บทที่ 5 ท่านรังแกข้า!
“ข้าจะอยากให้เจ้าตายเพื่อสิ่งใดกัน”
เขาข่มความรู้สึกสั่นไหวในอก ท่าทางอ่อนแอไร้ที่พึ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ชีวิตนางอยู่กับเขาไม่มีความสุขหรือ? นางเป็นถึงฮูหยินแม่ทัพใหญ่ มีบ่าวไพร่ค่อยรับใช้ บรรดาหญิงสาวในเมืองต่างหมายปองตำแหน่งนี้ แต่นางกลับได้มาอย่างง่ายดาย แล้วยังต้องการสิ่งใดอีก
“ก็ท่าน...”
“ช่างเถอะ เจ้าจะไปไหนก็ไป”
ดวงตางามกะพริบปริบๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความจริงนางต้องมาปรนนิบัติรับใช้เขา แต่เรื่องกลับเป็นเช่นนี้ ช่างน่าขันนัก นางคงลืมตัวไป ตนเองเป็นแค่ลูกอนุซ้ำยังไม่ใช่หญิงงาม เป็นแค่สตรีผู้หนึ่งที่ไม่ต่างจากเม็ดกรวดเม็ดทรายที่แทบมองไม่เห็น หากนางเจียมตัวอีกนิด ก็คงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพขุ่นข้องหมองใจเช่นนี้
จ้าวจื่อรั่วสูดลมหายใจลึก ฝืนไม่ให้ตนเองยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ แม้เสื้อผ้าของนางอยู่ครบทุกชิ้น แต่ยามนี้เปียกลู่แนบลำตัว ทว่านางไม่มีกระจิตกระใจยกมือขึ้นปกปิด อย่างไรนางก็แค่หญิงอัปลักษณ์ รีบไปให้พ้นสายตาของเขาจะดีกว่า
กู้ตงหยางกัดฟันกรอด นางตั้งใจทำอะไร! ยั่วยวนเขารึ! แต่เดิมก็เป็นคนที่อดกลั้นกับเรื่องเย้ายวนเช่นนี้ได้ดี เขาเป็นบุรุษเต็มตัวเห็นเรือนร่างอรชรย่อมหวั่นไหว ภาพตรงหน้าดึงดูดสายตาเขาตั้งแต่นางค่อยๆ ปีนลงจากอ่างอาบน้ำ นางยอบกายคารวะและหมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ
บิดาเถอะ ! เจ้ากล้าไปงั้นรึ!
แม่ทัพหนุ่มลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ รีบร้อนจนไม่หยิบผ้ามาซับน้ำ เขาคว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วใช้สายรัดเอวผูกไว้อย่างรีบเร่งแล้วสาวเท้าเดินตามร่างที่เดินออกไปอย่างเหม่อลอย บัดซบ! นางจะออกจากเรือนด้วยสภาพนี้ได้อย่างไรกัน ผู้หญิงของเขาจะให้ผู้อื่นมองได้อย่างไร
“ว้าย!” จ้าวจื่อรั่วร้องอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจู่ๆ ถูกอุ้มขึ้นแบบนี้ “ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้าลงนะ”
“แล้วเจ้าเล่าจะทำอะไร” เขาทำหน้าดุแล้วอุ้มนางเดินกลับมาในห้อง เห็นขาสั้นๆ ไฉนเดินเร็วนัก พริบตาเดียวจะออกนอกเรือนแล้วเชียว
“ข้าจะไปให้พ้นหน้าท่านอย่างไรเล่า”
นางขึงตาใส่พร้อมทั้งดิ้นรน แต่ถูกเหวี่ยงลงบนที่นอน ข้อมือสองข้างถูกรวบขึ้นไว้เหนือศีรษะ ร่างสูงใหญ่คร่อมร่างของหญิงสาว กู้ตงหยางเองก็ไม่คิดว่าภรรยาที่แสนเรียบร้อยจะพยศถึงเพียงนี้ สองเท้าของนางพยายามขยับไปมาทำให้เขาต้องใช้ท่อนขากดทับไว้ และทำให้ร่างกายแนบชิดกันมากยิ่งขึ้น ท่อนเนื้อแข็งขันขึ้นจนปวดหนึบ
บัดซบ! อย่างนี้สินะที่ว่ากันว่า คุยกับสตรีนั้นคุยยาก ลงมือเสียเลยยังง่ายกว่า
“ท่านจะทำอะไร!” จ้าวจื่อรั่วร้องเสียงหลงมือใหญ่ข้างที่ว่างกระชากเสื้อผ้าของนางออก ไอเย็นสัมผัสผิวกายอ่อนนุ่มจนนางสั่นสะท้าน หรืออาจเพราะสายตาร้อนแรงของเขาที่ทำให้นางวูบไหวไปทั่วร่าง
“ให้เจ้าทำหน้าที่ภรรยาอย่างไรเล่า”
สิ้นประโยคริมฝีปากหยักสวยก็จูบกลีบปากของหญิงสาวอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปโพรงปากสาวปล้นสติอันน้อยนิดไปหมดสิ้น เสียงครางอู้อี้ดังขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นเสียงครางแผ่วเมื่อจูบนั้นร้อนแรงขึ้น เสื้อผ้าถูกปลดเปลืองออกไปเผยผิวกายเนียนละเอียดดุจหยกใส เมื่อรับรู้ได้ว่าไร้แรงต่อต้านเขาจึงปล่อยมือจากข้อมือเรียวเล็กแล้วบีบเคล้นทรวงอกอวบอิ่มที่ใหญ่กว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก เขาละจากริมฝีปากที่บวมเจอแล้วพรมจูบซอกคองามระหง เรียวลิ้นตวัดเลียผิวกายหอมกรุ่นจนมาถึงปลายถันสีหวานก่อนอ้าปากครอบครองแล้วดูดดึง
“อ๊ะ!” จ้าวจื่อรั่วหลุดเสียงร้องออกมาแล้วกัดริมฝีปากไม่กล้าส่งเสียงน่าละอายอีก แต่เหมือนว่าการทำเช่นนี้ทำให้กู้ตง หยางยิ่งดูดกลืนหน้าอกของนางแรงขึ้นรวมทั้งบีบเคล้นหนักมือขึ้น ทำให้ร่างนางบิดเร่าไปมาด้วยความเสียวซ่าน
“อย่ากลั้น” เขาเอ่ยเสียงพร่าแล้วย้ายมาขบเม้มปลายถันอีกข้าง ตวัดลิ้นหยอกล้อยอดอกสลับกับดูดดึงในอุ้งปากจนปลายถันกลายเป็นสีแดงเรื่อ
“ท่าน...ท่านแม่ทัพ อึก...อื้อ...”
แม้เคยดูหนังสือภาพวังวสันต์ก่อนเข้าหอ แต่นางไม่เคยรู้เลยว่าสัมผัสที่เห็นในภาพจะให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้ ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกตั้งแต่เมื่อใด เมื่อท่อนล่างเปลือยเปล่า นางก็พยายามหุบขาไว้แน่นด้วยความอาย แต่เขากลับเงยหน้าขึ้นแล้วพูดพร้อมแยกเรียวขาของนางออก
“กลัวข้ารึ”
จ้าวจื่อรั่วไม่กล้าตอบ นางกลัวเขาจริงๆ ก็สิ่งที่ดุนดันหน้าขาของนางอยู่มันใหญ่โตและร้อนผ่าว หากเขานำสิ่งนั้นเข้ามาในตัวนาง ...ร่างกายบอบบางนี้จะไม่ฉีกขาดยับเยินหรือ?
แต่กู้ตงหยางกลับคิดว่านางกลัวบาดแผลบนร่างกาย หญิงนางโลมที่เขาเคยเรียกใช้งาน แม้เป็นหญิงสาวเป็นงาน แต่หลายคนเห็นบาดแผลบนร่างก็แสดงท่าทีหวาดกลัว ทำให้เขาต้องขับไล่พวกนางออกไป แต่เวลานี้เขาไม่อาจต้านทานความต้องการที่ท่วมท้น แก่นกายผงาดแข็งขันยากจะปลอบประโลมให้สงบลงได้ มันอยากมุดเข้าไปในโพรงดอกไม้ที่หอมหวาน เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องรักขยับเข้าออกเรียกน้ำหวานให้หลั่งออกมาเพื่อที่จะได้นำแก่นกายเข้าไปในนั้นได้อย่างสะดวก
ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่าง จ้าวจื่อรั่วเขินอายจนไม่กล้ามอง ใบหน้างามแดงราวคนเป็นไข้ ได้แต่ส่งเสียงครางอย่างไม่อาจทนกลั้นได้อีก ทุกครั้งที่เขาดันนิ้วเข้ามาในร่องสาวความเสียดเสียวก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อเขาเพิ่มนิ้วเข้ามาอีกเป็นสองนิ้ว ร่างเล็กก็สะท้านเฮือกและดิ้นรนอย่างไม่รู้ตัว เรียวขาสั่นระริกยิ่งทำให้กู้ตงหยางขยับนิ้วเร็วขึ้น
“ท่าน...ท่านแม่ทัพ...ข้า...ข้าไม่ไหว...” นางร่ำร้องบอกเหมือนคนใจจะขาด หอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อม ปลายยอดอกชูชันท้าทายสายตาของเขา
“นี่เพิ่งเริ่ม” เขาพึมพำเสียงพร่า “เป็นภรรยาข้า เจ้าต้องรับเรื่องนี้ให้ไหว”
นิ้วมือกร้านเพราะจับกระบี่ทำศึก ยามนี้นิ้วมือนั้นกำลังโรมรันช่องสวาทของหญิงสาวจนร่างนางเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมา น้ำรักไหลอาบนิ้วมือจนเปียกชุ่ม เขามองใบหน้างามที่เต็มไปด้วยเหงื่อและแดงเรื่อด้วยแรงอารมณ์พิศวาส
