บทที่ 2 รับปาก

~คืนนี้ที่เดิม เดี๋ยวฉันนั่งแกร็บออกไปเอง ไม่ต้องมารับ~

เสียงหวานๆ ของพราวลลิลเอ่ยพูดกรอกไปทางสายโทรศัพท์เครื่องหรูที่เพิ่งอ้อนให้พี่สาวซื้อหามาให้ใหม่ทดแทนเครื่องเก่าที่เผลอทำหล่นใส่พื้นจนพังไม่เป็นท่า

เธอกำลังนัดแนะเพื่อนสาวเพื่อนสนิทที่แสนไว้ใจเป็นที่สุดหลังเลิกจากงานเอกสารที่ช่วยพ่อกับแม่ทำฆ่าเวลาไปวันๆ เพื่อที่จะออกไปเที่ยวกันในคืนวันศุกร์ที่ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันเสาร์ไม่ต้องแบกหน้าโทรมๆ จากการเมาและอดนอนไปทำงาน

“วันนี้ตอนหกโมงเย็นมีนัดกินข้าวกับคุณสุขสันต์นะคะ หนูหนมหวานของยายอย่าลืมนัดสำคัญนี้นะ”

คนแก่ที่อายุปีนี้ปาเข้าหลักเลขแปดนำหน้าไปแล้วอย่างบุหลันเดินผ่านมาได้ยินหลานสาวคนสุดท้องของบ้านพูดคุยโทรศัพท์พอดี

ทำเอาคนแก่ที่หูยังดีอยู่ยังไม่ได้แก่ตามอายุต้องเอ่ยเตือนหลานสาวที่อาจกำลังลืมนัดสำคัญในช่วงเย็นวันนี้ไป

เพราะใจคิดอยากให้หลานสาวสนใจการหาคู่ครองสักนิดก่อนที่จะอายุมากไปกว่านี้และจะหาคู่ครองกับเขาไม่ได้

“คราวนี้เป็นตือป๋วยก่าย หรือนกกระยางดีล่ะคะ”

ความแก่นแก้วของพราวลลิลตอบกลับยายของเธออย่างไม่ค่อยน่าฟังนัก แต่มันก็ดูจะเหมาะสมแล้วแหละสำหรับเธอที่ถูกจับคู่ให้ออกไปกินข้าวกับชายแปลกหน้าทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ จนเธอนึกอยากจะให้ยายสุดที่รักของเธอออกไปนัดบอดแทนเธอซะจริงๆ

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ ไม่น่ารักเอาเสียเลยนะ”

คนเป็นยายเอ่ยอย่างอ่อนหวานกับหลานสาวสุดแสบ ต่างกันลิบลับจนบางครั้งใครได้พบเห็นก็นึกเอะใจเหมือนกันว่าเป็นยายและหลานกันจริงหรือไม่ เพราะคนเป็นหลานสาวแทบไม่ได้ความอ่อนหวานนี้ไปจากคนเป็นยายเลยสักนิด มีแต่ความแสบมาตั้งแต่เด็กๆ ยันโตเป็นสาว

“หนูไม่ไป และหนูก็มีนัดแล้วด้วยสำหรับคืนนี้”

เดินหนีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เดินเข้ามาสนทนาด้วยอย่างหญิงสาวไร้มารยาท ถ้าใครเห็นก็คงต้องตำหนิเธอแน่ๆ แต่พราวลลิลกลับไม่สน เธอคิดแค่ว่าไม่อยากคุยแล้วก็ไม่จำเป็นต้องยืนอยู่ให้เมื่อยขา เดินกลับห้องไปพักดีกว่าทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

“แต่ว่ายายนัดกับทางพ่อและแม่ของคุณสุขสันต์เอาไว้แล้วนะคะ เราจะผิดนัดกับเขาไม่ได้นะ มันจะดูเป็นการเสียมารยาทนะลูก”

เอ่ยเสียงดังขึ้นอีกนิดเพื่อรั้งตัวหลานสาวที่กำลังจะเดินหนีให้หยุดฝีเท้าสักนิดเพื่อฟัง มันช่างอยากเย็นเหลือเกินกับการจะกล่อมให้หลานสาวคนนี้อยู่ในโอวาทของเธอ

“แต่ว่าหนมไม่อยากไปหนิ่ค่ะ หนมอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มากกว่า งานนี้คุณยายยกเลิกไปก่อนนะคะ”

“ปีนี้หนมหวานหลานของยายอายุยี่สิบห้าแล้วนะแต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือน ถ้าขืนยังเที่ยวเล่นอยู่ไม่หาคู่ครองสักที ประเดี๋ยวก็กลายเป็นสาวแก่ทึนทึกไม่มีใครเหลียวแลนักลูก”

“แต่หนูไม่ชอบการจับคู่หนิ่ค่ะ ถ้าหนูจะแต่งงานจริงๆ หนูก็อยากหาเจ้าบ่าวมาให้ได้ด้วยตัวเอง”

“ยายรอหนูหาเองมาสามปีแล้วนะ ยายยังไม่เห็นวี่แววเลยสักนิด ต้องให้ยายรออุ้มเหลนไปถึงเมื่อไหร่กันล่ะ”

“เอาเป็นว่าคืนนี้ หนมจะไปตั้งใจหามาให้คุณยายได้เชยชม รับปากเลยค่ะว่า ได้ผู้กลับมาแน่นอน”

“หนมหวาน”

“โอเคตามนั้นนะคะ พรุ่งนี้เปิดบ้านรอรับหลานเขยได้เลยค่ะ”

พูดจบร่างเล็กก็เดินเข้าไปภายในบ้านเพื่อกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง หาที่เอนหลังพักผ่อนสักสามชั่วโมงก่อนจะออกไปเที่ยวราตรีกับเพื่อนสนิทในคืนนี้

จะว่าไปแล้วเธอก็ไม่ได้อยากออกไปล่าราตรีสักเท่าไหร่หรอกเพราะก็เที่ยวมาจนเบื่อแล้ว แต่ทว่าเพราะติดใจหนุ่มโฮสต์คนหนึ่งเข้าให้ก็เลยนึกอยากจะไปเจอหน้าเขาอีกแม้รู้ตัวดีว่าจะต้องเสียเงินอีกจำนวนไม่น้อยกว่าจะได้เข้าใกล้เขาก็ตาม

ก็คนมันรักมันหลงจะให้ทำไงได้ล่ะ ก็นอกเสียจากจะต้องทุ่มหมดตัวนั่นแหละ แล้วค่อยหาเงินใหม่ หรือแบมือขอพ่อกับแม่ใหม่นั้นเอง

“เมื่อไหร่หลานสาวคนสุดท้องของฉันจะได้ออกเรือนสักทีล่ะแม่ณี แม่ต้องรออีกนานแค่ไหนกัน หรือจะไม่มีบุญได้เห็นแล้ว”

คนแก่เดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับมีคนดูแลเดินประคองกันมาอย่างระมัดระวังเจอเข้ากับลูกสาวและลูกเขยที่เพิ่งกลับมาจากทำงานพอดิบพอดี และตามประสาคนแก่ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นอย่างน่ารำคาญออกไป

ทั้งหมดที่ทั้งพยายามทำและก็พยายามพูดอยู่นี่ก็เพราะรักและหวังดีกับหลานสาวคนสุดท้องอย่างพราวลลิล อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝา คนเป็นยายจะได้ตายตาหลับ

“ให้เวลาหนมหวานอีกสักนิดนะคะ แกยังเด็กอยู่คงอยากใช้ชีวิตโสดไปอีกสักพัก”

หยกมณีเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจคนทั้งสองฝ่าย เธอเองก็เป็นแม่ก็รักและหวังดีอยากจะให้ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนอย่างลูกสาวคนโตที่แต่งงานไปเมื่อปีที่แล้ว และก็ค่อนข้างเห็นดีเห็นงามกับแม่ของเธอที่จะหาคู่ครองให้กับลูกสาว เพราะตัวเธอเองก็ได้ดิบได้ดีมาด้วยการจับคู่แต่งงานเหมือนกัน

แต่เธอในฐานะแม่ก็เข้าใจลูกสาวสุดแสบเป็นอย่างดี ว่าชีวิตโสดนั้นมันสนุกมากแค่ไหน เพราะเธอไม่เคยเห็นลูกสาวต้องทุกข์ใจเพราะความโสดเลยสักวันเดียว เรียกได้ว่าในทุกๆ วันลูกสาวคนนี้มีแต่รอยยิ้มให้เธอเสมอ

“เฮ้อออ แม่ไปศาลเจ้าก่อนดีกว่า อยู่บ้านคงร้อนใจนอนไม่หลับอีกคืนนี้ ไปขอพรสักหน่อยเพื่อว่าอะไรๆ มันจะดีขึ้น”

คนแก่ที่ชอบไหว้พระไหว้เจ้าอยู่แล้วถึงกับออกไปหาที่พึงพาทางใจ เพราะขืนอยู่บ้านก็คงนอนไม่ได้นั่งไม่ลงเพราะร้อนใจที่ถูกหลานสาวปฏิเสธการหาคู่

อีกอย่างจะได้แวะไปขอโทษขอโพยครอบครัวฝั่งทางนู้นเข้าด้วย ที่นัดแล้วไม่เป็นนัดต้องบอกยกเลิกอีกครั้ง

“ผมกับณีไปส่งนะครับคุณแม่”

จรินทร์ลูกเขยผู้แสนดีอันดับหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแม่ยายกำลังจะออกจากบ้าน ทำงานมาเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพราะทั้งประชุมทั้งวันและไหนยังต้องนั่งเคลียร์เอกสารกองท่วมหัวก่อนกลับบ้านอีก แต่เพื่อแม่ยายที่เขารักเหมือนแม่เขาก็มองข้ามความเหนื่อยล้านั้นไปได้ และอยากจะออกไปส่งท่านทำธุระด้วยตัวเอง

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแม่ไปกับสมานและก็พรจิตรเขา ทั้งสองคนอยู่บ้านพักผ่อนกันเถอะเพิ่งจะเลิกงานมาเหนื่อยๆ”

บุหลันโบกไม้โบกมือให้ลูกเขยกับลูกสาวพักผ่อนอยู่บ้านไม่ต้องมาเป็นธุระพาเธอออกไปข้างนอกหรอก เพราะคนแก่อย่างเธอนั้นไปไหนมาไหนเองได้ เธอมีทั้งคนขับรถและก็คนดูแลคอยติดตามไม่ห่าง

ให้ทั้งสองอยู่พักผ่อนอยู่บ้านจะดีกว่า ออกไปก็เหนื่อยเปล่าแถมจะทำให้คนแก่อย่างเธอไม่สบายใจอีกที่พาคนทำงานมาทั้งวันมาเหนื่อยเพิ่ม

พูดจบคุณยายบุหลันก็เดินออกจากบ้านหลังใหญ่ไปขึ้นรถที่คนขับรถอย่างสมานนั้นขยับจัดเตรียมมาจอดรอรับถึงหน้าประตูบ้านเพื่อไม่ให้คนแก่อย่างบุหลันต้องเดินไกล โดยมีพรจิตรผู้ที่เป็นทั้งคนดูแลและก็มือขวาของเธอเดินทางไปด้วยกัน

ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ไปทำธุระเสร็จสรรพ และต่อด้วยการไปไหว้พระที่ศาลเจ้าที่อยู่ไม่ห่างจากบ้าน เพื่อขอพรให้หลานสาวเจอคนดีๆและเนื้อคู่สักที

และที่ศาลเจ้านั้นก็ทำให้คนแก่อย่างบุหลันเจอเพื่อนเก่ารุ่นน้องที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน เลยทำให้อยู่คุยกันหลายชั่วโมงอย่างถูกคอจนลืมเวลากลับบ้านไปเลย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป