บทที่ 3 ปฐมบท 2 ปรารถนาบุพเพนาง

หากมิใช่เพราะมีคนบนเกาะทรยศ ร่วมมือชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะ สมคบคิดกับพวกขุนนางราชสำนัก มีหรือเขาจะสามารถนำทัพทางเรือมารุมล้อม มีหรือจะพาเหล่าทหารบุกทะลวงขึ้นมาถึงสถานที่ลี้ลับแห่งนี้ของนางได้

ทว่านางกลับเลือกพลีชีพเช่นนี้

เพื่อลดความสูญเสียชีวิตทั้งหลายทั้งจากคนของเขาและของนาง...

หยางเจี้ยนให้รู้สึกทึ่งนัก

ร่างระหงทิ้งตัวลงกระแทกพสุธาท่ามกลางม่านโลหิตสีชาดที่ซ่านเซ็นจากลำคอ

บุรุษหนุ่มยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย

สตรีกล้าหาญอย่างนาง เป็นแม่ทัพหญิงก็ยังได้ เหตุใดต้องเลือกหนทางอันเป็นปรปักษ์กับความถูกต้อง

เพราะอันใดถึงเลือกเป็นโจรถ่อยให้ผู้คนคอยสาปแช่งดูหมิ่นกัน?

การกำราบโจรร้ายใช้เวลาจวบจนมืดค่ำ

กลางทะเลรอบหุบเขายามนี้มืดมิดเป็นสีดำสนิทแล้ว บนท้องฟ้าปรากฏจันทร์เสี้ยวทอแสงสาดส่องริบหรี่กระทบเป็นเงางดงามบนผิวน้ำ

คบเพลิงรอบด้านถูกจุดขึ้นจนสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ

มือของหยางเจี้ยนกำแน่นเข้าด้วยกัน ดวงตาคู่คมไหววูบยากระงับ เขาก้มศีรษะ ทำให้นายทหารที่ยืนรายรอบไม่เข้าใจอารมณ์ในสายตาของเขา

ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาเงียบขรึมท่าทีสุขุมเยือกเย็น หยางเจี้ยนให้รู้สึกลำบากใจอย่างที่สุด

‘ข้ายอมตายภายใต้เงื้อมมือท่าน ค่ายโจรแห่งนี้จะสิ้นสลายไปพร้อมกับชีวิตข้า ขอแค่ท่านไม่ตามหาหมายหัวคนของข้า...’

หนึ่งศีรษะแลกร้อยชีวิตมิต้องพลีชีพ

กลีบปากบางเม้มสนิท กรามแกร่งบดแน่นเนิ่นนาน เรือนร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพหนุ่มยืนนิ่งตรึงสายตามองภาพค่ายโจรจันทราแดงมอดไหม้จนกลายเป็นจุล

หัวใจของเขาเองก็คล้ายถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมสตรีนางหนึ่งผู้ซึ่งกลายเป็นเพียงตำนาน

ไม่ง่ายเลยกับการได้เจอสตรีแสนพิเศษเช่นนาง

หยางเจี้ยนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขารู้สึกพึงใจสตรีผู้นี้แม้ยังไม่เคยเห็นหน้า นางคงไม่รู้ตัวว่าดวงตาที่โผล่พ้นหน้ากากเงินคู่นั้นตรึงใจเขาเพียงใด

การประมือกับนางเพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนี้ นับว่าคุ้มค่าแล้ว...

ดาบดวงเดือนซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของจอมยุทธ์หญิงเงาดาบจันทราปรากฏร่องรอยของหยาดโลหิตสีแดงฉานจากจอมกระบี่สุริยันฝากฝังเอาไว้เป็นการแลกเปลี่ยน

หยางเจี้ยนใช้ดาบนางกรีดนิ้วตนอย่างสงบเยือกเย็น ‘จิตวิญญาณเจ้าผสานหยดเลือดข้า ขอชาติหน้าได้ผูกวาสนา มิต้องเข่นฆ่าเฉกเช่นชาตินี้’

ก่อนเหวี่ยงเข้ากองเพลิงให้ไฟร้อนเผาไหม้พร้อมศพไร้หัวผู้เป็นเจ้าของ ส่วนศีรษะนางถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเพื่อถวายแด่จักรพรรดิเยี่ยน  หยางเจี้ยนเลือกที่จะโบกมือสั่งการถอนทัพกลับเมืองหลวงทันที

‘คนที่ตายล้วนตายไปถือว่าชดใช้กรรม แต่คนที่หายสาบสูญนั้น ข้ารับปากว่าจะไม่ตามหาหรือหมายหัวอีก...’

การกำราบและปราบปรามสำนักยุทธ์ฝ่ายอธรรมอันดับต้นแห่งยุทธภพอย่างค่ายโจรจันทราแดงสิ้นสุดลงในเวลาอันรวดเร็วเหนือคาดหมาย

การได้หัวของสุดยอดฝีมือสมญานามเงาดาบจันทรามาวางบนแท่นประหารย่อมหมายถึงการกำจัดค่ายโจรจันทราแดง หนึ่งในฝ่ายอธรรมที่สมควรล้มล้างอย่างที่สุดแห่งยุทธภพได้สำเร็จ

ยามนี้ค่ายโจรเถื่อนที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดต่อการค้าทางเรือได้สิ้นสลายไปแล้ว ความรุ่งเรืองเหนือใครคงไม่ไกล

ความดีความชอบครั้งนี้จักรพรรดิเยี่ยนทรงพิจารณาปูนบำเหน็จให้ทุกคนที่ให้ความร่วมมืออย่างถ้วนทั่ว

งานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อมอบรางวัลถูกจัดขึ้นภายในส่วนหน้าของพระราชวังอย่างอลังการยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้นคึกคัก สุรารสเลิศอาหารรสล้ำนางรำและนักดนตรีร่วมขับกล่อมผู้คนตั้งแต่ช่วงบ่ายจวบจนมืดค่ำ

ฮ่องเต้เยี่ยนหลงเซียนทรงตรัสชื่นชมผู้สร้างความดีความชอบอยู่หลายประโยคตามด้วยพระราชทานรางวัลอย่างสมน้ำสมเนื้อแก่ข้าราชบริพาร

ขุนนางและตัวแทนจากสำนักต่างๆ ของยุทธภพที่เข้ามาสวามิภักดิ์และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการปราบกลุ่มโจรร้ายอันดับหนึ่งครานี้

และที่ลืมมิได้เลยก็คือแม่ทัพหยางเจี้ยน จอมทัพผู้นำกองกำลังทหารไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เสี่ยงอันตรายทางเรือ ฝ่าคลื่นโต้ลมอย่างยากลำบากด้วยตนเองจนถึงหุบเขามรณะ บนเกาะลึกลับกลางทะเลแห่งนั้น

หยางเจี้ยนเป็นนักรบผู้เคร่งขรึม กร้าวแกร่งเกริกไกร คล้ายว่าเขายิ้มไม่เป็นมาแต่กำเนิด ทั้งใบหน้าแข็งตึงประหนึ่งแผ่นเหล็กบึงศิลา แววตาลึกล้ำโครงหน้าชัดเจนมองอย่างไรก็มิรู้ได้ว่าเขาคิดอันใดอยู่

ท่าทางของเขาดุดันไม่เพียงดูแข็งกร้าวแต่หนักแน่น ดุจดังยอดเขาสูงชันตั้งตระหง่าน ทั้งดูเย่อหยิ่งเย็นชามาก ท่วงท่ากิริยาหรือยังน่ากลัวเป็นพิเศษ แววตาที่มองคนประหนึ่งสามารถมองทะลุถึงใจคนได้

อารมณ์บนใบหน้าของเขาเคร่งขรึมน่ายำเกรงเกินไป แววตาที่จ้องมองประดุจเป็นผู้พิพากษากำลังประเมินมองผู้ต้องหาอย่างไรอย่างนั้น บางครั้งฮ่องเต้เยี่ยนยังเผลอรู้สึกไม่มั่นคงขึ้นมา ยามสนทนาด้วยยังแอบหวั่นพระทัยบ่อยๆ

หยางเจี้ยนผู้นี้เปรียบเสมือนหัวใจของแคว้นเยี่ยน สร้างความดีความชอบมาช้านาน มีคุณนานัปการต่อแผ่นดินแห่งเยี่ยนมากมายก็จริง ทว่านั่นย่อมเป็นดาบสองคม

ทุกคืนวันหยางเจี้ยนเอาแต่กรำศึกออกรบขจัดภัย แม้ทำตัวอันตรายต่อหัวใจอิสตรีแต่กลับไม่มีนางในดวงใจ

อายุหรือก็ล่วงเข้ายี่สิบห้าเข้าไปแล้ว

บุรุษอื่นอายุเท่านี้ย่อมมีภรรยาและอนุเต็มเรือน

เขาหมกมุ่นเรื่องชาติบ้านเมืองและกลศึกทำสงครามจนหนักหนาสาหัสเกินไปหรือไม่?

ฮ่องเต้เยี่ยนจึงมอบทองคำพร้อมไข่มุกผ้าไหมสิบหีบ อัญมณีและเงินสิบหีบ เพื่อใช้เป็นเบี้ยหวัดรองรังจวนหยาง

จากนั้นก็มอบรางวัลนำทัพของหยางเจี้ยนเป็นรางวัลสูงสุดแห่งค่ำคืน สิ่งนั้นคือสมรสพระราชทานกับสตรีงดงามที่อายุพร้อมออกเรือนแล้วแต่ยังไม่ออกเรือนเสียที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป