บทที่ 4 ห้ามเธอออกไปเสนอหน้าอีก
“บอกว่าเป็นคนใช้ คนใช้ คนใช้ หูหนวกกันรึยังไง ผู้หญิงดีๆสวยๆมีอีกตั้งเยอะแยะให้มอง อย่าไปเสียสายตามองผู้หญิงระดับล่างแบบนั้นเลยน่า”
พอเห็นเจ้าภาพสวมหน้ากากยักษ์ ทุกคนจึงหยุด เว้นก็แต่ผู้หญิงที่พูดน้อยที่สุดในคืนนี้...
“แต่เธอก็สวยจริงๆนี่คะ สวยแบบน่าทะนุถนอม ไม่ใช่สวยจอมปลอม”
อรวราแสดงความคิดเห็น ก่อนหันไปมองหน้าน้องสาวที่กำลังมองเธอแบบฉุนๆอย่างเย้ยๆ ส่วนวิศรุตหยิบขวดไวน์มาเติมแก้วว่างเปล่าของตัวเองจนเกือบล้น แล้วดื่มเหมือนคนกระหายน้ำ ฐากูรพอรู้ว่าเพื่อนเริ่มอารมณ์เน่า จึงหันมาสนใจ ด้วยการถามคำถามที่รู้อยู่แล้ว
“แล้วนายจะเดินทางเมื่อไหร่”
“อีกสองวัน ตรงกับวันเกิดของฉันพอดี”
“พร้อมกับไอ้จอมทัพเลยนี่” ชินดนัยย้ำถึงกำหนดการนั้น ก่อนพูดเรื่องของตนเอง”แต่ฉันคงเลื่อนไปอีกสักเดือน”
“ถึงจะพร้อมกันแต่ฉันไปอเมริกาโว้ย พวกเราไปอเมริกากันหมด มีแต่ไอ้เล็กที่นอกคอกไปยุโรป น่าเซ็งชะมัด แล้วแกล่ะไอ้ฐา ทำไมไม่ไปต่อนอกกับพวกฉัน”
“ไม่ล่ะ” ฐากูรวางแก้วไวน์ลง ท่วงท่าของชายหนุ่มที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มฉายชัดถึงความกังวลใจลึกๆ “ตอนนี้ที่บ้านฉันกำลังมีปัญหา ฉันต้องช่วยป๊าทำงานก่อน ฉันอยากจะฟื้นตัวบริษัทให้เร็วที่สุด”
อีกฝั่งของขอบสระ อาราดาจัดเรียงขนมแล้วเสร็จก็เดินออกจากงานเลี้ยง เธอคิดจะย้อนกลับเข้าไปในครัว เพื่อจะช่วยป้าทำอาหารที่เหลืออีกสองสามชนิด แต่เพราะเสียงเรียกจากสาวใช้คนหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลัง เธอถูกดึงมือไปพูดกันตามลำพังที่หน้าห้องน้ำ
“คุณเล็กสั่งห้าม ไม่ให้เธอออกไปที่งานอีกเด็ดขาด ให้เธอช่วยอยู่แต่ในครัวก็พอ”
หญิงสาวถึงกับเงียบกริบ รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ยังคงถูกรังเกียจเสมอ เขาคงไม่อยากจะเห็นหน้าเธอ ก็เลยออกคำสั่งมาแบบนั้น เธอจำได้ว่าเขาส่งสายตามายังไงตอนที่เธอหันไปมองเขา
“ป้าแมว ยังเหลืองานอีกเยอะไหม”
“เหลืออีกนิดเดียว แกไปนอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกไปหางานตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
“ป้าทำไหวแน่นะ”
“มีคนช่วยอีกตั้งหลายคน ไปเถอะ”
อาราดาเดินออกจากครัว กลับไปยังเรือนคนใช้ ตรงเข้าสู่ห้องนอนส่วนตัวของตนเอง ห้องนอนขนาดเล็กที่มีเพียงเบาะนอนแข็งๆและตู้เสื้อผ้าไม้เก่าๆ
“ทำไมรู้สึกปวดหัวอย่างนี้นะ”
เจ้าหล่อนเดินไปทิ้งตัวนอนหงายลงบนเบาะที่นอนมาสิบปีเต็ม ดวงตาจ้องมองเพดานนิ่งๆ หวนคิดถึงการสนทนาระหว่างเธอกับป้าเมื่อตอนเย็น
“แกคิดจะออกจากบ้านหลังนี้ใช่ไหม”ป้าถามขึ้นเมื่อรู้ว่าเธอเริ่มที่จะตระเวนสมัครงานไปทั่ว ด้วยวุฒิ ปริญญาตรีที่เธอเพิ่งจะจบมาหมาดๆ แม้ไม่ใช่เกียรตินิยม แต่ก็มีเกรดดีพอใช้
“ทำไมไม่ไปเรียนคุณผู้ชายว่าอยากทำงาน คุณท่านจะได้ฝากให้ทำที่บริษัท”
“ไม่เด็ดขาด ไอไม่อยากใช้เส้น” และตั้งใจจะไปจากบ้านหลังนี้จริงๆนะแหละ “ถ้าไอได้งานทำ ป้าจะไปอยู่กับไอไหม”
”ป้าต้องอยู่ที่นี่ คุณผู้ชายดีกับป้ามาก ป้าต้องอยู่เพื่อท่าน แต่ถ้าแกอยากจะออกไป ป้าก็ไม่ห้ามหรอกนะ แต่ถ้าในอนาคต แกมีทางไหนจะตอบแทนบุญคุณคุณท่านได้บ้าง แกก็สมควรจะทำนะ”
“ไอรู้แล้วล่ะป้า ไอนะ ไม่ใช่คนที่จะลืมข้าวแดงแกงร้อนผู้มีพระคุณง่ายๆหรอก”
เหตุผลที่เธอจะไป ป้าของเธออาจเข้าใจว่าเพราะเธอไม่อยากจะตกอยู่ในสภาพคนใช้ไปจนวันตาย แต่ถ้าป้ามองเห็นหัวใจที่ไม่รู้จักเจียมของหลานสาวคนนี้ ป้าจะรู้ว่าเธอพร้อมจะเป็นคนใช้ไปจนตลอดชีวิต เพราะมีเพียงเหตุผลเดียวที่เธอจะไปก็คือ...
“เธอรู้ไหมไอ ว่าทำไมฉันถึงไม่อยากให้เธอเข้ามาในห้องของฉันหรือทำไมฉันถึงไม่อยากเห็นหน้าเธอในบ้านของฉัน เพราะฉันไม่ชอบไง ฉันรังเกียจ ขยะแขยง ฉันกล้ำกลืน ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ และถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้เธอ ออกไปจากบ้านของฉันซะ ฉันพูดชัดไหม เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากบ้านของฉันซะที ฉันรำคาญลูกนัยน์ตาจะแย่อยู่แล้ว”
อีกสองวัน วิศรุตก็จะเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษแล้ว ซึ่งก็จะเป็นวันเดียวกับที่เธอออกจากบ้านหลังนี้ไปเช่นกัน เพราะถึงเธอจะมีเพื่อนน้อย แต่ที่พอจะพึ่งพาได้ก็มีอยู่
“ไปพักที่อพาร์ตเม้นต์ของเพื่อนก่อนก็แล้วกัน” หญิงสาวทอดถอนใจ นึกถึงสภาพของตนเองหลังจากที่ต้องออกไปใช้ชีวิตตามลำพังแล้วก็อดกลัวขึ้นมานิดๆไม่ได้ เธอนอนกลิ้งอยู่บนที่นอน ก่อนจะหันไปจ้องกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดิมที่เคยใส่เสื้อผ้าหิ้วเข้ามาในบ้านหลังนี้เมื่อสิบปีก่อน ซึ่งในไม่ช้า มันก็จะได้ทำงานอีกครั้ง
