บทที่ 3 เจ้าจับปลาได้อย่างไร
หลังจากที่ลู่จื้อมาอยู่ที่โลกใหม่ได้สองวัน ร่างกายนางก็ตอบสนองได้แล้ว แต่ยังไม่มีแรงที่จะลุกไปวิ่งทำอะไรเท่านั้น
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มารดาและพี่ชายต่างเปลี่ยนกันเข้ามาดูแลนาง ในทุกวันมารดาจะป้อนน้ำแกงให้จึงทำให้ร่างกายนี้ไม่ได้ย่ำแย่นัก ลู่จื้อลืมตาบอกเพดานห้องที่ทั้งดำและเหมือนจะพังลงมา ด้วยความหดหู่
ผนังห้องนอนมีรอยซ่อม เครื่องเรือน อ่อ เรียกเครื่องเรือนได้ไหม เพราะมีเพียงเตียงไม้ไผ่ที่นางนอนอยู่ เก้าอี้ที่เอ่อ... มีสามขา ใช่มันมีสามขา และมีหีบเก่าๆ ถ้าให้นางเดาในนั้นต้องเอาไว้เก็บเสื้อผ้า ไม่น่าจะมีของมีค่าไปมากกว่านี้แล้ว
นางต้องทำให้ตัวเองลุกขึ้นแข็งแรงโดยเร็ว จะอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าวันดีคืนดีนอนอยู่แล้วหลังคาพังลงมา ครั้งนี้ได้ไปนรกสมใจแน่
“น้องเล็ก เจ้าฟื้นแล้ว” พี่ใหญ่ที่เงียบขรึมตามความทรงจำของร่างเดิม ตอนนี้เสียงสั่นน้ำตาคลอมองมาที่น้องสาวที่นอนอย่างเลื่อนลอยบนเตียง
นางเข้าใจได้นะพี่ชายเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง กลับต้องมาแบกรับทุกอย่าง ไหนจะดูแลท่านพ่อ แล้วมาคอยดูว่านางจะฟื้นยัง ต้องหาบน้ำ หาฟืน ขึ้นเขาหาของป่า สมุนไพร ไปขาย
“ทะ ท่านพี่ ขะ ข้า หิวน้ำ” กว่าจะพูดได้ เสียงก็เบาจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
ลู่เพ่ยรีบออกไปเอาน้ำมาให้น้องสาว นางชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นแก้วน้ำ (ได้ต้มน้ำไหม แล้วแก้วจะบาดปากหรือเปล่า เอาวะค่อยๆ ปรับไป) นางดื่มน้ำไปถึงสามแก้ว ลู่เพ่ยก็เอาข้าวต้มมาป้อนน้อง ยังดีที่ไม่ใช่น้ำข้าวเพียงอย่างเดียว
“น้องเล็กเจ้ากินยาแล้วนอนพัก เจ้าจะได้หายเร็วๆ” ลู่เพ่ยส่งยาให้ลู่จื้อพร้อมสายตาคาดหวังให้น้องกินลงไปเร็วๆ (ที่เขาว่ายาจีนมันขม มันขม ขมจริงๆ) กว่าจะหมดลู่จื้อแทบกัดลิ้นตาย
ยังดีที่ลู่เพ่ยยื่นน้ำมาป้อนให้นางจึงพอจะลดความขมของยาลงไปได้บ้าง
ลู่เพ่ยห่มผ้าให้ลู่จื้อเสร็จแล้วจึงออกไปช่วยมารดาทำงานต่อ ผ้าห่มก็เอาเศษผ้ามาเย็บต่อกัน มันหนากว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นิดหน่อย นิดหน่อยที่หน่อยจริงๆ
จะด้วยฤทธิ์ยาหรือร่างกายที่อ่อนแอแบบลูกคุณก็ไม่รู้ ทำให้ลู่จื้อหลับไปทันที นางตื่นอีกครั้งก็ยามเว่ย (13.00-14.59น.) แล้ว
ถือว่าเป็นข่าวดีของบ้านรองที่ลู่จื้อฟื้นแล้ว ลู่จื้อที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเรี่ยวแรงกลับมาห้าส่วนจึงลุกขึ้นเดินสำรวจบ้านตนเอง
ถึงบ้านจะโทรมแทบจะพังแต่สะอาด รอบบ้านก็ไม่มีหญ้ารก มีแปลงผัก เรียกว่าผักมั้งเพราะมันแคระแกร็นเกินกว่าจะมองได้ออกว่าผักที่ปลูกไว้เรียกว่าอะไร
ด้านหลังบ้านมีแม่น้ำกว้างสองจั้งได้ (1จั้ง=3.33เมตร) หากเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณสองลี้ ก็ถึงภูเขาที่ชาวบ้านหาของป่า ล่าสัตว์กัน
อย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างที่เคยฝัน แต่ก่อนที่จะมีชีวิตแบบนั้นมันต้องมีเงินค่ะ ไหนจะซื้อที่ สร้างบ้าน ทำไร่ ทำสวน ค่าเมล็ดผัก พันธุ์ต้นไม้ ทุกอย่างมันต้องใช้เงิน
ลู่จื้อถึงกับกุมขมับ จะหาเงินจากไหน ชีวิตก่อนเงินเต็มบัญชี อยากได้สิ่งใดเพียงแค่โทรสั่งพ่อบ้านทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ตอนนี้ทุนไม่มี ร่างกายก็เหมือนจะละสังขารทุกเมื่อ ในเมื่อยังคิดไม่ออกก็เลิกคิด เข้าบ้านดีกว่า ร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะเดินต่อได้
ถึงบ้านนางเดินเข้าครัวเป็นอันดับแรกเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่ทหารกำลังจะอดตาย ข้าวชั้นต่ำมีไม่ถึงครึ่งถัง แป้ง ธัญพืช มีอย่างละสองชั่งได้
น้ำมัน น้ำตาล เหลือ เหลือติดก้นไห เนื้อสัตว์ไม่มีเลย พระเจ้า นางที่เคยกินข้าวมื้อหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1,000 หยวน (1หยวน=5บาท) ตอนนี้แม้แต่น้ำปลาในบ้านนี้ยังไม่มีเลย (ยุคนี้เขาใช้เกลือ)
ลู่จื้อเดินไปดูบิดาที่ห้อง เห็นว่าบิดายังหลับอยู่จึงหยิบตะกร้า และมีดพร้า เดินไปที่ริมแม่น้ำ ในเมื่ออยากมีชีวิตเรียบง่ายในชนบท นี่ไงได้ดั่งใจนึกแล้ว ก็ต้องสู้ (สู้กับอะไรลู่จื้อได้แต่นึกในใจ
ถึงร่างกายจะไม่พร้อม แต่ท้องที่ร้องดังกว่าเสียงนกร้อง นางจำต้องกัดฟันเดินไปหาของที่พอจะกินได้
อย่างน้อยสวรรค์ก็ยังเมตตา นางเจอจอมปลวกใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ริมแม่น้ำ ลู่จื้อจึงใช้มีดขุดออกมา นางจะนำมาเป็นเหยื่อล่อปลา แม้ไม่เคยลงมือทำ แต่ก็เคยดูในโซเซียลมาบ้าง
ด้วยความที่อยากใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ วันๆ ของลู่จื้อจึงหมดไปกับการดูคอนเทนต์การใช้ชีวิตในชนบท นางก็พอจะจำได้บ้างว่าเขาทำกันเช่นไร
ลู่จื้อเทดินจอมปลวกที่ได้ไว้ริมแม่น้ำ นางนำตะกร้าไปแช่ในน้ำจนมิด ใส่ก้อนหินไว้ด้านล่างกันมันลอยไปกับน้ำแต่ก็กะน้ำหนักไว้แล้วว่าตอนยกขึ้นจะต้องยกไหว จากนั้นนางโยนดินจอมปลวกลงไปบริเวณตะกร้า แล้วก็รอเจ้าปลาน้อยมาตกหลุมพราง ระหว่างรอนั้น
“น้องเล็ก!!! เจ้าทำสิ่งใด ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!!” เสียงตวาดของลู่เพ่ยดังลั่นก่อนจะเห็นตัวเสียอีก
“ท่านพี่ เร็วเข้า มาช่วยข้าเร็ว” ลู่จื้อที่กำลังยกตะกร้าขึ้นเพราะตอนนี้มีปลาเข้ามาในตะกร้าสิบกว่าตัวแล้ว แต่นางยกขึ้นไปด้านบนไม่ไหว ลู่เพ่ยจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยนาง
“ปะ ปลา เจ้าจับได้อย่างไร” ลู่เพ่ยเป็นคนฉลาด เขาสงสัยตัวน้องสาวทันที ในหมู่บ้านแทบไม่มีชาวบ้านออกมาจับปลาเลยเพราะมันว่ายน้ำเร็วมาก แล้วไม่มีใครชอบกินเพราะมันเหม็นคาว
“ช่วยข้ายกขึ้นไปก่อนเร็ว”
