บทที่ 9 ตอนที่ 9. เจ้าสาวตัวแทน/5
“ผู้ใหญ่ทางฝ่ายผมกับเขา เราไม่ถูกกัน ความรักของเราก็เหมือนโรมิโอกับจูเลียต ครอบครัวของเราทั้งคู่เกลียดชังกัน พยายามแยกเราออกจากกัน ผมยังหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่ด้วยกัน”
ภานุเล่าเรื่องราวของเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่า แววตาหม่นแสงลง มีร่องรอยของความเจ็บปวด
“ความรักของคุณน่าเห็นใจมาก ตกลงค่ะฉันจะแต่งงานกับคุณ ถ้าวันข้างหน้าคุณกับคนรักมีโอกาสได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ฉันยินดีหย่าให้คุณค่ะ” มัสลินตัดสินใจรับข้อเสนอของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเราคงต้องถ่ายพรีเวดดิ้งกันต่อ นั่นช่างภาพเดินมาตามแล้ว”
หลังจากตกลงกันได้ หนุ่มสาวทั้งสองจึงมองหน้ากันได้สนิทใจขึ้น การถ่ายรูปรอบนี้ทำเอาช่างภาพทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รูปที่ออกมามีรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางดูมีชีวิตชีวาเหมาะสมกับบทบาทที่ทั้งคู่ได้รับ ไม่ใช่ท่อนไม้กับรูปปั้นเหมือนคราวแรก
“คุณไม่ต้องพูดอะไรกับป้าของคุณนะ ให้เข้าใจว่าคุณทำตามคำสั่งเขาแล้ว ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อของผมเอง ถ้าหากป้าของคุณเรียกร้องอะไร คุณพ่อของผมจะได้ไม่เสียรู้ซ้ำสอง” ภานุบอกมัสลิน
“ค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่ง”
มัสลินพนมมือไหว้ แต่ภานุรีบรวบมือเธอมากุมไว้ ส่ายหน้าห้ามปราม
“ไม่เอา ไม่ต้องไหว้ เราต่างช่วยกัน ต่อไปนี้ให้คุณคิดว่าผมคือพี่ชาย ผมเองก็จะคิดว่าคุณคือน้องสาวคนหนึ่ง โอเคไหม น้องมัส”
“ค่ะ พี่นุ”
สองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ภานุลูบศีรษะของมัสลินด้วยความเอ็นดู ในขณะที่มัสลินมองหน้าพี่ชายคนใหม่อย่างชื่นชม
ความตึงเครียดก่อนหน้าผ่อนคลายลง เมื่อต่างฝ่ายต่างมีทางออกให้ตัวเอง
หลังจากลงจากเรือ ภานุเดินมาส่งมัสลินถึงห้อง ก่อนจะบอกว่าจะมารับไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน แพรพรรณที่มาเห็นเข้ายิ้มกริ่มคิดว่ามัสลินทำตามคำสั่ง
และรู้สึกโล่งใจที่ภานุมีท่าทีชอบพอมัสลิน แบบนี้หากจะเรียกสินสอดเพิ่มเจ้าสัวโภคินคงไม่ปฏิเสธ คิดถึงจำนวนเงินที่จะได้รับแล้ว
แพรพรรณก็อารมณ์ดีขึ้นมาจนไม่อยากเข้าไปยุ่งกับหลานสาวให้มากเรื่อง ปล่อยมัสลินออกไปรับประทานอาหารค่ำกับภานุโดยไม่เข้าไปแทรกแซง
///
มัสลินทำตามที่ภานุบอก เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าแพรพรรณคิดทำอะไร หญิงสาวโทรไปหาคนเป็นยายทุกวันให้ท่านหายกังวลใจ
และสอบถามนางแววเรื่องการกินยาและอาการของท่าน เมื่อวันงานมาถึงลินินไม่ได้เดินทางมา คนเป็นป้าลากแขนหลานสาวมาคุยกันในห้องพัก
“ยายมัส แย่แล้วยายป่านเกิดอุบัติเหตุเดินทางมาไม่ได้ งานก็เตรียมไว้ใหญ่โตเชิญแขกเหรื่อมาทั้งจังหวัด ถ้าไม่มีเจ้าสาวคงเสียชื่อกันแน่”
น้ำเสียงและท่าทางของแพรพรรณดูร้อนรนสมบทบาท จนน่าจะมอบรางวัลออสก้าให้
“แล้วจะทำยังไงดีคะ” มัสลินถามออกไป
“แกต้องแต่งงานแทนพี่สาวแก แก้หน้าไปก่อน”
แพรพรรณพูดอย่างไม่ติดขัด เพราะเตรียมการมาอย่างดี มองท่าทางของหลานสาวที่นิ่งสงบ ก็เริ่มต้นบีบน้ำตาพูดจาให้ดูน่าสงสารเข้าไปอีก
“ป้าขอร้องเถอะนะมัส ถ้ามัสไม่ช่วยเราต้องแย่แน่ ทางเจ้าบ่าวจะเสียหน้า เราก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“มัส มัสว่า...”
มัสลินมองหน้าผู้เป็นป้า อยากรู้นักว่าอีกฝ่ายจะปั้นเรื่องโกหกได้แนบเนียนแค่ไหน หากเธอไม่รู้มาก่อน คงหลงเชื่อน้ำตาจระเข้ที่หลั่งออกมา
“แต่งแก้หน้าไปก่อน ค่อยมาแก้ไขเรื่องนี้กันทีหลัง ช่างแต่งหน้ามาพร้อมแล้ว รีบแต่งตัวเถอะ”
คนเป็นป้ามัดมือชกไม่ยอมให้ปฏิเสธ เรียกช่างมาแต่งหน้าทำผม แต่งตัวให้มัสลิน แล้วลากตัวไปเข้าพิธีโดยไม่สนใจว่าหลานสาวจะรู้สึกอะไร
“นังมัสนี่โง่จริงๆ หลอกอะไรก็เชื่อ พอส่งตัวมันเข้าหอเราก็บินกลับกันนะคะคุณพี่ ฉันจองตั๋วไว้แล้ว”
แพรพรรณกระซิบบอกสามี แผนการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แค่หอบสินสอดกลับบ้าน
แล้วเดินทางไปสมทบกับลูกสาวที่บินไปต่างประเทศล่วงหน้าเมื่อสามวันก่อน ก็จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว
“เราจะอธิบายให้หนูป่านเข้าใจยังไง เรื่องงานแต่ง”
นายสมเกียรติยังห่วงความรู้สึกของลูกสาว ภรรยาของเขาเป็นคนวางแผนทั้งหมด โดยหลอกลูกสาวว่างานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์
แล้วให้ลูกบินไปเมืองนอกเพื่อพักผ่อน ลินินไม่รู้เลยว่าคนเป็นแม่วางแผนจะให้มัสลินเป็นเจ้าสาวแทน
และยังคิดหอบสินสอดพากันหนีเจ้าหนี้ไปยังต่างแดนอีก เขาเองอยู่ในอำนาจภรรยามาตลอด ไม่มีปากเสียงอะไร
ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของแพรพรรณมาตั้งแต่ต้น
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว ลูกต้องเข้าใจค่ะ”
แพรพรรณเชื่อมั่นว่าเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้ ตอนนี้มัสลินก็เข้าพิธีแทนลินินไปแล้ว ชั่วดียังไงหลานสาวของเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของเจ้าสัวโภคิน
อีกฝ่ายคงไม่กล้าโวยวายให้เสียหน้า ส่วนชีวิตหลังจากนี้ของมัสลินเธอไม่คิดจะสนใจ
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าหอ การแต่งงานที่มากพิธีแสนเหนื่อยทำให้สองหนุ่มสาวแทบยืนไม่ไหว
“เหนื่อยหรือเปล่ามัส” ภานุเอ่ยถามเจ้าสาวของเขา
“ยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนอีกค่ะ ยืนรับแขกจนปวดขาไปหมด พี่นุก็ท่าทางเหนื่อยไม่แพ้มัสเลย”
มัสลินถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มลงนวดขาตัวเองให้คลายความเมื่อยล้า ไม่คิดว่างานแต่งงานจะเหนื่อยขนาดนี้
