บทที่ 5 อารมณ์ที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งสองคุยกันต่ออีกสักพัก ก่อนกลับนิราถึงนึกเรื่องสำคัญของวันนี้ขึ้นมาได้
"วางใจเถอะ ฉันจะช่วยแกเก็บความลับเอง อ้อจริงสิ วันนี้ที่มาหาเพราะมีอีกเรื่องจะบอก ทาง 'ดวงดารา' เจาะจงมาเลยนะว่าอยากให้แกเป็นคนออกแบบเครื่องประดับคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ มีไอเดียอะไรบ้างหรือยัง?"
ดวงดาราเป็นแบรนด์เครื่องประดับในเครือบริษัทธนาเศรษฐ์ เธอใฝ่ฝันอยากเป็นนักออกแบบเครื่องประดับมาตลอดเพื่อสานฝันของคุณแม่ให้เป็นจริง แต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอถูกญาณิดาวางแผนใส่ร้ายจนตกเป็นข่าวฉาวเรื่องการลอกเลียนผลงาน ทำให้เธอพลาดโอกาสในเส้นทางนี้ไป ตามคำแนะนำของนิรา เธอจึงต้องเลือกเดินอีกเส้นทางหนึ่ง โดยใช้นามแฝงว่า "สุมิตา" ส่งผลงานไปยังบริษัทเครื่องประดับต่างๆ หลังเรียนจบ ซึ่งโชคดีที่ผลงานของเธอโดดเด่นจนเป็นที่จับตามอง
หลายปีมานี้ แม้จะไม่มีใครรู้จักจินต์จุฑา แต่ในวงการไม่มีใครไม่รู้จัก "อาจารย์สุมิตา" แม้จะไม่เคยมีใครเห็นตัวจริง และเธอไม่เคยเข้าร่วมการประกวดใดๆ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความชื่นชอบและกระแสตอบรับในผลงานของเธอ เพราะเครื่องประดับที่เธอออกแบบนั้นเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณและเรื่องราว
"แบบร่างที่ฉันส่งไปคราวที่แล้วผ่านการคัดเลือกแล้วเหรอ?" ในที่สุดก็มีเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง
ใช่แล้ว ครั้งนี้ดวงดาราจะร่วมมือกับจีวี ทางนั้นเลยให้ความสำคัญกับการออกแบบครั้งนี้มาก ได้ข่าวว่าเปลี่ยนทีมออกแบบไปหลายชุดแล้ว สุดท้ายผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของทางนั้นก็โทรมาหาฉันเองเลย นิรายกยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจ
จินต์จุฑารู้สึกประหลาดใจมาก
"แกหมายถึงแบรนด์เครื่องประดับหรูระดับโลกอย่าง GV น่ะเหรอ? พวกเขาจะเข้ามาทำตลาดในประเทศแล้วเหรอเนี่ย?" แบรนด์นี้ไม่ใช่แค่มีเงินก็ซื้อได้ แต่ต้องมีอิทธิพลบารมีด้วย ไม่นึกเลยว่าบริษัทธนาเศรษฐ์จะสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ จินต์จุฑาแอบทึ่งในความสามารถของธนวัฒน์อยู่ลึกๆ
"ใช่ สายข่าววงในบอกมาแบบนั้น เห็นว่าตัวแทนจำหน่ายหลักของ GV ในไทยกำลังจะเข้ามาดูตลาดและเลือกแบรนด์เครื่องประดับสักแบรนด์เพื่อร่วมงานด้วย ตอนนี้ไม่ใช่แค่ดวงดาราหรอกนะ แบรนด์ใหญ่ๆ ต่างก็เตรียมตัวกันยกใหญ่ ใครๆ ก็อยากคว้าโอกาสนี้ทั้งนั้น จิน... ตอนนี้มีบริษัทเครื่องประดับติดต่อฉันมาหลายเจ้าเลยนะ แกจะเอายังไง?"
เธอเข้าใจความหมายของนิราดี ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับธนวัฒน์ย่ำแย่ขนาดนี้ นิราคงกลัวว่าถ้าเธอยังเลือกทำงานให้ดวงดารา เธออาจจะต้องฝืนใจตัวเอง
"ไม่เป็นไรหรอกนิรา ตอนนี้ในตลาดภายในประเทศ แบรนด์ดวงดารามีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด และเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดด้วย ดีไซเนอร์ตัวเล็กๆ ที่เปิดเผยตัวตนไม่ได้อย่างฉัน เลือกพวกเขาไม่ขาดทุนหรอก"
นิราขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
"อะไรคือเปิดเผยตัวตนไม่ได้ ยะ! ขอร้องล่ะ แกแค่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดูลึกลับน่าค้นหาต่างหาก นี่มันกลยุทธ์ทางการตลาดนะยะ"
จินต์จุฑาหัวเราะออกมา
"โอเคๆๆ คุณนิราพูดอะไรก็ถูกหมดแหละ งั้นฉันคงต้องฝากผู้จัดการคนเก่งช่วยทำการตลาดให้ฉันต่อไปแล้วล่ะนะ"
นิราเริ่มสู้ชีวิตมาพร้อมกับเธอตั้งแต่เรียนจบ เธอรับผิดชอบงานออกแบบเบื้องหลัง ส่วนนิราดูแลการเจรจาภายนอกทั้งหมด ดังนั้นคนในวงการจึงเคยเห็นแต่ผู้จัดการส่วนตัวของสุมิตา แต่ไม่เคยมีใครเห็นตัวจริงของสุมิตาเลย
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ ทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ก่อนกลับนิราย้ำให้เธอคิดทบทวนเรื่องความร่วมมือนี้ให้ดี ซึ่งเธอก็เก็บมาใส่ใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาให้รอบคอบจริงๆ
จินต์จุฑาคิดว่าคืนนี้ธนวัฒน์คงไม่กลับมาแน่ๆ แต่ผิดคาด เขากลับมาถึงก่อนเธอเสียอีก
อ่าวบลูวอเตอร์ตั้งอยู่ติดทะเลและโอบล้อมด้วยภูเขาสามด้าน นับเป็นทำเลทองตามหลักฮวงจุ้ยที่หาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีหรือผู้มีอำนาจในเมืองเอ็ม ต่างก็ภูมิใจที่ได้ครอบครองวิลล่าในอ่าวบลูวอเตอร์ เพราะมันคือสัญลักษณ์ของสถานะและบารมี และโครงการวิลล่าหรูแห่งนี้ก็พัฒนาโดยธนวัฒน์ แน่นอนว่าเขาเองก็ครอบครองทำเลที่ดีที่สุดในอ่าวบลูวอเตอร์เช่นกัน
ทันทีที่จินต์จุฑาผลักประตูเข้ามา ป้าแก้วก็รีบเดินเข้ามารับเสื้อคลุมจากมือเธอ
"ว้าย! นายหญิง หน้าไปโดนอะไรมาคะ ทำไมบวมขนาดนี้? เดี๋ยวป้าไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้นะคะ" ป้าแก้วอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอ และเป็นคนใจดีมีเมตตา ปกติจินต์จุฑาจึงมักจะสนิทใจกับป้าแก้วมากกว่าใคร
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เจ็บ ป้าไปทำงานเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน" จินต์จุฑาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเดินผ่านป้าแก้วตรงไปยังห้องรับแขก
ป้าแก้วได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เธอเป็นคนเก่าคนแก่ของนายหญิงใหญ่ที่บ้านตระกูลหลัก ตั้งแต่ธนวัฒน์แต่งงานเธอก็ถูกส่งมาดูแลเขาที่นี่ เธอดูออกว่าคุณผู้ชายไม่ได้ดีต่อภรรยาเลย แต่ในฐานะคนรับใช้ เธอก็ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ
"กลับมาซะดึกดื่น ไปไหนมา?" ธนวัฒน์นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่บนโซฟา ดูท่าทางเหมือนจงใจนั่งรอเธออยู่
ความรู้สึกดีๆ เล็กน้อยที่จินต์จุฑามีเมื่อช่วงบ่าย มลายหายไปสิ้นทันทีที่ได้ยินคำถามเชิงตำหนิของเขา
"ท่านประธานคะ ฉันจะไปไหน มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอ?" ใจจริงเธออยากจะสวนกลับไปว่า 'คุณไม่ไปเฝ้าคนรักแรกของคุณที่โรงพยาบาล มาจ้องจับผิดฉันทำไม' แต่เธอก็ข่มใจกลืนคำพูดนั้นลงไป
"อย่ามาพูดจาประชดประชันนะ พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกับฉัน ไปขอโทษญาณิดาซะ"
ธนวัฒน์ออกคำสั่งเสียงแข็ง แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของเธอ แววตาของเขาก็หม่นลงทันที
"พ่อเธอตบเธอเหรอ?" ธนวัฒน์บอกไม่ถูกว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร มันทั้งอึดอัด แน่นหน้าอก และเจ็บแปลบขึ้นมา ราวกับว่ารอยตบบนหน้าของเธอมันกรีดแทงเข้ามาในดวงตาของเขา
"ใช่ค่ะ พ่อตบฉันมาฉาดหนึ่งแล้ว คุณยังจะให้ฉันไปขอโทษหล่อนที่โรงพยาบาลอีกเหรอ? หรือคุณจะตบฉันซ้ำอีกสักทีก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาลให้เมื่อย" วาจาของจินต์จุฑาเชือดเฉือนทุกคำ ทิ่มแทงจนธนวัฒน์รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว
เขากัดฟันกรอดจ้องมองเธอ
"จินต์จุฑา เธอทำตัวแบบนี้ประชดใครกัน ความสัมพันธ์ของฉันกับญาณิดา เธอเพิ่งจะมารู้เอาวันแรกหรือไง? อย่าลืมสิว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร" ธนวัฒน์พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกจากห้องรับแขกไปด้วยความโมโห
จินต์จุฑาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า นั่นสินะ เธอจะโกรธไปทำไม ในเมื่อก่อนแต่งงานเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าคนที่ธนวัฒน์รักคือญาณิดา
เพียงเพราะธนวัฒน์ไม่รักเธอ เธอถึงต้องตีโพยตีพายขนาดนี้เชียวหรือ? แต่นี่มันก็เป็นความจริงที่เธอรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จินต์จุฑา... นี่เธอกำลังอิจฉาเหรอ? หรือกำลังเกลียดเพราะรักกันแน่?
เธอเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ
ไม่... เธอจะไม่ยอมกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจแบบนั้น และจะไม่เป็นเหมือนแม่ที่ขาดความรักจากผู้ชายไม่ได้ นั่นไม่ใช่ชีวิตของจินต์จุฑา
พอคิดได้แบบนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ความอึดอัดที่กดทับไว้ดูเหมือนจะจางหายไป เธอฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนไป
ส่วนธนวัฒน์ที่กลับเข้ามาในห้องทำงาน ยิ่งคิดถึงเรื่องวันนี้ก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาด ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนจากความเสียใจอึดอัด กลายเป็นความโล่งอกอย่างกะทันหัน เขารู้ตัวดีว่านี่ไม่ใช่อารมณ์ของเขาแน่ๆ
ไหนจะเรื่องที่วันนี้เขากับจินต์จุฑาอาเจียนพร้อมกันอีก ทุกอย่างมันดูประหลาดเกินไปแล้ว
เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงใช้ความคิด พยายามทบทวนว่าความรู้สึกของเขาเริ่มได้รับผลกระทบตั้งแต่เมื่อไหร่
ดูเหมือนจะเป็นตอนที่เขาขอหย่ากับจินต์จุฑา จินต์จุฑาไม่อยากหย่า เธอจึงเสียใจและเจ็บปวด แล้วทำไมเขาถึงได้รับผลกระทบจากเธอด้วยล่ะ?
ธนวัฒน์ยังไม่อยากปักใจเชื่อว่าตัวเองจะถูกจินต์จุฑาครอบงำความรู้สึก เขาจึงตัดสินใจจะไปพิสูจน์ให้รู้เรื่อง
จินต์จุฑาอาบน้ำเสร็จแล้ว กำลังนั่งทาครีมบำรุงผิวอยู่ที่ขอบเตียง ชุดนอนผ้าไหมสีขาวเลิกขึ้นสูงจนเห็นต้นขาอ่อน ขณะที่เธอกำลังทาครีมอย่างตั้งใจ จู่ๆ ธนวัฒน์ก็ผลุนผลันเข้ามาในห้อง
