บทที่ 2 ตอนที่ 2

“เคยสงสัยบ้างไหม ว่าเกลียวคลื่นเหล่านี้ เดินทางมาไกลแค่ไหน…กว่าจะมาถึงชายหาด แล้วถูกผืนทรายจูบซับเอาไว้”

“แล้วจะไปสงสัยมันทำไมล่ะ” ดารินขมวดคิ้วเป็นเชิงแกล้ง ทั้งที่ใจจริงแอบนึกชมมินตราว่าช่างคิดได้

“ความสงสัยทำให้เราเริ่มค้นหา…” มินตราหันมายิ้มให้ดาริน ครั้นแล้วจึงกล่าวต่อ

“และเมื่อเริ่มค้นหา ก็เท่ากับเราเริ่มออกเดินทาง และเมื่อเราออกเดินทาง…โลกทัศน์ของเราก็จะกว้างขึ้น”

“เอ่อ…ติสต์แตกอีกแล้วแก” ดารินย่นหน้าผาก หากก็ชินเสียแล้ว

มินตราฉายแววความเป็นนักเขียนมาตั้งแต่สมัยเรียน เจ้าบทเจ้ากลอนเป็นที่หนึ่ง เพราะความละเอียดอ่อนอันเป็นพรสวรรค์ ไม่แปลกที่เธอจะมองทุกสิ่งรอบตัวแตกต่างไปจากคนอื่นๆ

ยกตัวอย่างจากภาพทะเลตรงหน้า ขณะที่มองในสิ่งเดียวกัน ดารินเห็นเพียงหาดทราย ฟ้า และเวิ้งน้ำ หากความอ่อนไหวและช่างสังเกตที่มีมากกว่า ทำให้มินตรามองเห็นเกลียวคลื่นจูบไซ้ผืนทราย มองเห็นทรายซับเอาความคิดถึงของสายน้ำที่เดินทางมาไกล มองเห็นแม้กระทั่งสายลมที่เคลื่อนไหวอยู่บนผืนฟ้า กำลังคลี่ปุยเมฆละมุนแล้วปั้นสรรค์เป็นรูปเป็นร่างอยู่ในจินตนาการอันบรรเจิด

เมื่อก้าวไปสุดแนวหิน มินตราหยุดในจังหวะสั้นๆ หันมาถามเพื่อน

“เจอมุมสวยๆหรือยัง”  เธอหมายถึงวิวสวยๆตรงหน้า มุมใดมุมหนึ่งที่จะเก็บเอาความประทับใจ ถ่ายทอดลงในแผ่นกระดาษ เพื่อเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาเยือนเกาะเหลาเหลียง* อันเป็นความฝันใฝ่ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยของเธอ

*เกาะเหลาเหลียง อยู่ในท้องที่อำเภอปะเหลียน ห่างจากแหลมตะเสะ จังหวัดตรัง ประมาณ 18 กิโลเมตร สามารถลงเรือได้ที่อำเภอปะเหลียนหรืออำเภอกันตัง เดินทางโดยเรือ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที

ขณะกวาดสายตามองหาทำเลเหมาะๆเพื่อจะเขียนรูป เมื่อรู้สึกถึงแสงแดดอุ่นที่เริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนขึ้นทุกที ยืนยันด้วยสายเหงื่อรินเรี่ยเป็นสายออกมาจากช่วงรอยต่อของหน้าผากและไรผม

“ตรงนั้นดีไหม” มินตราหันไปขอความเห็นจากดารินที่ก้าวตามหลังมาติดๆ ชี้ชวนไปที่พุ่มไม้สีเขียวข้างหน้า มีโต๊ะและเก้าอี้ไม้ไผ่เก่าๆสองตัววางทิ้งเอาไว้

เมื่อเห็นว่าทำเลตรงนั้นไม่เลวนัก หากจะใช้เวลาพักเพื่อเขียนรูป เหมาะที่มีร่มไม้เขียวครึ้มพอให้หลบร้อนได้

“ใจตรงกันเลยมิน” ดารินรีบสำทับความเห็นให้กับเพื่อนสาวในทันที ทอดสายตาใบยังต้นไม้ใหญ่ที่แผ่พุ่มสีเขียวขจี ดูร่มรื่น ยื่นก้านกิ่งเผื่อแผ่ร่มเงาให้กับเวิ้งน้ำตรงหน้า แถมยังมีโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ไผ่วางเอาไว้พร้อม

“วันนี้อากาศปลอดโปร่งดีจริงๆ น่าแปลกที่เมื่อตอนเช้ามืดกลับมีฝนตก” ดารินว่า

“ทะเลก็เป็นแบบนี้แหละ บางครั้งเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันที่เห็นแสงแดดจ้า ทว่าไม่นานฝนอาจพรมพรำลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย” มินตรากล่าวอย่างคนที่รู้จักและเข้าใจในธรรมชาติของทะเล

ภายใต้ร่มเงาของต้นจิกทะเล อาศัยพุ่มใบเขียวครึ้มจากก้านกิ่งแผ่สยาย ช่วยบดบังความร้อน จากแสงแดดบางส่วนที่ส่องลอดพุ่มใบลงมาถึงผืนทรายเบื้องล่าง ในยามที่สายลมไหว แลเห็นเงารำไรของใบไม้ เคลื่อนขยับอยู่บนผืนทราย

ใกล้ๆกันกับต้นจิก มีพุ่มไม้เตี้ยๆขึ้นรวมอยู่เป็นกลุ่มกอ กิ่งก้านสีดำของมันหงิกงอแปลกตา หากหญิงสาวรู้สึกว่า

ต้นไม้เหล่านั้นช่วยสะท้อนความเป็นจริงในธรรมชาติ ว่าไม่มีสิ่งใดดีพร้อม เช่นต้นไม้บางต้นที่เติบโตขึ้นมาอย่างแคะแกรน โค้งงอ และบิดเบี้ยว ทว่าก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่นึกชื่นชมในความบิดเบี้ยวไม่สมบูรณ์ของมัน

มิตรามองซ้ายมองขวา กวาดสายตาสำรวจไปรอบเกาะอีกชั่วอึดใจ รู้ว่าควรรีบหาทำเลเหมาะๆ ขณะนั้นแสงและเงากำลังงดงาม หากชักช้า เมื่อตำแหน่งของดวงตะวันเคลื่อนสูงไปกว่านั้น แสงเงาย่อมเปลี่ยนตาม

“ได้มุมถูกใจหรือยังมิน” ดารินถาม

“ได้ละ มุมนี้สวยมากเลยแก” มินตราทอดสายตาไปยังภูมิทัศน์ตรงหน้า เขาหินปูนแปลกตา งดงามราวกับประติมากรรมที่โผล่พ้นผืนน้ำทะเลสีครามขึ้นมาอวดความงาม แลเห็นพรรณไม้ป่าสีเขียวขจี แซมสลับอยู่ในสีทึมเทาของภูเขาซึ่งถูกโอบเอาไว้ด้วยเวิ้งทรายและผืนน้ำ

ห่างออกไปจากบริเวณที่สองสาวทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ แลเห็นนักท่องเที่ยวสามสี่คนกำลังสนุกสนานกับการดำผุดดำว่ายอยู่ไกลๆ ท่ามกลางลอนคลื่นเล็กๆ กระเพื่อมพลิ้วเบาๆอยู่บนผืนน้ำ คลื่นลมสงบจนน่าลงไปว่ายเล่น

“แล้วแกล่ะ...เล็งอยู่นั่นและ ได้มุมที่พอใจหรือยัง” มินตราถามบ้าง เมื่อเห็นดารินใช้เวลาอยู่นานสองนานเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้มุมที่ถูกใจ

“ได้ละ” เสียงดารินตอบเบาๆโดยไม่ได้หันมามองคนถาม

มินตราหันกระดานเขียนรูปไปตามทิศทางที่เลือก ทว่าระหว่างที่กำลังก้มหยิบอุปกรณ์ออกจากย่ามใบเก่า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็พบว่ามีบางอย่างโผล่เพิ่มเข้ามาในมุมที่เธอเลือก จะเรียกว่าเป็นส่วนเกินที่เข้ามาขัดสายตาก็ไม่เชิงเสียทีเดียว

“เฮ้ย!...” มินตราอุทานลั่น ยกมือขึ้นเกาศีรษะ

“อะไรของแก?” ดารินละมือจากหน้ากระดาษที่กำลังจรดปลายดินสอร่างรูปภูเขา ลากเส้นแนวฟ้าจรดน้ำสองสามที แล้วหันมามองเพื่อน

“แกดูอีตาบ้านั่นสิ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ โธ่โว้ย!…มุมกำลังดีเชียว เสียบรรยากาศหมด” มินตราบ่นอุบ ชี้ให้เพื่อนดูชายหนุ่มที่ปรากฏกายขึ้นเป็นส่วนเกินของภาพโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจ

ดารินชำเลืองมองไปยังทิศทางที่เพื่อนสาวบอก

“ว้าว...เซ็กซี่เป็นบ้าเลยว่ะ ถ้าแกไม่ชอบ มาแลกมุมกับฉันก็ได้นะ” ดารินแกล้งทำตาวาว หันมาทำหน้าทะเล้นกับเพื่อน

“บ้า!” มินตราเบะปาก

จากนั้นสองสาวก็หันไปมองดูชายหนุ่ม ทอดร่างกำยำอยู่ใต้ร่มเงาของจิกทะเลต้นใหญ่ เขานุ่งกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว อวดช่วงไหล่กว้าง แผงอกแกร่งที่เห็น ริ้วลาย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป