บทที่ 3 จิตเสน่หา

นิราพรจำต้องเงียบ เธอคงต้องยอมตามความต้องการของสามี กลับมาจากท่องเที่ยวเมื่อไหร่เห็นทีต้องจัดระเบียบลูกใหม่เสียแล้ว

หลังจากพูดคุยกับบิดาเสร็จคนตัวเล็กรีบขึ้นห้องเพื่อติดต่อเพื่อนสาวทันที หากดาริกาไม่ยอมเดินทางไปด้วยเห็นทีต้องทำให้ยอมร่วมมือ

“ว่าไงยัยนิล”ดาริกากรอกเสียงตามสาย

“ดา ฉันอยากเจอแกอะ”

“มีอะไรอีกล่ะทำเสียงแบบนี้”คนฟังเริ่มสงสัย

“มีนิดหน่อย แกออกมาเจอฉันหน่อยนะ พรุ่งนี้ได้ไหมร้านกาแฟเจ้าเดิม”

ดาริกาฉุดคิดบางอย่างทุกวันนี้ตนเองแทบจะบ้าตายเพราะพี่ชาย เอาแต่พร่ำพรรณนาต้องการเจอหน้าเพื่อน รบเร้าทุกวันเล่นเอาเธอเหนื่อย ไม่กล้าติดต่อนิลลนาเพราะเกรงเพื่อนจะโกรธ แต่คราวนี้ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะพอดิบพอดี

“ฉันออกไปหาแกก็ได้นิล แต่ว่าฉันต้องเอาพี่นัทไปด้วยนะเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องไปสมัครงานที่บริษัทพี่เขาอะ”

ปลายสายชะงัก พี่ชายเพื่อนงั้นเหรอ คราวที่แล้วยังจดจำสายตาคู่นั้นได้ดี มันบ่งบอกถึงความนัยบางอย่าง แต่หากไม่ไปก็คงพลาดเรื่องการเดินทาง เป็นไงเป็นกันเธอคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก ก็แค่สายตาของคนอื่นมองมาเหมือนเคยๆ

“ก็ได้ๆ แล้วเจอกันนะดา”นิลลนายอมรับคำขอเพื่อน ก่อนตัดสายลง

หญิงสาวหยิบกระเป๋าสีครีมขึ้นสะพายบนไหล่แล้วลงจากชั้นบน ผู้ให้กำเนิดสองคนมองตาม นิลลนารีบสาวเท้าเข้ามาหา

“พ่อคะแม่คะ เดี๋ยวนิลออกไปหาดาก่อนนะคะ”

“ไปเถอะลูก”วิชยุทธอนุญาต “แล้วขับรถดีๆ นะนิล”

“ค่ะพ่อ”

ร่างบางรีบก้าวยาว ไปยังรถบีเอ็ม ของขวัญสมัยเรียนที่พ่อซื้อให้ เธอเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับ แล้วเคลื่อนมันออกจากรั้วบ้าน ราวครึ่งชั่วโมงถึงหน้าร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น ด้านหน้าเป็นระเบียงไม้ค่อนข้างร่มรื่น เพราะมีไม้ใหญ่ขึ้นให้ร่มเงา เดินผ่านเข้ามาประตูร้านป็นกระจกรวมถึงหน้าต่าง

ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ เพื่อหาเพื่อนเห็นโบกมือทักทาย นิลลยายิ้มกว้างเดินตรงไปหาทันที พอจวนถึงเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่ชายเพื่อนอีกคน

“สวัสดีค่ะ”เธอยกมือกระพุ่มไหว้นัทพล

“สวัสดีครับ”นัทพลระบายยิ้มจ้องมองใบหน้าของเพื่อนน้องไม่วางตา

“นั่งเลยยัยนิล นัดมามีอะไร”

เธอนั่งตามคำเชิญเพื่อน รับรู้ถึงสายตาของชายหนุ่มผู้ร่วมวงมองมาบ่อยๆ

“ดา ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วย”นิลลนาเริ่มเข้าเรื่อง

“เรื่องอะไรเหรอ”ดาริกาแสดงสีหน้าอยากรู้ ร่วมถึงพี่ชายอีกคน

นิลลนาลังเลเล็กน้อย แต่เธอจำต้องให้เพื่อนช่วยจริงๆ

“คือ... แกจำได้ไหมว่าก่อนจบฉันเคยบอกแล้วว่าอยากทำอะไร”

คนฟังพยักหน้า อดรำคาญไม่ได้ที่คนพูดไม่ยอมบอกให้หมดเสียที

“แกมีอะไรก็เล่ามาเลยยัยนิล!”ดาริกาเร่ง

“ฉันอยากไปเที่ยวประเทศซากวัย!”

ดาริกาหยัดตัวตรงแล้วระบายลมหายใจ ในคำพูดอยากไปเที่ยวแล้วตามตัวมาเช่นนี้ แสดงว่าเพื่อนตัวแสบคงหาข้ออ้างอะไรเกี่ยวกับตัวเธอแน่นอน

“แล้ว... มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอนิล”

คนถูกถามรีบกุมมือเพื่อนแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

“ดา ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าแกจะไปด้วย”

“อะไรนะ!”ดาริการ้องลั่น จนลูกค้าในร้านหันมองเป็นตาเดียว

นัทพลแตะแขนน้องสาวยกนิ้วชู้แตะริมฝีปากตนเองเพื่อเตือนไม่ให้ส่งเสียง ดาริกาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแผ่วเบา

“แกกำลังคิดอะไรอะนิล แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน ที่นั้นมีดีตรงไหนมีแต่ทราย”

“สวยจะตายดา ไปด้วยกันเถอะนะ”

“โนเวย์ ไม่มีทางฉันไม่ไปเด็ดขาด มีแต่ดินแต่ทรายแถมเพิ่งเปิดประเทศจะมีพวกโจรหรือเปล่าก็ไม่รู้”คนพูดเบ้ปาก ลูบแขนตนเองขนลุกเกรียว

“จะบ้าเหรอไงยัยดา ประเทศนั้นเขาเจริญแล้วนะ แกนี่เอาข่าวมาจากไหน”

“ก็ฉันเห็นข่าวในหนังสืออะ เห็นว่ายังมีพวกโจรปล้นสะดมอยู่เลย”

นัทพลคันปาก นี่อาจเป็นโอกาสทำให้ตนเองทำความรู้จักกับเพื่อนน้องสาวก็เป็นได้

“ทำไมดาไม่ไปล่ะ เดี๋ยวพี่ไปด้วย”นัทพลยื่นข้อเสนอ

นิลลนาหันมองพี่ชายเพื่อน รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร และเธอไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น หากต้องเดินทางด้วยกันขอปลีกไปคนเดียวดีกว่า เธอไม่คิดชอบพอกับเขาเลย

“พี่นัทจะไปเหรอ?”ดาริกาถามพี่ชาย

“ใช่ ก็จะได้ไปเป็นเพื่อนนิลไง”

“แน่ใจแล้วเหรอคะพี่นัท งานพี่เยอะไม่ใช่หรือไงจะลาได้เหรอ”

ฟังบทสนทนาแล้ว นิลลนาอึดอัดหากไม่ไปแค่แสดงละครก็ได้ ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนด้วย เห็นว่าเพื่อนสาวยังว่างไม่ได้หางานทำเลยชวน แต่ดูท่าจะเหลว

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนนิลหรอก” นิลลนารีบบอก “เอาแบบนี้แกแกล้งทำเป็นว่าไปกับฉันหน่อยได้ไหมยัยดา”

“อะไรนะ แกจะบ้าเหรอนิล จะให้หลอกพ่อแม่แกด้วยเหรอ!”

มือสองข้างยกพนมเพื่อขอร้อง ดาริกาเมินมองทางอื่นเพราะไม่อยากโดนผู้ใหญ่ตำหนิ หากร่วมมือแล้วพ่อแม่เพื่อนรู้ความจริงมีหวังโดนถล่มจนเละเทะไม่มีชิ้นดีแน่

“ช่วยฉันหน่อยนะดา ฉันอยากไปจริงๆ พ่ออนุญาตแล้วด้วยขอแค่มีแกไปเป็นเพื่อนเท่านั้น”

“แกอย่ามาโยนขี้ให้ฉันสินิล ถ้าพ่อแม่แกรู้ว่าฉันโกหกมีหวังโดนยำเละแน่”

“ถ้างั้นแกก็ไปกับฉันสิ”นิลลนายื่นข้อเสนออีกครั้ง

“ไม่เอาหรอก มันร้อนแกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน”

“ร้อนตรงไหน กลางคืนออกจะหนาว อีกอย่างเราพักกันที่โรงแรมในตัวเมืองนะไม่ได้นอนกลางดินกินกลางทรายเสียหน่อย”

“เดี๋ยวพอถึงเวลาแกก็พาฉันตะลอนๆ เที่ยวนอนกลางทะเลทรายอีกน่ะสิ ตอนเข้าค่ายอาสาก็ทีหนึ่งแล้วหลอกฉันได้ว่ามีห้องพักอย่างดี ที่ไหนได้กางเต็นท์นอน ยุ่งก็กัด แถมแมลงเต็มไปหมด อากาศก็ร้อนอีกจนฉันแทบจะกลับบ้านเสียตอนนั้นเลย!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป