บทที่ 15 Chapter 15

21.05 น.

พราวฟ้าเดินออกจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จ วันนี้เธออาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอนช้ากว่าทุกวัน เป็นเพราะเพิ่งกลับมาถึงบ้านพร้อมบุหงันในเวลายี่สิบนาฬิกาสามสิบนาที ครึ่งวันที่อยู่บ้านยุรนันท์ พราวฟ้าลดความเศร้าเสียใจไปได้เยอะ เนื่องจากครอบครัวยุรนันท์ให้การต้อนรับพราวฟ้าดีมาก ทุกคนอัธยาศัยดี เป็นกันเองและเป็นมิตร

ยุรนันท์ที่รู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นกับพราวฟ้า เขาแทบไม่ห่างเธอเลย คอยพูดคุย เอาอกเอาใจและเอาใจใส่ แถมยังเป็นลูกมือในครัวขณะพราวฟ้าสอนแม่ครัวที่บ้านทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แน่นอนว่ามื้อเย็นเธอได้โชว์ฝีมือการทำอาหาร แม้ว่าจะเป็นอาหารไทยง่ายๆ เพียงแค่สี่อย่าง ทว่าได้รับคำชมจากครอบครัวยุรนันท์หนักมาก พราวฟ้ายิ้มไม่หุบ ส่วนบุหงันยิ้มหน้าบาน ราวกับว่า ทุกคนกำลังชมนางอยู่ก็ไม่ปาน อาจเป็นเพราะนางดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มและความสุขบนใบหน้าหลานสะใภ้ ซึ่งนางรู้ดีว่า ใต้ความสุขกลบความเศร้าเสียใจไว้ไม่มิด

เมื่ออยู่คนเดียวในห้องนอนที่ไร้ร่างสามี ความรู้สึกเศร้าจับใจหวนกลับมาหาพราวฟ้าอีกครั้ง แล้วเหมือนความเสียใจถูกทับถมมาตลอดทั้งวัน มันไม่ได้ระบายออก เสียงร้องไห้ปนเสียงสะอื้นดังไม่หยุด ราวกับว่าพราวฟ้ากำลังผันความเสียใจให้ออกไปจิตใจ

รอยทุบตีจางหายไว ทว่าสภาพจิตใจพราวฟ้านั้น คล้ายซึมลึกลงไปก้นบึ้งความรู้สึก และนับวันยิ่งทับถมขึ้นเป็นชั้นๆ ชั้นที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบเต็มพื้นที่

พราวฟ้านอนร้องไห้บนเตียง เธอพลิกตะแคงมายังที่นอนว่างเปล่าข้างกาย เป็นพื้นที่ว่างรอให้ปรินทร์กลับมานอน เวลานี้คนกำลังเสียใจต้องการปรินทร์มากที่สุด มากกว่าน้ำตาที่เปรียบเสมือนมิตรแท้ พราวฟ้าอยากได้อ้อมกอดอบอุ่นจากปรินทร์ เธอแค่อยากให้เขาอยู่ใกล้ๆ ได้เห็นรอยยิ้ม สัมผัสถึงความรักทั้งทางร่างกายและวาจา แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว ทุกสิ่งอย่างที่ได้รับจากเขาคือการเยียวยาหัวใจช้ำๆ ดวงนี้ให้พลิกฟื้นมีชีวิต มีพลังต่อสู้กับความเกลียดชังของอรุณที่มีต่อเธอ

แต่ปรินทร์ก็ไม่อยู่ตรงนี้ ไม่อยู่ในวินาทีที่พราวฟ้าต้องการมากที่สุด...

เคว้งคว้าง อ้างว้างและเปลี่ยวเหงา

ความรู้สึกเหล่านี้วิ่งจู่โจมหัวใจพราวฟ้า ยิ่งทำให้เธอร้าวรานใจมากขึ้น จิตใจดิ่งลึกลงสู่หุบเหว ที่ลึกลง ลึกลงมากขึ้นทุกขณะจิต

“พี่โดม...พี่โดมอยู่ไหนคะ...ทรายอยากกอดพี่โดม” ด้วยนิสัยที่ไม่ตามจิกสามี พราวฟ้าจึงไม่โทรหาปรินทร์เพื่อถามว่า ตอนนี้เขาอยู่ไหน อยู่กับใครและทำอะไรอยู่ เมื่อตอนเย็นเขาโทรมาบอกเธอว่า วันนี้อาจกลับดึกเนื่องจากไปกินอาหารกับลูกค้าที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพาลูกค้าไปสังสรรต่อที่ผับ เธอยิ่งไม่กล้าโทรถามสามีว่าจะกลับเวลาใด เธอจึงได้แต่เฝ้ารอด้วยน้ำตาและหัวใจสุดช้ำ

ขณะที่คนเป็นเมียกำลังจมอยู่กับความโศกเศร้า ปรินทร์กำลังมีความสุขกับอดีตคนรักที่นั่งคลอเคลียกันผับหรู ทั้งคู่นั่งแนบชิดกันเฉียกเช่นคู่รัก ทิวาทิพย์ป้อนเครื่องดื่มให้ปรินทร์ ก่อนหอมแก้มปรินทร์ เขาหันมาส่งยิ้มให้สาวสวยข้างกายและหอมแก้มกลับ

ปรินทร์ไม่ได้ไปกินอาหารกับลูกค้าตามที่บอกพราวฟ้า ทิวาทิพย์มาหาเขาที่ทำงานตอนสี่โมงเย็น เธอมาพร้อมกับของฝากหลายถุง ทิวาทิพย์บอกว่า ทั้งหมดที่ถือมาคือของฝากจากฝรั่งเศสที่นิลุบล มารดาบังเกิดเกล้าซื้อมาฝากอรุณ เธอจึงอาสานำไปให้อรุณที่บ้าน

ก่อนไปได้โทรไปบอกอรุณก่อน และบังเอิญว่า อรุณไม่อยู่บ้านกว่าจะกลับบ้านก็คงดึกเนื่องจากไปงานเลี้ยงต่อ อรุณจึงให้ทิวาทิพย์นำของทั้งหมดมาฝากไว้ที่ปรินทร์แทน ให้เหตุผลว่า หากนำไปให้ที่บ้าน กลัวว่าคนรับใช้จะทำของฝากซึ่งเป็นกระเป๋าแบรนด์หรู น้ำหอมและนาฬิกาเสียหายขณะนำขึ้นไปเก็บไว้บนห้อง และนี่คือเหตุผลที่ทิวาทิพย์มาหาปรินทร์

“ของฝากจากคุณแม่ของเปิ้ลค่ะ วานโดมเอาไปให้คุณแม่ด้วยนะคะ”

ทิวาทิพย์วางของลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟารับแขก ปรินทร์ปิดแฟ้มเอกสาร ก่อนลุกขึ้นเดินมานั่งบนโซฟาใกล้อดีตคนรัก

“ขอบใจเปิ้ลมากนะที่เอามาให้” ปรินทร์รู้ล่วงหน้าว่า ทิวาทิพย์จะมา คนที่บอกเขาคืออรุณ แล้วยังสั่งอีกว่า ให้เขาเลี้ยงข้าวเย็นเธอเป็นการตอบแทนในความมีน้ำใจ

“เปิ้ลยินดีเป็นที่สุดค่ะ” ทิวาทิพย์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเมื่อวานเปิ้ลต้องขอโทษโดมด้วยนะคะที่เอาแต่ใจไปหน่อย ดื้อดึงจะดูหนังเรื่องที่ตัวเองอยากดู ทั้งที่รู้ว่าไม่สิทธิ์เรียกร้อง”

“ผมควรเป็นฝ่ายขอโทษเปิ้ลมากกว่า เพราะผมชวนเปิ้ลมาดูหนังด้วยกัน แต่ลืมบอกว่าผมจะดูเรื่องอะไร” ปรินทร์กล่าวของโทษอย่างรู้สึกผิด “ผมไม่สบายใจ คิดมากทั้งคืนเลย กลัวเปิ้ลจะโกรธ แต่ก็ไม่กล้าโทรไปหา”

“เปิ้ลไม่โกรธโดม เปิ้ลเข้าใจโดมค่ะ” ทิวาทิพย์ทำตัวเป็นนางฟ้า “แต่ถ้าโดมยังรู้สึกผิดอยู่ แก้ตัวด้วยการพาเปิ้ลไปดูหนังก็ได้นะคะ”

“ก็ได้ครับ เราไปกินข้าวกันด้วยดีไหม คุณแม่บอกว่า ให้ผมพาเปิ้ลไปกินข้าวตอบแทนที่เปิ้ลเอาของฝากมาให้คุณแม่”

ทิวาทิพย์ทำหน้าน้อยใจ เมื่อได้ยินคำพูดปรินทร์

“แหม ถ้าคุณแม่ไม่สั่ง โดมก็คงไม่พาเปิ้ลไปกินข้าวใช่ไหมคะ” แถมยังทำเสียงงอนใส่ ทำราวกับว่าเป็นคนรัก หาใช่เพื่อน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป