บทที่ 1 สูญเสียและเริ่มต้น
เสียงไอของยายอิ่ม ทำให้หญิงสาวต้องหันไปมองด้วยความเป็นห่วง พักนี้ยายไอติดต่อกันมาหลายวัน แต่พอพูดเรื่องพาไปหาหมอทีไร ยายไม่ยอมฟังเอาเสียเลย จนทำให้รู้สึกท้อ ถ้าหากเธอมีรถ หรือมีญาติคอยช่วยเหลือ คงให้ช่วยลากยายไปโรงพยาบาลแล้ว
“ยายเป็นอะไรหรือเปล่า ญาว่ายายไปหาหมอดีกว่า” หญิงสาวเอ่ยถาม แล้วมองยาย
“ยายไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เราก็เป็นห่วงมากเกินไป เดี๋ยวก็หายแล้ว” ยายอิ่มบอก แล้วล้มตัวลงนอน
“ไม่ได้นะยาย พรุ่งนี้ญาจะพายายไปหาหมอ ห้ามปฏิเสธด้วย เดี๋ยวนี้โรคคนแก่เยอะแยะจะตายไป ไปตรวจสักนิดจะเป็นไรไป”
หล่อนจับท่อนแขนยาย แล้วเอามืออังหน้าผากเพื่อทดสอบดูว่ามีไข้หรือเปล่า ยายไม่มีอาการไข้ แต่ร่างกายกลับเย็นเสียมากกว่า
“เดี๋ยวญาไปทำกับข้าวก่อนนะ เสร็จแล้วจะมาเรียก ยายจะได้กินยา” หล่อนบอก แล้วเดินไปหลังครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับยาย
เพียงเวลาไม่นานทำอาหารเสร็จ หล่อนรีบยกออกมาแล้วตะโกนเรียกยายอิ่มให้ตื่น แต่เสียงเรียกของหญิงสาว ไม่ได้ทำให้หญิงชรายอมขยับกายลุกขึ้นแม้แต่น้อย
“ยายญาทำกับข้าวเสร็จแล้ว ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนนะคะแล้วค่อยนอน” เรียกยายของตนเอง พร้อมกับใช้มือจับไปที่ต้นแขนของยายอิ่มแล้วเขย่าเบาๆ
ยายอิ่มกลับนิ่งสนิท ไม่มีอาการตอบสนองใดๆ ต่อการเขย่าหรือการเรียกเลย หล่อนหน้าซีดเผือด เริ่มเขย่ายายแรงขึ้น แต่กระนั้น หญิงชรายังคงไม่ไหวติง หล่อนมองใบหน้า เห็นยายยิ้ม ในใจเริ่มหวาดกลัว
“ยาย...” ศศิรญาเรียกยายเสียงสั่นเครือไปหมด “ยายเป็นอะไร!”
กายของหญิงสาวสั่นเทา เมื่อหล่อนกำลังตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง ค่อย ๆ ก้มลงใช้หูแนบที่อกข้างซ้าย ฟังเสียงหัวใจ น้ำตาของค่อย ๆ ไหลริน หล่อนฝันไปหรือเปล่า ไม่จริงหรอก
“ยาย ไม่จริงใช่ไหม ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ไหนยายบอกว่าจะอยู่กับญานานๆ จะดูญารับปริญญา ยายมาทิ้งญาไปได้ยังไง!” คนตัวเล็กโถมกายกอดยายสะอื้น ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้
เวลาล่วงเลยผ่านนานเท่าไหร่ หล่อนไม่รับรู้ รู้แต่ตอนนี้ได้สูญเสียญาติเพียงหนึ่งเดียว ความเจ็บปวดเช่นนี้ หล่อนไม่อยากได้รับอีกแล้ว
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูบ้าน ทำให้ศศิรญาสะดุ้ง กลั้นใจยกมือปาดน้ำตา กัดฟันลุกเดินไปหน้าประตูบ้าน ปลดกลอนแล้วแง้มดู สายตาของหญิงสาว มองเห็นชายวัยกลางคนพิการนั่งรถเข็นอยู่ กับชายฉกรรจ์อีกสองคนที่ยืนขนาบข้างเขา คิ้วบางขมวดหากัน หล่อนไม่รู้จักชายคนนี้มาก่อนเลย ประตูเปิดอ้ากว้างมากขึ้น บางทีเขาอาจมาผิดบ้าน
“คุณมาหาใครคะ”
“ฉันต้องการพบยายอิ่ม” ชายพิการตอบหล่อนเสียงแผ่ว
ศศิรญาแปลกใจ ผู้ชายท่าทางเหมือนเศรษฐีมีเงิน รู้จักยายด้วยเหรอ
“คุณรู้จักยายอิ่มด้วยเหรอคะ?” หล่อนสงสัย
“ใช่”
“ขอโทษนะคะ ยายคงไม่พร้อมจะพบคุณในเวลานี้หรอกค่ะ” หล่อนปฏิเสธ เพราะเกรงว่าตนอาจถูกหลอก
คนปฏิเสธหรี่ตาลงจ้องมองความผิดปกติที่ซ่อนในแววตาคู่สนทนา หรือว่าเขาจะมาไม่ทัน ชายพิการหันไปหาลูกน้องแล้วออกคำสั่งทันที
“เข้าไปดูยายอิ่มในบ้านหน่อย”
ชายฉกรรจ์ดูเหมือนเป็นลูกน้องเขาตรงดิ่งเข้าบ้าน ร่างบางพยายามห้ามปรามแต่กลับถูกผลักดันให้หลีก
“เข้าไปไม่ได้นะ พวกคุณทำแบบนี้มันบุกรุกกันชัดๆ” หญิงสาวร้องตะโกน
“หยุดเดี๋ยวนี้ศศิรญา เธอไม่ควรทำแบบนี้!” ชายพิการตวาด ร่างบางสะดุ้งหันมองแววตาสับสน
“พวกคุณต้องการอะไรกันแน่ แล้วทำไมถึงรู้จักชื่อของฉัน”
“ฉันรู้จักชื่อเธอเพราะยายอิ่มเป็นคนบอกฉันเอง” ชายพิการคลายความสงสัย
“ยายรู้จักคุณได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นหลายยังไม่รู้จักคุณเลย ถ้าหากยายรู้จักจริงก็น่าจะบอกฉัน”
คนถูกถามชะงักเล็กน้อย จะบอกอย่างไรให้หญิงสาวเข้าใจ เพราะเขากับยายอิ่มรู้จักกันในสถานการณ์ไม่ดีนัก มันเป็นเรื่องเลวร้ายมากเลยทีเดียว ศศิรญายังไม่ควรทราบเรื่องนี้ หากรู้คงหนีห่างจากเขาแน่นอน
“เรื่องมันยาวเอาไว้เล่าทีหลังก็แล้วกัน” ธานุภาพตัดบท
ไม่นานนักบอดี้การ์ดของธานุภาพก็เดินออกมา แล้วกระซิบข้างใบหู ธานุภาพพยักหน้าเข้าใจ เหลือบมองหญิงสาวตัวคนเดียวด้วยความสงสารระคนเห็นใจ เพราะยายอิ่มเป็นโรคร้ายวันนั้นหญิงชราถึงได้โทรมาหาเขาหลังจากที่หายไปไม่เคยติดต่อมาเลยสักครั้ง ยายอิ่มต้องการให้ดูแลหลานสาว เขาเองยินดีที่จะทำเช่นนั้น เพราะตนทำผิดกับครอบครัวนี้ไว้มาก หากไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้น ครอบครัวนี้คงมีความสุขมากทีเดียว
“ไปพาร่างยายอิ่มออกมา ฉันคงต้องไปจัดการที่โรงพยาบาลอีก” ชายพิการสั่ง แล้วเข็นรถนำออกไป
“คุณจะเอายายฉันไปไหนไม่ได้นะ!” หญิงสาวร้องห้าม
“เธอคิดว่าเธอมีปัญญาจัดการงานศพยายอิ่มได้อย่างนั้นเหรอ ฉันไม่ได้คิดร้ายกับเธอหรอกนะ”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร” คนตัวเล็กน้ำตารื้น
