกรอดด้วยใบหน้าถมึงทึง

"จินต์จุฑา อย่าให้มันมากนักนะ อย่าลืมว่าแกก็เป็นคนของตระกูลจรรยชาติ อีกอย่าง... อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแม่แกอยู่ที่ไหน"

เมื่อได้ยินดังนั้น นิ้วมือของจินต์จุฑาก็บีบโทรศัพท์แน่นโดยไม่รู้ตัว

"คุณต้องการอะไร? ฉันขอเตือนนะ อย่ามายุ่งกับแม่ฉัน ไม่งั้นฉันไม่จบกับคุณแน่"

แต่สมชาติรู้ดีว่าจะจัดการกับจินต์จุฑาอย่างไร และรู้ว่าจุดอ่อนของจินต์จุฑาก็คือแม่ที่นอนพะงาบๆ อยู่ของเธอนั่นเอง

"ประโยคนั้นฉันควรเป็นคนพูดมากกว่า งานเลี้ยงต้อนรับน้องสาวแกคืนนี้ แกต้องมา ไม่ว่าจะอยากมาหรือไม่ก็ตาม" พูดจบเขาก็กระแทกสายวางไปทันที

จินต์จุฑากำโทรศัพท์แน่นด้วยความเจ็บแค้นจนข้อนิ้วซีดขาว ดี... ดีมาก จะบีบคั้นกันให้ตายเลยใช่ไหม?

ถ้าอย่างนั้น เธอก็จะไม่ยอมให้พวกเขามีความสุขในงานเลี้ยงต้อนรับบ้าบอนั่นเหมือนกัน

ที่แท้ความรู้สึกกระวนกระวายและใจสั่นตลอดหลายวันที่ผ่านมา นอกจากเรื่องท้องแล้ว ก็เป็นเพราะญาณิดานี่เอง

น้องสาวต่างแม่ที่เธอไม่อยากยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ลูกนอกสมรสที่เกิดจากความมักมากของสมชาติ

ตอนนั้นเธอถูกสมชาติส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ กลับบ้านได้แค่เดือนละครั้ง และพวกมันก็ฉวยโอกาสตอนที่เธอไม่อยู่เล่นงานแม่

กว่าเธอจะได้รับข่าวว่าแม่กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ทุกอย่างก็สายเกินแก้เสียแล้ว

กลายเป็นว่าตอนนี้เธอกลับต้องตกอยู่ในสถานะลูกเมียน้อย ส่วนแม่ของเธอ 'ดวงใจ' กลายเป็นมือที่สาม ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะญาณิดากับแม่ของหล่อน

หลังจากตั้งสติได้ จินต์จุฑาก็ส่งข้อความทางไลน์หาธนวัฒน์ ถามว่าเขาพอจะไปตระกูลจรรยชาติเป็นเพื่อนเธอได้ไหม

ผ่านไปสักพัก เธอเห็นข้อความขึ้นว่า "อ่านแล้ว" แต่ไม่มีการตอบกลับ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จินต์จุฑาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บแปลบในใจ

ก่อนออกจากบ้านตอนค่ำ เธอหยิบรองเท้าส้นสูงออกมาด้วยความเคยชิน แต่พอสวมเข้าไปก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังท้อง จึงถอดออกแล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยแทน

เด็กคนนี้... เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บเอาไว้ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับธนวัฒน์จะเป็นอย่างไร เด็กคนนี้ก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ

นอกจากแม่แล้ว ก็ไม่มีใครรักเธออีก เธอจึงหวังว่าลูกของเธอจะรักเธอได้บ้าง

คฤหาสน์เปิดไฟสว่างไสว จินต์จุฑายังไม่ทันก้าวเท้าเข้าประตู ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังลอดออกมา

"ญาณิดา กลับมาคราวนี้จะไม่ไปไหนอีกแล้วใช่มั้ยลูก?" ฟังแค่เสียงก็รู้ว่าเป็นคุณย่าจอมปากร้ายและใจแคบของเธอ

"ค่ะ หนูไม่ไปไหนแล้วค่ะคุณย่า หนูอยู่เมืองนอกคิดถึงคุณย่าจะตาย" ญาณิดาออดอ้อนพลางกอดแขนหญิงชราไว้

"โตป่านนี้แล้วยังจะมาอ้อนอีก" สมชาติส่ายหน้ายิ้มๆ มองดูญาณิดาด้วยสายตาเปี่ยมรัก

"หนูอ้อนแล้วไม่ดีเหรอคะ? พี่วัฒน์ไม่ชอบให้หนูอ้อนเหรอ?" หญิงสาวเอียงคอหันไปกระพริบตาปริบๆ ให้ชายหนุ่มทางขวามืออย่างน่ารัก

"ชอบครับ"

เสียงที่คุ้นเคยนั้นตรึงร่างของจินต์จุฑาให้แข็งทื่ออยู่หน้าประตู มือที่จับลูกบิดประตูอยู่ไม่สามารถหมุนเปิดเข้าไปได้

ที่แท้... เขาไม่ใช่ไม่เห็นข้อความ และไม่ใช่ลืมตอบ แต่เขาแค่ไม่อยากมากับเธอต่างหาก

คนข้างในคุยอะไรกันอีก เธอแทบไม่ได้ยิน มันอื้ออึงไปหมดในหัว

ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก

"คุณหนู? ท...ทำไมไม่เข้าไปข้างในคะ?" เสียงร้องทักด้วยความตกใจของสาวใช้ทำให้เสียงหัวเราะข้างในเงียบกริบลงทันที

คุณหนู? ช่างเป็นคำเรียกที่น่าขันสิ้นดี

สาวใช้รีบเดินเลี่ยงออกไปทิ้งขยะ ปล่อยให้จินต์จุฑายืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม

สายตาของเธอมองฝ่าฝูงชนไปสบเข้ากับธนวัฒน์ที่นั่งอยู่ในห้องอาหาร เธอเห็นความเย็นชาในแววตาคู่นั้น เพียงชั่วแวบเดียว เธอก็เบือนหน้าหนี

"พี่จินต์ มาแล้วเหรอคะ พวกเรารอพี่อยู่พอดีเลย" ญาณิดาทำท่าดีใจจนออกนอกหน้า

จินต์จุฑาไม่สนใจ เดินตรงเข้าไปนั่งลงที่ปลายโต๊ะด้วยใบหน้าเรียบเฉย มองดูทุกคน

"ทำตัวแบบนี้หมายความว่ายังไง ให้ทุกคนมารอแกคนเดียว มาก็ช้า แถมยังมาชักสีหน้าใส่ จะให้ใครดูฮะ?" คนแรกที่เปิดฉากด่าคือคุณย่า ยังคงปากคอเราะร้ายเหมือนเดิม

"โธ่ คุณย่าคะ อย่าว่าพี่จินต์เลยค่ะ พี่เขาคงมีธุระติดพันจริงๆ ใช่มั้ยคะพี่จินต์"

ญาณิดายิ้มหวานประจบจินต์จุฑา ถ้าไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของญาณิดา เธอคงหลงเชื่อไปแล้วว่าแม่น้องสาวคนนี้กำลังช่วยแก้ต่างให้เธอจริงๆ

"ไม่ใช่ว่าจะกินข้าวเหรอ? ก็รีบกินสิ กินเสร็จฉันมีธุระต่อ" เธอพูดประโยคนี้ใส่สมชาติ

สมชาติได้ยินดังนั้นก็โกรธจนควันออกหู แต่เกรงใจธนวัฒน์ที่นั่งอยู่ด้วย จึงได้แต่ข่มความโกรธเอาไว้

"จินต์จุฑา แม่แกสั่งสอนมาแบบนี้สินะ ไม่มีมารยาท มาถึงก็ไม่รู้จักทักทายผู้หลักผู้ใหญ่"

จินต์จุฑาคร้านจะปั้นหน้าเสแสร้งอีกต่อไป กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเย็นชา

"ที่นี่มีใครน่าเคารพให้ฉันต้องทักทายด้วยเหรอ?"

สมชาติทำท่าจะอ้าปากด่าต่อ แต่ธนวัฒน์ชิงพูดขึ้นก่อน

"จินต์จุฑา อย่าลืมว่าตอนนี้คุณยังเป็นนายหญิงของตระกูลธนาเศรษฐ์"

คำพูดของธนวัฒน์ทำให้จินต์จุฑาชะงักไป ความหมายของเขาคือ ตอนนี้เธอยังแบกรับตำแหน่งนายหญิงตระกูลธนาเศรษฐ์อยู่ ห้ามทำตัวขายหน้าเขา ห้ามทำตระกูลธนาเศรษฐ์เสียชื่อเสียงงั้นสิ?

จินต์จุฑาหันไปมองธนวัฒน์อย่างเต็มตา ผู้ชายที่ใช้ชีวิตร่วมกับเธอมาสองปี ผู้ชายที่เธอดูแลปรนนิบัติอย่างดีมาตลอดสองปี ผู้ชายที่ทำให้เธอต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาสองปี และเป็นผู้ชายที่เธอแอบรักมาตลอดช่วงวัยสาว

ในเวลานี้ เธอกลับรู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขาเลย ในฐานะสามี เขากลับไปนั่งเคียงข้างผู้หญิงอื่น ทั้งที่เขายังคงดูสง่างาม สูงส่ง และวางตัวดีเหมือนสุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อม แต่ในสายตาของจินต์จุฑาตอนนี้ เขากลับดูน่ารังเกียจและอัปลักษณ์เหลือเกิน

เธอจ้องหน้าเขา จู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอมขึ้นมาอย่างรุนแรง เธอจึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที

การกระทำนี้ทำให้ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ใบหน้าของธนวัฒน์ถอดสีไปวูบหนึ่ง ความรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างแล่นเข้ามา เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินตามไปทันที

"พี่จินต์เป็นอะไรไปคะ?" ญาณิดาแสร้งทำเป็นตกใจและเป็นห่วง

"คงไม่ใช่ว่าท้องหรอกนะ" คุณย่าพูดเหน็บแนมขึ้นมาลอยๆ

"เป็นไปไม่ได้!" จู่ๆ ญาณิดาก็กรีดร้องปฏิเสธเสียงหลง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป