บทที่ 5 บทที่ 5

“กินช้าๆ หน่อยก็ได้ ไม่กลัวติดคอตายรึไงเหม่ยลี่”

คุณหนูแห่งตระกูลหยางเงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้พี่ชายสุดที่รัก แล้ววางช้อนส้อมลงรวบเข้าหากันบอกว่าอิ่มแล้ว

“เหม่ยลี่อิ่มแล้วค่ะพี่โจวหมิง พอดีวันนี้มีนัดกับครูที่โรงเรียนว่าจะต้องรีบไปทำตารางสอบให้นักเรียน เดี๋ยวไม่ทันเวลาสอบที่จะมาถึงในอีก 1 เดือนข้างหน้า”

เธอเป็นครูสอนหนังสือเด็กมัธยมของโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง หน้าที่การงานนี้เองที่ทำให้พี่ชายพูดไม่ออก เพราะหากให้บอดี้การ์ดสวมสูทครบชุดไปยืนเรียงอยู่ในโรงเรียน เพื่อคุ้มครองคุณครูหยางเหม่ยลี่ จะทำให้น้องสาวของเขากลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ จนแทบจะกลายเป็นตัวประหลาดที่น่าจับตามองก็ได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้บอดี้การ์ดเฝ้าอารักขาแต่เพียงรอบนอก แต่โรงเรียนใหญ่และห้องเรียนเยอะแยะ ช่องทางการหนีมีมากมายจนสอดส่องตามองไม่ไหว แม้เป่าปงจะรายงานได้ว่าคุณหนูของตนหายไปตอนกี่โมง นานแค่ไหน และกลับมาเมื่อไหร่ แต่เป่าปงก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหนและไปกับใคร

“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ ไปเร็วก็ต้องกลับบ้านเร็วสินะ”

ถ้วยชาร้อนๆ ถูกประคองขึ้นจิบเบาๆ เรียวปากบางเฉียบได้รูปสีระเรื่อของหยางโจวหมิง เม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะยกผ้าขึ้นมาซับปาก ท่าทีถามเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องการคำตอบเท่าใดนัก แต่น้องสาวรู้ดีว่าพี่ชายจริงจังกับคำถามนั้นแค่ไหน

“ก็เสร็จเมื่อไหร่ ก็กลับเมื่อนั้นค่ะ”

“พี่จะให้เป่าปงไปเฝ้าหน้าห้องพักครูนะ”

“เอ๊ะ! นี่พี่โจวหมิงไม่ไว้ใจน้องแล้วหรือคะ ทำแบบนั้นจะทำให้เหม่ยลี่ดูเป็นตัวตลกในสายตาของนักเรียนนะคะ” หยางเหม่ยลี่ยอมไม่ได้เด็ดขาด เธอชักสีหน้าใส่คนเป็นพี่ทันควัน

“เหม่ยลี่ พี่มีเหตุผลนะ พี่รู้มาว่าเรามักจะหายหน้าไปนานๆ ไม่รู้ว่าไปไหนหลายชั่วโมงบ่อยๆ”

“แล้วไงคะ เหม่ยลี่เบื่อที่พี่โจวหมิงทำเหมือนน้องคนนี้เป็นนักโทษ น้องอยากมีอิสระบ้างจึงต้องแอบแว่บบ่อยๆ แต่เหม่ยลี่ก็กลับบ้านทุกวันนะคะ”

“พี่เป็นห่วง”

“เป็นห่วงจนถึงต้องให้เป่าปงไปเฝ้านักโทษหน้าห้องขังเลยรึไงคะ พี่โจวหมิงใจร้ายมาก แค่นี้เหม่ยลี่ก็ถูกครูบางคนและบรรดานักเรียนไม่อยากคุยด้วยแล้ว เพราะเขากลัวว่าถ้าทำอะไรผิด พี่ชายของน้องจะทำร้ายเขาเข้าให้ น้องเป็นคนนะคะไม่ใช่สัตว์หรือนักโทษของพี่”

หยางโจวหมิงถอนใจยาว เขารักน้องและตามใจน้องเสมอ ทุกอย่างที่หยางเหม่ยลี่อยากได้เขาจะหามาให้ไม่เกี่ยง ยกเว้นแต่...อิสระที่เธอต้องการ มันมากเกินกว่าที่เขาจะมอบให้ได้ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบิดาและมารดายังติดตรึงอยู่ในใจของพญามังกรดำเสมอ ทั้งหลับและตื่น เขาจะมองเห็นภาพในอดีตได้ชัดเจน เขาจึงคิดว่าป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ไม่ให้น้องต้องพานพบกับเหตุการณ์เช่นนั้นอีกคน จนนึกว่าบางทีที่ทำมันเกินไปหรือเปล่า

“อย่าเข้าใจพี่ผิดแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รัก ไม่ห่วง พี่คงปล่อยให้เหม่ยลี่ทำทุกอย่างที่อยากทำ โดยไม่สนใจว่าจะดีหรือเปล่า”

“งั้น...” หยางเหม่ยลี่สาวเท้าเร็วๆ อ้อมโต๊ะไปออดอ้อนพี่ชาย “ขอให้เหม่ยลี่ได้เป็นอย่างเดิมนะคะ น้องขอแค่นี้และพี่ชายก็เคยให้ได้มาตลอด นะคะ”

“แล้วถ้าเกิดอันตรายขึ้นกับเราล่ะ ใครจะรับผิดชอบ”

“เหม่ยลี่สัญญาค่ะ ว่าจะดูแลตัวเอง แม้แต่มดสักตัว น้อยคนนี้ก็จะไม่ยอมให้ไต่ให้ตอมตัวเองเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เหม่ยลี่จะรับผิดชอบตัวเองค่ะ พี่โจวหมิงต้องไว้ใจเหม่ยลี่นะคะ”

“ก็ได้ แต่ถ้าเหม่ยลี่ทำไม่ได้อย่างที่พูด พี่คงจะต้องให้เหม่ยลี่ออกจากการเป็นครู พี่จะไม่ยอมให้เกิดอันตรายใดๆ กับเหม่ยลี่เหมือนที่พ่อกับแม่เจอ” หยางโจวหมิงบอกเสียงเข้ม ทั้งเสียงและดวงตาฉายชัดว่าเขาพูดจริงทำจริง

“ค่ะพี่โจวหมิง”

คำตอบรับคล้ายยินยอมเชื่อฟังคำพี่ทุกอย่างไม่ได้ทำให้หยางโจวหมิงเบาใจขึ้นสักนิด เช่นเดียวกับหยางเหม่ยลี่ที่กำลังครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

ร่างสูงเพรียวของธัชชัย อัคราบริรักษ์ นั่งกระสับกระส่ายอยู่ในรถคันเก่าๆ คร่ำครึคันหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญญาขับรถใหม่กว่านี้ แต่เพราะจำเป็นต้องใช้รถคันนี้เพื่อมารอคอยใครบางคนอยู่ในสถานที่นัดพบ ไม่นานนักก็เห็นร่างโปร่งบางของหยางเหม่ยลี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหา เธอเปิดประตูรถของคนรักแล้วสอดตัวเข้าไปอยู่ทางเบาะหลัง แต่ไม่ได้นั่งบนเบาะอย่างที่ควร เธอย่อตัวลงให้เตี้ยที่สุด ซุกตัวอยู่กับพื้นรถแล้วบอกคนรักเสียงระรัว

“คุณธัชออกรถเดี๋ยวนี้”

ธัชชัยไม่ถาม เขาเหยียบคันเร่งพุ่งรถไปข้างหน้า สายตาสอดส่องผ่านกระจกมองหลังและมองข้างทั้งซ้ายขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีใครตามมาจึงเอ่ยขึ้น

“มีอะไรรึเปล่าที่รัก”

“เราต้องไปให้พ้นจากเกาะฮ่องกง เหม่ยลี่เอาพาสปอร์ตมาแล้ว คุณธัชล่ะเตรียมมาด้วยหรือเปล่า”

“ผมพกติดกระเป๋าเสมอ เกิดอะไรขึ้น หรือว่า...”

“พี่โจวหมิงกำลังสงสัยในตัวเหม่ยลี่ ถ้าเขารู้ว่าเราแอบคบกันล่ะก็ เขาจะให้เหม่ยลี่ออกจากการเป็นครู และต้องอยู่ในบ้านตลอดเวลา” เธอหยัดตัวขึ้นนั่งบนเบาะ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่ๆ “ฉะนั้นถ้าคุณรักเหม่ยลี่จริง คุณต้องพาเหม่ยลี่หนี”

ธัชชัยเป่าลมหายใจออกจากปาก เขาบอกไม่ถูกว่าจะทำอย่างที่เธอว่าดีไหม ไม่ใช่เพราะไม่รักเธอ แต่เขายังไม่แน่ใจเลยต่างหากว่ารู้สึกยังไงกับน้องสาวมาเฟียคนนี้

ใช่...เขาพอใจเธอ รักในเรือนร่างและความเร่าร้อนของเธอ ที่สำคัญเขารู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ที่ได้ลอบกัดศัตรูของอัคราบริรักษ์ได้ การทำให้พญามังกรดำรู้สึกกระอักเลือดเป็นสิ่งที่ธัชชัยคาดหวัง แม้ในอดีตเขาจะไม่ได้เห็นภาพของแม่ก่อนท่านจะสิ้นลม แต่การเล่าขานปากต่อปาก ว่าหยางเฟ่ยหลงเป็นชู้กับแม่ของเขา ทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันก่อนตาย ทำให้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจนปัจจุบัน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป