บทที่ 2 บทที่ 2
ณ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
นายอรรถวัฒน์เดินวนอยู่หน้าห้องไอซียู โดยมีนางทิพวรรณและคุณชายน้อยหยางโจวหมิงนั่งตัวสั่นอยู่เคียงข้างกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครคิดว่าวันเกิดที่เกือบจะควบสามจะกลายเป็นวันเสียน้ำตา และไม่อาจลืมเลือนได้
“คุณพ่อ คุณแม่ของผมจะเป็นอะไรมั้ยฮะ” คุณชายน้อยหยางโจวหมิงเงยหน้าตาแดงช้ำมองไปทางห้องไอซียู ทิพวรรณกอดร่างน้อยแน่นจนรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ซึมผ่านเสื้อเนื้อดีของเธอ
“คุณหยางจะต้องไม่เป็นอะไร เชื้อน้านะจ๊ะ”
แต่ไม่ว่าเธอจะปลอบใจเด็กน้อยยังไง ร่างเล็กก็ยังสั่นเป็นเจ้าเข้าไม่หาย เธอรู้ดีว่าการปลอบโยนคงไม่เป็นผล แต่เธอไม่มีหนทางจะทำอะไรอีกแล้ว
“คุณหมอ อาการคนเจ็บเป็นยังไงบ้างครับ” นายอรรถวัฒน์ละล่ำละลักถามหมอและรอฟังคำตอบจนใจสั่นระรัว
“เด็กปลอดภัยครับ เป็นผู้หญิง แต่...แม่ของเด็ก หมอพยายามจนสุดความสามารถแล้ว เสียใจด้วยครับ”
“แล้วหยางเฟ่ยหลงล่ะหมอ บอกผมว่าหยางเฟ่ยหลงเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหยางเฟ่ยหลงยังไม่ได้สติครับ เราต้องรอให้ฟื้นก่อนถึงจะตอบได้ว่าปลอดภัยหรือไม่”
“คุณหมอต้องช่วยหยางเฟ่ยหลงให้ได้ ไม่ว่าจะเสียเงินเท่าไหร่ ผมก็ยอม”
คุณหมอถอนใจอย่างหนักอก แต่ก็ยอมพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องไอซียูอีกครั้ง
เวลาผ่านไป 3 วัน หยางเฟ่ยหลงก็ลืมตาขึ้นมา สร้างความอลหม่านไปทั่วโรงพยาบาล เมื่อมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกงต้องการให้หมอยื้อชีวิตของเมียรัก
“คุณหยางเสี่ยวผิงเสียชีวิตไป 3 วันแล้วนะครับ”
“ผมไม่สน แต่หมอจะต้องทำให้เธอหายใจให้ได้”
ไม่พูดเปล่า แต่ปืนในซองที่เหน็บข้างเอวของลูกสมุนถูกดึงไปจ่อหน้าหมอ ริมฝีปากบางเฉียบแสยะยิ้มให้รู้ว่าไม่มีอะไรจะเสีย นอกจากต้องการขอชีวิตของเมียรักคืน
“พี่เฟ่ยหลงอย่า!” นายอรรถวัฒน์เข้ามาห้ามแล้วแย่งปืนไปจากมือหนา แต่หยางเฟ่ยหลงสติแตกซัดกำปั้นเข้าใส่ใบหน้าของเพื่อนรักเต็มแรง
“แกน่ะ พวกแกทุกคนจะต้องชดใช้” เขาบอกเสียงลอดไรฟัน ชี้หน้านายอรรถวัฒน์อย่างโกรธแค้น ดวงตาบนใบหน้าแตกยับแดงก่ำและวาวโรจน์ ร่างใหญ่ยังอยู่ในชุดคนไข้ใต้ผืนผ้านั้นมีบาดแผลหลายจุด แต่เวลานี้ความเจ็บปวดทางใจมันมากกว่าความเจ็บปวดทางกายจนวัดค่าไม่ได้
“พี่เฟ่ยหลง มันเป็นอุบัติเหตุนะคะ” ทิพวรรณร้องบอก เข้าไปประคองสามีที่ทรุดเพราะหมัดลุ่นๆ
“ใครว่า ไอ้เอกรัตน์มันตั้งใจจะฆ่าพวกฉันให้ตายไปพร้อมมัน ไอ้ชั่วนั่นมันต้องถูกใครสั่งให้ทำแน่ๆ พวกแกใช่มั้ย พวกอัคราบริรักษ์สั่งให้ฆ่าพวกฉันใช่มั้ย ทำไม!!!”
แล้วบุรุษพยาบาลก็แห่กันเข้ามาจับร่างหยางเฟ่ยหลง แล้วฉีดยาระงับประสาทให้จนร่างใหญ่อ่อนระทวยลง นั่นแหละความอลหม่านถึงได้หมด หากแต่ร่างเล็กที่ซุกเงียบอยู่เบื้องหลังลูกน้องคนหนึ่งของหยางเฟ่ยหลง มองดูเหตุการณ์นั้นและจดจำทุกคำพูดของพ่อฝังใจ
นายอรรถวัฒน์และนางทิพวรรณติดตามเรื่องนี้กับตำรวจอย่างเหนียวแน่น และได้ความว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วเกินไป ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำและเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นดังกล่าว
เมื่อประมุขแห่งตระกูลหยางรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มัดข้อมือไว้กับเตียงคนไข้ เขาดิ้นรนเยื้อยุดและตะโกนเสียงดัง จนคุณชายน้อยอย่างหยางโจวหมิงต้องเดินเข้ามาหา เป็นผลให้บิดาสงบสติอารมณ์ได้ไม่ยาก
“โจวหมิงลูกพ่อ”
“คุณพ่ออย่าดิ้นนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อจะเจ็บอีก” เด็กน้อยพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความเป็นเด็กอ่อนใสต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกกลมๆ ใบนี้ ทำให้ดวงตาของบิดาเอ่อด้วยน้ำตา
“พ่อไม่เจ็บลูก แต่...แม่ของลูกเจ็บจนตาย เพราะมัน เป็นเพราะพวกมันทั้งหมด โจวหมิง เข้ามาใกล้ๆ พ่อหน่อยสิลูก”
ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้ ศีรษะของเด็กน้อยสูงถึงขอบเตียงคนไข้ที่บิดานอนอยู่
“ถ้าพ่อเป็นอะไรไป จำเอาไว้นะโจวหมิง พวกอัคราบริรักษ์ไม่ใช่คนดี พวกมันไม่ใช่พวกเราอีกต่อไป”
“แต่...อาอรรถกับน้าทิพ บอกผมว่าไม่รู้เรื่อง เอก...”
“อย่าไปเชื่อ ไอ้เอกรัตน์เป็นคนของพวกมัน ถ้าไม่ได้รับคำสั่งแล้วมันจะกล้าปลิดชีวิตตัวเอง เพื่อฆ่าพ่อกับแม่รึ”
คุณชายน้อยตระกูลหยางสบตาบิดาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ใจสะอาดของเด็กน้อยยังไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี อากับน้าชาวไทยก็เป็นคนดีมาตลอด แต่นี่ก็พ่อจะไม่เชื่อก็กระไรอยู่
“นี่ยังดีที่ลูกกับน้องรอดมาได้ ต่อไปโจวหมิงจะต้องเป็นพญามังกร ลูกจะต้องเข้มแข็งและห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ศัตรูมันจะใช้ความใจอ่อนเป็นช่องทางทิ่มแทงเรา ต่อไปนี้ระหว่างตระกูลหยางและอัคราบริรักษ์ จะไม่มีคำว่าเพื่อน พวกมันคือศัตรูของเรา จำไว้นะโจวหมิง”
ริมฝีปากบางเล็กสั่นระริกราวกับกำลังชั่งใจว่าควรจะพูดอะไรออกไป
“จำไว้นะโจวหมิง! บอกพ่อสิว่าจะจำไว้” บิดาถามเสียงห้วนห้าวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เล่นเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกลัว หยางเฟ่ยหลงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะลดระดับเสียงให้เบาลง “ลูกพ่อ สิ่งที่พ่อสั่งเป็นสิ่งที่เจ้าควรจะทำตามที่สุด พวกอัคราบริรักษ์มันฆ่าแม่ของลูก ถึงมันจะไม่ได้ลงมือเอง แต่มันก็สั่งให้คนของมันทำ พ่ออยู่ในรถคันนั้น กอดแม่กับน้องในท้องและมีเสียงร้องคร่ำครวญของแม่ ซึ่งแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของความหวาดกลัวหรือเสียงของการเจ็บท้อง ไอ้เอกรัตน์มันจ่อปืนมาตรงหน้า นั่นคือสิ่งที่ทำให้แม่หวาดกลัว พ่อ...แน่ใจว่าเป็นอย่างนั้น มันอุทิศตนสิ้นทั้งชีวิตเพื่อฆ่าเรา เพื่ออัคราบริรักษ์”
