บทที่ 15 ตอนที่12 สืบความจริง 1
เฟิงลี่ยังนอนไม่หลับจึงนั่งพิงหัวเตียงมุ่นคิ้วไม่คลาย
ถึงแม้เฟิงลี่จะเลือกปรึกษาผิดคน ทว่าอย่างน้อยนางก็ได้รู้ว่าหลิวอี้อาจจะเข้าหานางถึงในห้องนอนแห่งนี้ในคืนใดคืนหนึ่ง
ซึ่งนางก็ได้เตรียมพร้อม...
โดยการแอบออกจากห้องพักไปนอนหมอบบนต้นไม้แทน
หลังจากนั้น ในทุกๆ เดือน เนิ่นนานร่วมปี จะต้องมีอย่างน้อยสามถึงห้าวันที่หลิวอี้จะหาเรื่องหรือมีแผนการมาพบเฟิงลี่ถึงในห้องพักส่วนตัวด้วยตนเอง หมายรวบรัดเปลี่ยนท่อนไม้ให้กลายเป็นเรือก่อนที่เฟิงลี่จะมีอายุพร้อมออกเรือนไปกับชายอื่น
แต่แล้วเขาต้องอารมณ์เสียเดินหงุดหงิดกลับไปทุกครั้ง เพราะว่าหาตัวเฟิงลี่ไม่เจอ
จิ่วเม่ยเองก็คล้ายกลายเป็นเบื้อใบ้ ไม่รู้เช่นกันว่าเฟิงลี่หายไปที่ใด บอกได้เพียงว่านางรักอีกฝ่ายเหมือนน้องสาวแท้ๆ ไหนเลยจะกล้าเรียกใช้งานตลอดเวลาเหมือนสาวใช้คนอื่น จึงปล่อยให้น้องสาวเที่ยวเล่นตามอำเภอใจ ไปที่ใดก็ได้ทั้งนั้น
นั่นคือเหตุผลที่จิ่วเม่ยให้คำตอบแก่สามีได้ว่าเพราะอะไรเฟิงลี่จึงมักจะทำตัวลึกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยบ่อยครั้ง
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ จิ่วเม่ยผู้หึงหวงสามีลอบช่วยเหลือเฟิงลี่ให้พ้นเงื้อมมือของหลิวอี้ทางอ้อมได้อย่างแนบเนียนนั่นเอง
ยามค่ำคืน เฟิงลี่มักจะซุ่มอยู่บนต้นไม้ใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท้ายเรือน นางนอนบนนั้นอย่างยากลำบาก ตามประสาคนเคยอดทนอาศัยอยู่ในหุบเขา
ถึงแม้เฟิงลี่ไม่ค่อยจะเต็มใจนัก อุตส่าห์ได้ห้องพักดีๆ มีเตียงอุ่นๆ แล้วเชียว ยังต้องทนนอนบนต้นไม้ แต่นางก็ยังซ่อนตัวอยู่บนนั้นได้อย่างแนบเนียนมาก ไม่ต่างจากสัตว์ป่าเลยสักนิด
ในสมองน้อยๆ ยังขบคิดอย่างกตัญญูรู้คุณ
หากนางเป็นภรรยาอีกคนของพี่อี้ มิใช่การแย่งชิงคนรักของพี่เม่ยหรอกหรือไร? ใครจะยอม...
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่เฟิงลี่ไม่กล้าเข้าห้องส่วนตัว เพราะมัวแต่หลบเลี่ยงสามีของผู้อื่นนามว่าหลิวอี้
เดิมทีชายผู้นี้พยายามเข้าหานางด้วยเหตุบังเอิญเดินผ่านมาบ้าง ข้ออ้างสมเหตุสมผลบ้าง แต่เฟิงลี่ก็หลบเร้นซ่อนตัวได้ทุกครั้งโดยไม่เสียเวลาเผชิญหน้า เพราะว่านางไม่เก่งเรื่องพูดจาโต้ตอบเพื่อเบี่ยงเบนอันใด การถอยให้ห่างเข้าไว้จึงจะดี
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิวอี้จึงเพิ่มระดับความร้ายกาจ เขารอให้จิ่วเม่ยนอนหลับจนสนิทแล้ว จึงย่องมาที่ห้องของเฟิงลี่
เมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องดังคาด เขาจึงแอบจุดกำยานรัญจวนเอาไว้ แล้วกลับออกไปคล้ายไม่เคยแอบเข้ามา ก่อนจะไปซุ่มตัวดักอยู่ด้านนอก รอเวลาที่เฟิงลี่กลับเข้าห้อง
หากเฟิงลี่เข้าห้องแล้วสูดดมแค่ไม่ถึงครึ่งถ้วยชา รับรองได้ว่านางต้องร้อนรุ่มจนเนื้อตัวสั่นระริก มีความต้องการเฉกเช่นหญิงแพศยาร่านราคะ ปรารถนาการร่วมรักกับบุรุษจนทนไม่ไหว ทั้งยังต้องปรนเปรอเริงสวาทอย่างร้อนแรงเร้าใจจนรุ่งสาง
ท่ามกลางกลิ่นกำยานโชยคลุ้งภายในห้องนอนของเฟิงลี่ หลิวอี้กำลังคิดถึงแผนการตนเองด้วยหัวใจเต้นระส่ำ พร้อมคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ตรงมุมมืดข้างเรือนหนึ่ง
ส่วนเฟิงลี่เพียงขุดโพรงนอนหลับอยู่ใต้ดินห่างออกไปจากเรือนตนไกลโข บริเวณนั้นเป็นสวนป่าท้ายเรือนจากทุกหลัง ไร้ใครสังเกตเห็นทั้งนั้น
ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น การนอนบนต้นไม้ไม่ดีเท่าใด จำต้องหาที่นอนที่อบอุ่นเข้าไว้ แย่งมดงานแมลงร้ายในหลุมนี่ล่ะ
เฟิงลี่จึงไม่อาจล่วงรู้ว่าหลิวอี้แวะเวียนเข้ามาที่ห้องของนางตลอดทั้งคืน กระทั่งพลั้งเผลอสูดดมกำยานเข้าไปมากมาย
สุดท้ายเป็นเขาเองที่ถูกฤทธิ์รัญจวนของกำยานเล่นงาน จนท่อนเนื้อช่วงล่างกลางลำตัวปวดหนึบแทบคลั่ง ต้องวิ่งกลับไปหาภรรยาของตัวเองแทบไม่ทัน ปลุกนางขึ้นมาร่วมรักจนหมดแรง
เดิมทีการที่บุรุษผู้หนึ่งจะรับอนุสักคนมิใช่เรื่องใหญ่ หากแต่กฎระเบียบยังคงมี การยอมรับของภรรยาเอกย่อมสำคัญ แต่หากนางไม่ยอมรับ สามีจะถือวิสาสะพาเข้ามาเลยก็ย่อมได้ ทว่านั่นต้องเป็นการสมยอมของฝ่ายสตรีผู้เป็นอนุด้วย
เพียงแต่เฟิงลี่นั้นกลับไม่ยินยอมพร้อมใจง่ายๆ
และจิ่วเม่ยเองก็ไม่ยอมรับง่ายๆ เช่นกัน
ที่สำคัญสตรีสองคนรักกันดุจพี่น้อง หลิวอี้จึงต้องเล่นเล่ห์ใช้เพทุบายเช่นนี้ เผื่อว่าจะสำเร็จในสักวัน
หลังจากนั้นภรรยาแต่ละคนจะทะเลาะเบาะแว้งอันใดก็เป็นเพียงเรื่องหลังเรือน ขอแค่ทุกนางปรนนิบัติบนเตียงได้ดีก็พอ บุรุษล้วนไม่ใส่ใจเรื่องยิบย่อยทั้งสิ้น
หลิวอี้นั้น เขาชอบเฟิงลี่มาก ชอบตั้งแต่ได้เจอครั้งแรกที่บ้านเดิมของจิ่วเม่ย แต่ตัวเขาเป็นคู่หมั้นของจิ่วเม่ยแล้วการจะรับอนุก่อนแต่งภรรยาย่อมไม่เหมาะสม ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าอีกฝ่ายอายุน้อยยังไม่ปักปิ่นและเป็นคนของคู่หมั้น เขาก็ยิ่งไม่อาจกระทำ จำต้องรอหลังแต่งงานสักปีสองปีค่อยรับเป็นอนุ เขาย่อมรอได้
ทว่าเฟิงลี่ยิ่งโตยิ่งงดงามโดดเด่นยากจะหักห้ามใจมิให้อยากครอบครองจริง ๆ แต่จนใจที่สามีต้องเกรงใจภรรยาอยู่บ้าง ทั้งยังไม่กล้าหักหาญน้ำใจเฟิงลี่ที่อายุยังไม่ปักปิ่น
อีกทั้งชื่อเสียงยามทำการค้ายิ่งต้องคำนึงเข้าไปใหญ่ หากเขากระทำการอุกอาจรุนแรงจนเกินไปก็เกรงว่าจะกระทบต่อชื่อเสียงอันดีงามของเขาในแวดวงการค้า
