บทที่ 2 อย่าคิดว่าจะอยู่อย่างมีความสุข
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ขับรถบ้าอะไรของแกวะเนี่ย ตาบอดรึไงวะ” เจ้าหล่อนตะโกนทันที ด้วยความโมโห “คนตั้งสองคนเชียวนะโว้ย แกคิดจะฆ่ากันให้ตายเลยรึไง...”
ผู้เป็นป้ารีบเอามืออุดปากหลานสาวจนมิด ส่งสายตาดุ
“หยุดพูด เฉยๆ ทำเป็นไหม”
อาราดาตกใจจนหน้าเหวอ เธอพูดอะไรผิด ก็แค่ด่าคนทุเรศคนหนึ่งเท่านั้น
“ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น นอกจาก ค่ะ คำเดียวพอ”
รถคันนั้นเบรกดังเอี๊ยด คนขับก้าวลงจากรถสวยสีแดงสด เดินเนิบนาบมายืนนิ่งพิงท้ายรถ สอดมือกอดอกอย่างคนวางอำนาจ ปากเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างไม่เร่งรีบ ปกปิดสายตาด้วยแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นเหมือนนักกีฬา อายุไม่น่าจะเกินสิบห้า แต่หุ่นดี สูงสง่าผ่าเผยอย่างกับนายแบบ
“ใครใช้ให้มาเดินขวางถนน อยากตายรึไง”
นอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว ยังกลายเป็นความผิดของสองป้าหลานที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ อาราดาอ้าปากค้าง หัวใจเต้นเร่าๆ เนื้อตัวร้อนวูบวาบไปหมด หมอนี่แค่ด่าคงไม่สาสม ควรต้องถูกต่อยสักทีสองทีด้วย ทว่า ป้าชุลีพรของเธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดให้ระคายหู
“ขอประทานโทษด้วยค่ะคุณเล็ก ที่ดิฉันกับหลานสาวเดินไม่ระมัดระวัง”
“ป้า!!” เจ้าหล่อนหน้าหงิก หันขวับไปมองไอ้หนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณเล็กด้วยใบหน้าบึ้งตึง เจ้าเด็กบ้านั่นหันมามองหน้าเธอเฉกเช่นกัน เขาถอดแว่นตาออกอย่างเชื่องช้า แล้วจ้องมองเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“หลานเหรอ หน้าตาบ้านนอกดีนะ” เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยสายตาดูถูกและสีหน้าเยาะหยันตามถนัด “ทำไมไม่ยกกันมาทั้งตระกูลเลยล่ะ มีญาติพี่น้องอีกกี่คนก็น่าจะขนกันมาอยู่บ้านฉันกันให้หมด จะได้ไม่ต้องทำมาหากินอะไรให้เหนื่อย เกาะบ้านมหรรณพกินให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวกันไปเลย”
ชุลีพรหน้าซีดเผือดเหมือนเลือดถูกดูดออกจากร่างไปหมดสิ้น เธอก้มหน้าน้อยๆ ราวกับน้อมรับการถูกเหยียดหยาม หลานสาวหันกลับมามองหน้าป้าผู้น่าสงสารด้วยความสงสัย คำถามที่ดังลั่นในหัวของเธอก็คือ ป้ายังทนอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างไรกัน บ้านที่มีเจ้าของเป็นอสูรกาย
อาราดาประคองป้าของเธอให้ลุกขึ้นยืนและทรงตัวได้ เธอพยายามสะกดอารมณ์เดือดให้นิ่งที่สุด ขณะหันไปมองหน้ามนุษย์ที่ควรเกิดในยุคทาส ดวงตากลมสีนิลดุกร้าว เปล่งประกายราวกับสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงบนศีรษะของเด็กหนุ่ม
“ถึงจะเป็นเมียบ่าว แต่ป้าชุลีพรก็เป็นเมียคนหนึ่งของเจ้าของบ้านหลังนี้ และเธอก็มีอายุมากกว่าคุณด้วย หากไม่ให้ความเคารพในฐานะแม่เลี้ยง หรือผู้ใหญ่ ก็ควรให้ความเคารพในฐานะเมียของพ่อตัวเอง”
หมอนั่นหยุดส่ายปลายเท้าไปมา เงยหน้ามองเด็กสาวด้วยความแปลกใจ ดวงตาเบิกกว้างถลน ริมฝีปากหยักแสนร้ายกระตุกสั่น รู้สึกกรามชาลิ้นชาไปหมด
“หยุดนะยัยไอ แกรีบขอโทษคุณเล็กซะ เร็วๆ เข้า”
ความร้อนใจทำให้ป้าจับแขนหลานสาวไว้แน่น
“ไปขอโทษคนก้าวร้าวแบบนี้ทำไมล่ะป้า สงสัย...” ไม่มีใครสั่งใครสอน เธอจะพูดอย่างนั้น แต่กลับโดนสกัดเสียก่อนด้วยการถูกหยิกจนเนื้อเขียว จนหน้าตาสะสวยสมวัยนั้นบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย!!! เจ็บนะป้า ฉันผิดตรงไหนที่ปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นคน”
คุณเล็กผู้ยโสโอหังของป้าชุลีพร มองสองป้าหลานด้วยสายตาชิงชัง เขาขบกรามจนแน่น ดวงตาคู่นั้นบอกว่าเรื่องไม่จบแค่นี้แน่ เขาพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ก่อนจะขึ้นรถไป...
“อย่าคิดว่าจะอยู่ในบ้านนี้อย่างมีความสุข!”
คำประกาศเตือนในวันนั้น ยังดังก้องอยู่ในหัวของเธอจนถึงทุกวันนี้ หมอนั่นรักษาคำพูดของตนเองดีเยี่ยมและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดชนิดไม่มีการแหกกฎ
จากวันแรกที่อาราดาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะหลานของชุลีพร เธอเลื่อนขั้นเป็นทาสรับใช้ส่วนตัวของคุณชายเล็กของบ้านมหรรณพ และกลายเป็นคนที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายกาจของอสูรร้ายในคราบมนุษย์ของผู้ชายที่ชื่อวิศรุต มหรรณพ ถึงสิบปีเต็ม
สิบปีที่วิศรุตสูบความสุขของเธอไปจนหมด เธอต้องอดทนอย่างหนัก ต้องยอมให้คุณเล็กกลั่นแกล้งสารพัด ต้องยอมให้เขาดูถูกเหยียดหยามสารพัน ต้องอยู่กับสายตาชิงชังรังเกียจ และต้องอยู่กับความรู้สึกที่ทรยศต่อตนเองเรื่อยมา
ทั้งที่ควรจะเกลียด แต่เธอกลับหลงรัก สมองของเธอต้องเพี้ยนแน่ที่เอาคนอย่างเขาเข้ามาซ่อนอยู่ในหัวใจจนเต็มแน่น ลูกชายคนเล็กของบ้านนี้ไม่เคยพูดดีกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว หากไม่ถากถางก็จะดุด่า ซึ่งต่างจากพี่ชายอย่างสิ้นเชิง คุณใหญ่หรือวินิต มหรรณพ เขาเป็นสุภาพบุรุษที่ใจดีกับทุกคน
“คุณเล็ก”
อาราดาในวัยยี่สิบเจ็ด กำลังมองดูภาพหน้าปกของนิตยสารฉบับหนึ่ง ซึ่งวางรวมกับนิตยสารอื่นๆ ของร้านหนังสือในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ด้วยหน้าปกนั้นมีภาพของอดีตเจ้านายตัวแสบของเธอปรากฏหรา ข่าวพาดหัวว่าเขากับนางแบบสาวควงกัน ช็อปปิ้งที่ประเทศอังกฤษ
“คุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ ทำไมถึงยังทำตัวเกเรแบบนี้อีก” เธอมิได้สงสัยมันหรอก หากเพียงแค่บ่นไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น “ควงผู้หญิงไม่ซ้ำเลย พวกคู่หมั้นของคุณจะคิดยังไงนะ” จะเจ็บปวดเหมือนเธอหรือเปล่า ดวงตาของเธอฉายแววเศร้าบางๆ ขณะยังคงจดจ้องใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มไม่ลดละ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อความเนื้อหอมและทรงเสน่ห์คนหนึ่งของเมืองไทย ผู้ชายที่เธอไม่มีวันเอื้อมถึง ผู้ชายที่สูงเกินไปสำหรับผู้หญิงต่ำต้อยด้อยค่าอย่างเธอจริงๆ
