บทที่หนึ่ง: การปฏิเสธเย็น
“เราเลิกกันเถอะ”
ฉันสำลักสมูทตี้ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากเขาอย่างเย็นชา แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็กลับมาควบคุมตัวเองได้แล้วยิ้มให้กับมุกตลกร้ายของเขา
โดมินิกเล่นมุกไม่เป็น บุคลิกที่จริงจังและเคร่งขรึมเกินไปของเขาทำให้เขาดูเป็นคนเย็นชาและไม่ใส่ใจอยู่บ่อยครั้ง
ตอนที่ฉันเจอเขาครั้งแรกในคืนก่อกองไฟของฝูง เขามีแววตาที่เย็นชาที่สุดในดวงตาสีน้ำทะเลของเขา
เขาเป็นพวกชอบที่มืดๆ และอยู่ในมุมมืดตลอดทั้งคืน จ้องมองมาที่ฉันจนฉันรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
คืนนั้นฉันพยายามหลบสายตาเขา แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกทึ่งกับมันอย่างน่าประหลาด
ตอนที่ในที่สุดเขาก็ก้าวออกมาสู่แสงสว่าง ตรงมาทางฉัน ฉันสาบานได้เลยว่าลมหายใจของฉันหยุดไปชั่วขณะ
แขนของเขาเต็มไปด้วยรอยสัก ผมยาวหยักศกของเขาปรกใบหน้าด้านหนึ่ง ทำให้เขาดูน่าเกรงขาม เขาเป็นคนสูงลิ่วและมีกล้ามเป็นมัดๆ ด้วย เขาคือต้นแบบของผู้ชายร้ายๆ เลยล่ะ ด้วยดวงตาที่หรี่ลงขับเน้นออร่าอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
เขาทำให้ฉันทั้งตกใจและตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อเราได้คุยกันในที่สุด น้ำเสียงทุ้มลึกของเขาส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วหว่างขาของฉัน วิธีการที่ริมฝีปากของเขาขยับยามพูด วิธีที่มันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม มุกตลกสุดกวนของเขา การเน้นเสียงในแต่ละพยางค์ ทุกอย่างทำให้ฉันหลงใหลราวกับต้องมนตร์
เมื่อคืนนั้นสิ้นสุดลง ฉันก็รู้ตัวว่าฉันถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นเหมือนพวกผู้หญิงในนิยายที่ตกหลุมรักผู้ชายร้ายๆ แบบหัวปักหัวปำ แต่ฉันก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว ติดอยู่ในจินตนาการนั้น
เขาดูอันตรายทุกกระเบียดนิ้ว แต่บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นกลับทำให้ฉันตื่นเต้น มันล่อลวงฉันเข้ามา จนกระทั่งฉันไม่สามารถอยู่ห่างจากเขาได้อีกต่อไป
ความจริงที่ว่าฉันรู้อะไรเกี่ยวกับเขาน้อยมากนั้นไม่สำคัญเลย ตราบใดที่ฉันรู้ชื่อของเขา และรู้ว่าเขาเป็นหมาป่าไร้ฝูงที่ปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของฝูงเรา นั่นก็เป็นข้อมูลที่มากเกินพอสำหรับฉันแล้ว
เขาไม่เคยบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝูงเก่าของเขา เขาเกลียดที่จะพูดถึงมัน หรือแม้แต่จะพูดถึงครอบครัวของเขา ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ว่าชีวิตของเขาเป็นอย่างไรก่อนที่เราจะพบกัน เขาค่อนข้างจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมากเกินไป และฉันรู้ว่ามันเป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง
เพื่อนๆ ของฉันเตือนให้ฉันถอยห่าง ตะโกนกรอกหูฉันว่าเขาดูเหมือนคนที่มีวาระซ่อนเร้น ช่องว่างระหว่างวัย 10 ปีของเราเป็นอีกสิ่งที่พวกเขาเกลียด
ฉันอายุ 19 และเขาอายุ 29 สำหรับพวกเขา มันเป็นเรื่องแปลก แต่สำหรับฉัน มันเป็นสิ่งที่สวยงาม การที่มีผู้ชายอายุมากกว่ามาตกหลุมรักคุณเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ โดมินิกพิสูจน์แล้วว่านั่นเป็นเรื่องจริง
ดังนั้นฉันจึงไม่ฟังเพื่อนๆ ของฉัน ฉันทำไม่ได้ ไม่ใช่ในตอนที่ฉันตกหลุมรักเขาหัวปักหัวปำขนาดนี้ ไม่ใช่ในตอนที่เราไปงานเต้นรำเลือกคู่และพบว่าเราเป็นคู่แท้กัน ไม่ใช่ในตอนที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเป็นที่รักและเทิดทูนฉันมากกว่าใครๆ ที่เคยมีมา
ความรักอันร้อนแรงที่เขามีให้ฉันเผาผลาญความคิดที่มีเหตุผลทั้งหมดในตัวฉันไปจนหมดสิ้น และพันธะของเราก็ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะอยู่ห่างจากเขา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
ตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว และเขาไม่เคยทำให้ฉันต้องสงสัยในความรักที่เขามีให้ฉันเลย แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกกระทบกระเทือนกับมุกตลกร้ายๆ ของเขาที่บอกว่าจะเลิกกับฉันล่ะ
อาจเป็นเพราะฉันไม่ชอบมุกตลกแบบนี้ ถ้าเขาเลิกกับฉันจริงๆ ฉันอาจจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว เพราะตอนนี้ โลกของฉันหมุนรอบตัวเขาอย่างแท้จริง
“คุณพูดว่าอะไรนะ” ฉันถามพร้อมกับแววขบขันเล็กน้อย เอนหลังพิงเก้าอี้ เราอยู่ในคาเฟ่ร้านโปรด นั่งอยู่ที่มุมโปรดของเรา
เขาสวมเสื้อฮู้ดดี้สีดำตัวหนึ่งที่ทำให้เขาดูดิบเถื่อนยิ่งขึ้น และแนวกรามของเขาก็กระตุก
ฉันรู้สึกแปลกใจที่เขาเล่นมุกแต่กลับไม่ยิ้มเหมือนที่เคยทำ หรือต่อด้วยประโยคคมคายอื่นๆ ที่จะทำให้ฉันหัวเราะออกมา
แต่เขากลับเงียบขรึมอย่างเย็นชา จ้องมองถ้วยกาแฟของตัวเองโดยไม่เหลือบมองฉันเลย โดมินิกไม่เคยอยู่ได้แม้แต่นาทีเดียวโดยไม่ใช้สายตาเปลื้องผ้าฉัน
แต่เรานั่งอยู่ตรงนี้มานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และฉันนับครั้งที่เขามองมาที่ฉันด้วยนิ้วได้เลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฉันบอกว่า ฉันจะเลิกกับเธอ” เขาทวนประโยคที่แสนเจ็บปวดนั้นโดยไม่มีแววขบขัน ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีการล้อเล่น
รอยยิ้มของฉันจางหายไป มือที่สั่นเทากอบกุมแก้วสมูทตี้ไว้ขณะที่ฉันข่มความรู้สึกอยากร้องไห้
“นี่…นี่คุณพูดจริงเหรอ”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ”
ความตื่นตระหนกถาโถมเข้ามาดั่งน้ำตก ถล่มกำแพงหัวใจของฉันจนพังพินาศ
“ทำไม ทำไม…” ฉันพูดตะกุกตะกักอย่างหนักจนน้ำตาหยดลงบนโต๊ะ ฉันรีบเช็ดมันออกอย่างลนลาน สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามเปล่งถ้อยคำที่อยู่ริมฝีปาก
“ทำไมคุณถึงจะเลิกกับฉัน” ฉันถาม และความสิ้นหวังในน้ำเสียงยิ่งทำให้หัวใจของฉันแหลกสลายมากขึ้นไปอีก
“เพราะความสัมพันธ์ของเรามันทำให้ฉันเหนื่อย เธอมันโคตรจะไร้เดียงสา และฉันเคยคิดว่าฉันจะรับเรื่องนั้นได้ แต่ฉันรับไม่ได้ ฉันต้องการความสนุกมากกว่าที่คนซื่อบื้ออย่างเธอจะให้ฉันได้”
เขาพูดอะไรของเขานะ ใช่ ฉันอาจจะไร้เดียงสา แต่มันไม่เคยเป็นปัญหาเลย เขาพูดเสมอว่าเขารักความบริสุทธิ์ของฉัน ว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขามีอารมณ์ร่วมกับฉันอย่างมาก
แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ เรื่องนี้มันเริ่มมาจากไหนกัน
“โดมินิก” ฉันเอื้อมไปจับมือใหญ่ของเขาที่วางบนโต๊ะ แต่เขารีบชักมือกลับ “ได้โปรดบอกฉันทีว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่นนะ โดมินิก”
“ฉันเป็นคนชอบล้อเล่นเหรอ คริสติน” เขาตอบ พลางมองมาที่ฉันในที่สุด ฉันตัวสั่นกับความเย็นชาในดวงตาของเขา
“เวลาอยู่กับฉัน คุณก็ล้อเล่นนี่…”
“นั่นแหละประเด็นเลย การอยู่กับเธอมันค่อยๆ เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นในสิ่งที่ฉันไม่ใช่...ตัวตลกบ้าๆ ตัวหนึ่ง”
“อะไรนะ”
“มันเจ็บใช่ไหมล่ะ แต่มันคือความจริง ฉันไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้าไปอยู่ในโลกแฟนตาซีเล็กๆ ของเธอได้ตลอดไป ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น คริสติน ฉันไม่ใช่…”
“ใช่สิ คุณเป็น คุณยืนยันกับฉันเองว่าคุณเป็น…”
“ฉันโกหก และฉันขอโทษที่ยืดเยื้อเรื่องการเดต/การเป็นคู่แท้นี่มานานขนาดนี้ ฉันไม่ควรปล่อยให้มันเริ่มต้นด้วยซ้ำ เมื่อเห็นว่าเราต่างกันขนาดไหน”
ฉันใช้เวลาชั่วครู่มองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครในร้านกาแฟกำลังเห็นช่วงเวลาที่หัวใจสลายนี้
ตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักและดูเหมือนจะกลั้นมันไว้ไม่อยู่แล้ว
เขาเรียกเก็บเงินและจ่ายค่าอาหารของเรา เขาลุกขึ้นจะจากไป แต่ฉันรีบลุกพรวดขึ้นคว้ามือเขาไว้
“ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยนะ โดมินิก ไม่ว่าฉันจะทำอะไรผิดไป ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ นะ”
“คริสติน” เขาพยายามแกะมือฉันออกจากมือเขา แต่ฉันก็ดึงดันจับเขาไว้แน่นกว่าเดิม “อย่าทำให้มันยากไปกว่านี้เลย…”
“ฉันรู้ว่าคุณโกรธฉัน แต่การเลิกกันมันก็รุนแรงเกินไปหน่อย พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันก็ได้…” หรืออยู่กับฉันให้นานกว่านี้อีกหน่อยในคืนนี้ ได้โปรดเถอะ
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน” เขาพูดแทรกขึ้นมา
“อะไรนะ”
“มองหน้าฉันไว้ให้ดีๆ เป็นครั้งสุดท้ายนะ คริสติน เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นหน้าฉัน”
“ไม่นะ” ฉันส่ายหน้าทั้งน้ำตา เกาะเสื้อเขาไว้แน่น “ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย โดมินิก เราเป็นคู่แท้กันนะ…”
“ฉันวางแผนจะจบมันในอีกยี่สิบวินาทีข้างหน้านี่แหละ” เขาพูด และมันรู้สึกราวกับมีดสั้นเล่มหนึ่งถูกแทงลึกเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ
ฉันหน้าซีดเผือดจนพูดไม่ออกและได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลริน ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่มีคำอ้อนวอนใดๆ จะเปลี่ยนใจเขาได้
โดมินิกอาจจะเป็นผู้ชายที่อ่อนหวานที่สุด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ดื้อรั้นไม่แพ้กัน ฉันเคยเห็นเขาแสดงด้านดื้อรั้นนี้กับคนอื่น แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันที่เขาจะแสดงมันกับฉันจะมาถึง
และเพื่อปิดฉากการพบกันที่แสนเจ็บปวดนี้ เขาก็จับมือฉันออกจากเสื้อของเขา พลางทำหน้าบึ้งตึงใส่
น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวยามเอ่ย “ข้า, โดมินิก แกเร็ธ, ขอปฏิเสธเจ้า, คริสติน เดลวิน, ในฐานะคู่แท้ของข้า…”
โลกรอบกายพร่าเลือนไปหมด สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินคือเสียงหัวใจที่แตกสลายดังสนั่นหวั่นไหว
โดมินิกเดินจากไป ทิ้งให้ฉันต้องต่อสู้กับน้ำตาและความเจ็บปวดเพียงลำพัง
