บทที่ 8 ตอนที่ 5 หมายตา 1

แม้หลานชายผู้นี้จะมีนิสัยร้ายกาจและก้าวร้าวไปบ้าง ทว่ากลับเป็นบุรุษหนักแน่นปานศิลาเหล็กกล้าผู้หนึ่ง เจิ้งเทียนฉีมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าองค์ชายผู้นี้ย่อมมีรักมั่นคงต่อชายาของเขา และนั่นคือเหตุผลที่อ๋องเฒ่าผู้เปรียบประดุจไม้ใกล้ฝั่งต้องเตรียมฝากฝังบุตรสาวบุญธรรมของตนไว้กับอีกคนที่ไว้ใจได้

เจิ้งเซียวเล่อรับฟังนิ่งๆ พลางวางหมากสีดำแค่หนึ่งตัว ทว่ากลับกินรวบหมดทั้งกระดาน เขาเอ่ยขึ้นว่า “หากเสด็จลุงไว้ใจฝากผู้มีพระคุณเอาไว้กับข้าเช่นนี้ ตัวข้ายังจะมีเหตุผลอันใดให้ปฏิเสธได้ ในเมื่อท่านเองก็เป็นผู้มีพระคุณของข้า”

การแต่งงานสำหรับสตรีนับเป็นเรื่องใหญ่ ทว่าสำหรับบุรุษแล้วเขากลับเอ่ยได้อย่างไม่ใส่ใจ

จะแต่งแล้วแต่งอีกหรือแต่งกับสตรีหลายคนก็ยังได้

แค่ต้องแต่งกับบุตรสาวบุญธรรมของผู้อาวุโสตรงหน้าจึงไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งสิ้นสำหรับเจิ้งเซียวเล่อ

เขาเพียงแค่รับน้องสาวมาดูแลเพิ่มหนึ่งคนผ่านพิธีแต่งงานก็เท่านั้น

เพราะหลายปีก่อน เขาเกือบก้าวเท้าเข้าประตูผีมาแล้ว หากไม่มีชายชราตรงหน้า เกรงว่าคงไม่มีเจิ้งเซียวเล่อในวันนี้

เมื่ออีกฝ่ายไว้ใจฝากคนสำคัญ เจิ้งเซียวเล่อจึงไม่มีทางไม่รับเอาไว้

เจิ้งเทียนฉียกยิ้ม “ย่อมดี”

ชายทั้งสองผู้เป็นลุงกับหลานชายคุยกันเรื่องสำคัญจบลงก็ยังคงคุยเรื่องอื่นตามวิสัย ด้วยมิใช่คนอื่นคนไกล ทั้งสองเปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่องราว

“เสด็จลุงคงทราบแล้ว ข้ามีความดีความชอบปานนั้น       ทำให้บ้านเมืองสงบสุขแท้ๆ แต่เสด็จพ่อทรงนำมาเป็นเหตุผลในการเรียกกองกำลังคืนห้าส่วนก่อนอวยยศข้าเป็นเจี้ยนอ๋อง พระราชทานวังหรูหรานอกเมืองพร้อมสาวงามจำนวนมาก เพื่อให้ข้าใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสำราญ ร่ำสุรานารี ปรารถนาให้ข้าทำตัวเสเพลทุกค่ำคืน ไม่ต้องคิดเข้าไปเล่นเล่ห์ในราชสำนักให้ปวดหัว อยู่อย่างไร้ตัวตนไปวันๆ”

เจิ้งเทียนฉีหรี่ตานิ่งฟัง เพราะแพ้ทั้งกระดานแล้ว หลานชายผู้นี้ไม่เคยยั้งมือไว้ไมตรีไม่ว่าผู้เฒ่าคนชราจริงๆ เขาจึงเลิกเล่นหมากล้อม เพียงยกถ้วยชาขึ้นเป่าเบาๆ แล้วจิบคำหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงขรึม

“เมื่อมีความสามารถ มีความดีความชอบมากมาย             ในสายพระเนตรย่อมหมายถึงมีดาบสองคมอันตรายข้างวรกาย”

เขารู้ดีถึงนิสัยของฮ่องเต้ผู้เป็นน้องชาย

นิสัยหยาบกระด้างแต่น่าเกรงขามไม่เห็นหัวใครเฉกเช่นเจิ้งเซียวเล่อ ไม่เคยมีใครโหดเหี้ยมเท่าเขา มีแต่คนเกรงกลัวเขา พระบิดาจึงเกรงว่าเขาจะเหิมเกริมไม่เกรงกลัวฟ้าดิน

คงกลัวถึงขั้นคิดว่าเขาอาจก่อกบฏยึดบัลลังก์พระบิดา จึงมอบตำแหน่งเจี้ยนอ๋องพร้อมวังกับสาวงาม

แต่กลับไม่มอบที่ดินศักดินาและกองกำลังให้ปกครองเอง

เห็นได้ชัดว่าต้องการให้โอรสองค์นี้อยู่ในอาณาเขตจำกัด ไม่อาจขับออกจากเมืองหลวงให้อยู่ไกลสายพระเนตรพระกรรณ ทั้งคิดให้เป็นเขี้ยวเล็บที่แหลมคมที่สุดในพระหัตถ์ยามฉุกเฉิน

เจิ้งเทียนฉีเข้าใจน้องชายของตนดี และยิ่งรู้จักหลานชายตัวเองอย่างลึกซึ้ง เพราะเจิ้งเซียวเล่อมากฝีมือมีความสามารถถึงขั้นก่อกบฏยึดบัลลังก์และตำแหน่งอันควรได้จริง ๆ

แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ!

ไม่ว่าตำแหน่งรัชทายาทหรือตำแหน่งเจ้าแห่งแผ่นดิน เจิ้งเซียวเล่อไม่สนใจทั้งสิ้น

นั่นล่ะ! หลานรักของเขา ซึ่งมีนิสัยคล้ายคลึงกับเขา

เจิ้งเทียนฉีกล่าวกับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอีกว่า “แล้วโอรสสุดที่รักอย่างองค์ชายใหญ่เจิ้งซงหยวนเล่า?”

เจิ้งซงหยวนเป็นองค์ชายลำดับที่หนึ่ง ได้ครองตำแหน่งรัชทายาท ทั้งหล่อเหลาสง่างาม อุปนิสัยเยือกเย็นสุภาพอ่อนโยน เป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้และฮองเฮา เป็นองค์ชายรูปงามที่สุดในเหล่าโอรสทั้งสี่ เป็นที่สนใจและหมายปองของหญิงสาวทั่วเมือง

เจิ้งเซียวเล่อเอ่ยถึงพี่ชายด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ใหญ่ยังช่วยส่งสาวงามเพิ่มให้ข้าอีกจำนวนหนึ่งปะไร ยามนี้วังของข้ามีแต่สาวงามเต็มไปหมด”

ได้ฟังน้ำเสียงขึ้นจมูกของอีกฝ่าย อ๋องเฒ่าถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขามิได้ใส่ใจกับการมีสาวงามเต็มวังเช่นนั้น เพราะมันมิได้เป็นอุปสรรคต่อการแต่งพระชายาแต่อย่างใด

บุรุษผู้เป็นถึงราชนิกุล มีใครบ้างไม่มีสาวงามอุ่นเตียง พวกเขามีจนใช้งานไม่หวาดไม่ไหว ยังไม่นับรวมอนุชายาอีกหลายตำแหน่ง การที่เสี่ยวเล่อหลานรักจะมีสาวงามหลายสิบคนจึงไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น

เพราะเขายังไม่มีกระทั่งอนุชายาสักคนเดียว...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป