บทที่ 4 จิตเสน่หา

คนถูกคอนแคะหน้าเจือน ก็ตอนนั้นคนไม่มีเลยต้องลากเพื่อนไปด้วย ถ้าไม่ครบทางมหาวิทยาลัยไม่ให้ออกค่าย ความจริงก็รู้อยู่ว่าผิด แต่เรื่องตอนนี้มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย

“ไปเป็นเพื่อนหน่อยไม่ได้เหรอดา...”เธอเริ่มส่งเสียงออดอ้อน

“ไม่ไปหรอก ฉันกำลังจะสมัครงานแล้วนิล แกก็ควรทำเหมือนกันนะ”

นิลลนาหน้างอมองเพื่อนแววตาตัดพ้อ

“แค่ช่วยก็ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้!”

“ก็ได้ จำไว้เลยดา”นิลลนาลุกยืนสะพายกระเป๋าสาวเท้าหนีไป

นัทพลมองตามสีหน้าตื่นตระหนกแล้วหันมาทางน้องสาวส่ายหน้าด้วยความงุนงง ตกลงมันยังไงกันแน่ แต่เห็นน้องนั่งเม้มริมฝีปากท่าทางคิดหนัก

“ดาจะเอายังไง นิลโกรธแล้วนะ”

“รู้แล้วน่าพี่ ขอคิดก่อน”ดาริกาตอบเสียงห้วน

สุดท้ายอดรนทนไม่ได้ดาริการีบวิ่งออกนอกร้านติดตามจนกระทั่งจับข้อมือเพื่อนไว้ แล้วระบายลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน

“ก็ได้นิล ฉันจะช่วยแก”

นิลลนาตาโตรีบโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความยินดี ในที่สุดสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานกำลังจะเป็นจริงแล้ว

“ขอบใจมากนะดา”

สนามบินสุวรรณภูมิ

ร่างบางก้าวยาวนำบิดามารดามาถึงด้านในสนามบินพร้อมกระเป๋าใบใหญ่สองใบ ลุงแช่มคนขับเป็นผู้ดูแลอำนวยความสะดวกในการเข็นสัมภาระตามเจ้านายทั้งสามมา เสียงฝีเท้าดังแว่วนิลลนาหันมองเห็นเพื่อนกำลังเดินมาพร้อมพี่ชายที่เข็นกระเป๋าใบใหญ่มา

ดาริกายกมือไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วแสร้งยิ้ม หันมองพี่ชายแล้วส่งสายตาให้ นัทพลรีบกระพุ่มไหว้เช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่สองคนรับไหว้แล้วหันมาทางบุตรสาว

“เครื่องใกล้ออกแล้วเดินทางดีๆ นะลูก”วิชยุทธบอก

“ค่ะพ่อ”

“ยังไงพ่อฝากดูแลนิลด้วยนะดา ไปกันสองคนต้องช่วยดูแลกันและกัน”

“ค่ะพ่อ ดาจะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ”ดาริการับปากแม้ในใจจะรู้สึกผิดมากก็ตาม

“แล้วพี่ชายของดาไม่ไปด้วยเหรอจ๊ะ”นิราพรชำเลืองมองหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางภูมิฐาน ดูเหมาะสมกับลูกสาวพอควร

“ไม่ไปค่ะ พี่ชายติดงานค่ะคุณแม่”

“ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ”

ดาริกายืนข้างเพื่อนแล้วกระซิบกระซาบ ใจเต้นกระหน่ำราวกับกลองศึก ตนเองทำผิดมหันต์พอเห็นหน้าพ่อและแม่เพื่อนจิตสำนึกมันด้านดีดันทำงาน รู้สึกคันปากอยากบอกความจริง แต่ทว่ามือของนิลลนากลับสะกิดขมวดคิ้วยุ่งเพื่อห้าม

“อย่าเชียวนะยัยดา ฉันไม่ยอมด้วย!”

“แกไม่เห็นเหรอพ่อแม่แกเป็นห่วงแค่ไหน”

“เถอะน่าเดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว แกก็เที่ยวที่แคลิฟอร์เนียให้สนุกไปสิ นัดกับหนุ่มที่นั้นไว้ไม่ใช่เหรอ”

“เออ ก็ได้ๆ”

สองร่างเดินทางเข้าช่องทางผู้โดยสารขึ้นสู่ตัวเครื่อง นิลลนาทอดสายตามองปุ๋ยเมฆแล้วยิ้มสดใส อีกไม่นานคงได้พบกันแล้วเมืองแห่งทะเลทรายไฮดริก ที่นั้นคงมีเรื่องสนุกๆ รอเธออยู่อีกมาก

เครื่องบินลงจอด ณ ลอสแอนเจลิสสนามบินนานาชาติ สองสาวสายเลือดชาวไทยออกจากช่องผู้โดยสาร  นิลลนาหยุดยืนรอกระเป๋าเดินทางพร้อมเพื่อน ราวยี่สิบนาทีสัมภาระถูกลำเลียงออกมา

“ฉันต้องเดินทางต่อนะดา แล้วแฟนแกจะมารับหรือยังล่ะ”นิลลนาถามเพื่อน แล้วกวาดตามองหาหนุ่มตาน้ำข้าวที่ดาริกานัด

“มาแล้วแหละ ว่าแต่แกไปคนเดียวได้แน่นะ แล้วรู้เหรอว่าขึ้นรถตรงไหน”

มือบางยกโบก เธอศึกษามาดีพอไม่มาหลงทางอยู่ที่นี่หรอก

“ไม่ต้องห่วงหรอกยัยดา ฉันศึกษามาแล้ว แถมเมืองไฮดริกยังใช้ภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ นอกจากชนพื้นเมืองที่ยังคงภาษาท้องถิ่น ฉันไม่ได้ออกไปไหนไกลหรอกแก อยู่ในตัวเมืองแล้วก็เดินทางกับทัวร์ของเมืองเท่านั้นแหละ”

ดาริกายังคงกังวล เกรงเพื่อนจะเกิดอันตรายแต่ดูท่าทางนิลลนาไม่ได้รู้สึกหวั่นใจอะไรเลย

“ถ้างั้นฉันไปส่งแกก่อนแล้วกันนิล ยังไงก็เป็นห่วง”

“ไม่ต้องก็ได้เดี๋ยวแฟนแกมาไม่ใช่เหรอ”

ครู่หนึ่งนิลลนาได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมชายรูปร่างสูงใหญ่โบกมือยิ้มระรื่น ชายคนนั้นมีดวงตาสีฟ้า ผิวขาวจัด ผมสีทอง สวมเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ ท่าทางดูสุภาพ เขาเดินตรงมายังเธอและเพื่อน นิลลนาคุ้นหน้าเป็นอย่างดีเพราะเคยดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อนมาก่อน

โดยปกติดาริกามีคนพูดคุยต่างเพศมากมาย ในมหาวิทยาลัยยังเคยรถไฟชนกันจนเกิดเรื่องวุ่นวายหลายครั้ง แต่เพราะเธอจะคอยไกล่เกลี่ยตลอด มองดูแล้วคงไม่ต้องกังวลอะไรเพราะรถที่มารับเพื่อนค่อนข้างหรูทีเดียว อีกอย่างสองคนนี้คบหากันมาหลายปีแล้วเคยเดินทางมาหากันไม่น้อยกว่าห้าครั้ง

“ไฮอิริค”ดาริกาเอ่ยทัก เจ้าของร่างสูงโปร่งจุมพิตแก้มสองข้างเพื่อทักทายก่อนหันไปทางหญิงสาวอีกคน

“เพื่อนยูหรือลิลลี่”

“ใช่แล้วจ้ะ”

อิริคโน้มกายเข้าหาเพื่อทักทาย แต่ร่างบางถอยห่างยกมือปราบ ขนบธรรมเนียมของเขากับเราไม่เหมือนกัน ไม่ได้สนิทชิดเชื้อถึงขนาดโอบกอดจุมพิตกันได้

“โนๆ”นิลลนายกมือจับแทน

หนุ่มตาน้ำข้าวมองด้วยความมึนงงแล้วยกมือจับตามความต้องการของอีกฝ่าย

“โทษทีนะอิริค เพื่อนไอเป็นสาวหัวโบราณ”ดาริกาแซว

“ไม่เป็นไรหรอก”ชายหนุ่มตอบ “เพื่อนลิลลี่ไม่ไปกับเราใช่ไหม”

“ใช่จ้ะ”

“คุณอยากเดินทางไปประเทศซากวัยใช่ไหม ผมให้คนพาไปส่งที่เมืองไฮดริกเอาไหม”

คนถูกถามหูผึ่งหันมาให้ความสนใจทันที

“แน่ใจเหรอคะ”

“ครับ ผมเตรียมรถมาให้แล้วด้วย พอดีลิลลี่บอกผมผมเลยเตรียมการมาพร้อม”

เธอหันมองเพื่อนแววตาทอประกาย แล้วโผเข้ากอดด้วยความซึ้งใจ

“ขอบใจแกมากนะ”

“ไม่เป็นไรเดินทางดีๆ ล่ะยัยนิล”

รถจิ๊บคันใหญ่ถูกจอดเทียบคนขับลงมาขนสัมภาระขึ้นรถ นิลลนาโบกมือลาเพื่อนสาวและแฟนหนุ่มแล้วเปิดประตูขึ้นรถ มันเคลื่อนออกจากสนามบินมุ่งหน้าไปยังประเทศซากวัย แหล่งอารยธรรมอันงดงาม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป