บทที่ 3 ตอนที่ 3. กาฝากที่ไม่มีใครต้องการ/3
“ไหวคะ มัสคงต้องขอยืมเตาอบป้าเปรมนะคะ เตาที่บ้านมันเล็กกลัวจะอบได้ไม่พอ”
มัสลินรีบตอบรับด้วยน้ำเสียงยินดี การได้ยอดขายเพิ่มขึ้น เท่ากับรายได้ที่มากขึ้น ต่อให้ไม่ไหวเธอก็ต้องทำให้ไหว อาจจะต้องแอบย่องออกมาช่วงค่ำสักสองชั่วโมงมาอบขนม
“ป้าเพิ่งซื้อเตาใหม่ มัสใช้เตาเก่าของป้าได้เลย พวกส่วนผสมป้าจะซื้อมาเผื่อ เงินค่าขายขนมป้ายังไม่ได้จ่ายให้มัส ยังพอมีเหลือ”
เปรมใจมีน้ำใจเสมอ นางหาลูกค้าใหม่ๆ ให้มัสลิน ช่วยซื้อวัตถุดิบมาให้ ด้วยรู้ว่ามัสลินไปซื้อมาด้วยตัวเองลำบาก มีเพียงฝีมือการทำขนมไทยและเบเกอรี่ ที่คุณยายฝ้ายคำถ่ายทอดให้เป็นมรดกความรู้ติดตัว ช่วยในการหาเลี้ยงตัวเอง หากเป็นมรดกทรัพย์สินเงินทอง คงถูกนางแพรพรรณแย่งชิงเอาไปหมด
“ขอบคุณมากค่ะป้าเปรม เดี๋ยวคืนนี้สักสองทุ่ม มัสจะแวะมาขอใช้เตาอบนะคะ”
“ได้เลยจ้า ป้าจะให้ตาปอนด์เปิดประตูไว้ให้ ตาปอนด์นอนดึกจะได้อยู่เป็นเพื่อนมัส”
มัสลินอยู่ช่วยเปรมใจเอาขนมออกจากเตาจนเสร็จ ก็ยกมาหน้าร้าน เวลาเลิกเรียนผู้ปกครองมักพาลูกหลานตัวเองแวะมาซื้อขนมก่อนกลับบ้าน ร้านขนมของเปรมใจมีทั้งเบเกอรี่และขนมไทย รสชาติดีเป็นที่นิยมของคนในละแวกนี้และใกล้เคียง ช่วงเช้าและช่วงเย็นจึงเป็นช่วงที่ขายดี
“เชิญค่ะ ขนมเพิ่งอบเสร็จร้อนๆ เลย”
มัสลินช่วยสองแม่ลูกขายขนมมือเป็นระวิง กว่าลูกค้าจะซาขนมในร้านก็หมดไปหลายถาด ขนมอบใหม่หมดเกลี้ยง เหลือเพียงขนมแห้งพวกคุกกี้และขนมปังกรอบเท่านั้น เปรมใจเลยสั่งให้ปิดร้าน
เปรมใจขึ้นไปพัก โดยปล่อยให้สองหนุ่มสาวช่วยกันเก็บข้าวของล้าง ทำสะอาดร้าน หลังจากเสร็จงานทั้งสองก็มานั่งคุยกัน
“ร้านป้าเปรมขายดีแบบนี้ทุกวัน อีกไม่นานก็มีเงินซื้อตึกได้แล้วมั้ง”
“แม่พี่ก็อยากซื้อ แต่คุณนายแพรพรรณเขาไม่ขายให้ สัญญาเช่าสิ้นปีนี้ก็จะหมดแล้ว ถ้าไม่ยอมต่อให้ พี่กับแม่คงต้องหาร้านใหม่”
เปรมใจเคยไปขอซื้อตึกแถวสองคูหาที่ตัวเองเช่าอยู่ แต่แพรพรรณไม่ยอมขายให้ แถมยังไม่ยอมต่อสัญญาเช่าที่ใกล้จะหมดลง เหมือนจงใจให้สองแม่ลูกย้ายออกไปจากที่นี่
“ตึกแถวกับตลาดยังเป็นชื่อของคุณยายค่ะ ป้าแพรไม่มีสิทธิ์ขาย แบบนี้มังคะป้าแพรเลยไม่ได้ขายให้ป้าเปรม”
แม้คุณยายฝ้ายคำจะเซ็นยกอำนาจ ในการจัดการดูแลทรัพย์สินให้แพรพรรณไปแล้ว แต่เจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นชื่อของคุณยายอยู่ หากคุณยายยังมีชีวิตลูกสาวของท่านก็ไม่มีสิทธิ์ขายให้ใคร
“คุณยายทำพินัยกรรมไว้หรือเปล่า ขอโทษนะ หากท่านเป็นอะไรไป พี่คิดว่าคุณนายแพรคงจะฮุบมรดกหมด ไม่แบ่งให้มัสหรอก ดีไม่ดีอาจจะเฉดหัวมัสออกจากบ้านก็ได้”
ปรัชญ์มองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อน ใช่จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คนโลภมากเห็นแก่ตัวแบบแพรพรรณ ย่อมไม่เก็บหลานกาฝากไว้ให้รกบ้าน ต้องหาทางกำจัดออกไปให้พ้นตา
“เรื่องมันยังไม่เกิดค่ะ มัสไม่อยากคิดให้ปวดหัว ขอแค่ตอนนี้มัสดูแลคุณยาย ได้เห็นคุณยายมีชีวิตอยู่ มัสก็พอใจแล้ว เรื่องอนาคตปล่อยให้มันเกิดก่อนค่อยร้อนใจทีหลัง”
“หึ แม่นางฟ้าในทุ่งลาเวนเดอร์ “
หากปรัชญ์เป็นชายใจหญิง เขาคงจิกกัด แขวะมัสลินเจ็บๆ ด้วยถ้อยคำแรงกว่านี้ ด้วยความหมั่นไส้ ในความเป็นคนดีของหญิงสาว แต่ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจแรงๆ บ่นลอยๆ ออกมาเพียงเท่านั้น
“มัสยังไม่ได้เก็บค่าเช่าแผงเลย นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย”
มัสลินขยับลุก แต่ถูกปรัชย์จับแขนรั้งให้นั่งลง
“พี่ช่วยเก็บให้แล้ว เดี๋ยวเอามาให้ พวกแม่ค้าเขาเอามาฝากไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว”
ชายหนุ่มลุกไปเปิดลิ้นชัก หยิบซองเงินและรายชื่อแม่ค้ามาส่งให้
“ป้าแสงแกขอติดไว้สองร้อย บอกว่าอาทิตย์หน้าจะรวบยอดมาจ่ายให้ งวดนี้แกเล่นหวยหนักไปหน่อย”
“ขอบคุณค่ะพี่ปอนด์ อุตส่าห์ไปช่วยเก็บค่าแผงให้” มัสลินเอ่ยขอบคุณ แล้วยิ้มประจบ
“เล็กน้อยน่า คนแถวนี้เขาสงสารมัสกันทั้งนั้น อะไรที่พอช่วยได้เขาก็ช่วยกัน อีกอย่างคุณยายก็มีบุญคุณกับพวกเขา สร้างตลาดให้ที่ทำมาหากิน แถมเก็บค่าเช่าไม่แพง”
คุณยายฝ้ายคำเป็นที่รักและเคารพนับถือของแม่ค้าและคนในละแวกนี้มาก พลอยให้หลายคนนึกเอ็นดูมัสลินไปด้วย ต่างกับแพรพรรณที่ถูกคนเกลียดชังเพราะความเห็นแก่ตัว และไม่เคยช่วยเหลือใคร
“มัสต้องกลับแล้วค่ะ สักสองทุ่มมัสจะแวะมาใหม่นะคะ”
มัสลินมองดูนาฬิกาข้างฝาผนัง เห็นว่าเย็นมากแล้ว ใกล้เวลาที่เธอต้องกลับไปอาบน้ำป้อนข้าวป้อนยาคุณยาย
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ปรัชญ์ลุกขึ้นตาม
“ไม่เป็นไรค่ะ มัสกลับเองได้ เดี๋ยวทำขนมเสร็จพี่ปอนด์ค่อยไปส่งมัส”
“โอเค พี่จะไปอาบน้ำ แล้วจะลงมาเตรียมวัตถุดิบกับอุ่นเตาไว้ให้”
“ขอบคุณค่ะ มัสไปก่อนนะคะ”
มัสลินเดินออกจากร้านขนมมาด้วยท่าทางร่าเริง วันนี้สำหรับเธอแล้วมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลายเรื่อง ได้ยอดขายขนมเพิ่ม ไม่ต้องเหนื่อยเก็บค่าแผงเอง แถมยังได้กินข้าวผัดอร่อยของโปรด สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยประโลมหัวใจดวงน้อยให้มีแรงลุกขึ้นสู้ต่อไป เธอไม่คาดหวังอะไรที่ใหญ่เกินตัว ขอมีความสุขกับปัจจุบันในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว
แต่ความสุขเล็กน้อยที่เธอมีกำลังจะหมดไป เมื่อใครบางคนกำลังจับตามองร่างเล็กนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์
