บทที่ 5 คืนเหงา

2 ปีต่อมา.....

เคาน์เตอร์ชงเหล้าของบาร์ระดับไฮเอนด์ ตั้งอยู่ในมุมสลัว ให้บรรยากาศเป็นส่วนตัว หญิงสาวในชุดเดรสผ้าซาตินรัดรูปสีแชมเปญนั่งดื่มด่ำกับรสชาติเหล้าที่คุ้นเคย และดนตรีที่ชอบ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย

“คนสวย” หนุ่มหล่อขาวสูง ในเสื้อเชิ้ตสีขาวคอลึกเผยให้เห็นแผงอกแกร่งที่ดูเซ็กซี่ โน้มใบหน้ามาจากทางด้านหลังกระซิบเสียงแหบเบา ข้างหูของคนที่นั่งอยู่ก่อน ขณะที่มือหนายังคงประคองแก้วเหล้าทรงเหลี่ยมอยู่ในมือ

มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเล็กน้อย มือเล็กกระชับแก้วเหล้าในมือตามสัญชาตญาณ ขณะที่ลมหายใจร้อนของฝ่ายที่เข้ามาทักทายลอยมาสัมผัสต้นคอขาวของเธอ

ชายหนุ่มไม่รอให้หญิงสาวที่เขาสนใจเอ่ยปฏิเสธ ก็เดินอ้อมมานั่งข้างเธอ ก่อนจะยื่นแก้วเหล้าในมือไปกระทบกับแก้วเหล้าในมือของหญิงสาวจนเกิดเสียง “นั่งเงียบๆ คนเดียวไม่เหงาเหรอครับ”

จีน่าผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ก่อนจะยกแก้วจิบด้วยท่าทางผ่อนคลาย สายตาของเธอหลุบมองมือที่ถือแก้วของอีกฝ่าย ไล่ไปตามแขนที่ดูเซ็กซี่ไม่น้อยผสมผสานระหว่างเส้นเลือดปูดกับรอยสักลวดลายน่าสนใจ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของชายหนุ่มด้วยสายตาที่ดูคล้ายกำลังยั่วยวน และท้าทาย “คุณก็นั่งเป็นเพื่อนฉันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ยังจะเหงาอะไรอีก”

ริมฝีปากหนายกยิ้มชอบใจกับคำตอบของหญิงสาวตรงหน้า สายตาคมมองจ้องเข้ามาในดวงตาคู่สวยของหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆ ใช้สายตาสำรวจความสวยเซ็กซี่อย่างตั้งใจ ริมฝีปากแดงสด ใบหน้าสวย ผิวขาวดุจหิมะ ขาเรียวยาวบนรองเท้าส้นสูง สัดส่วนที่แสนน่ามองของเธอทำให้ฝ่ายที่กำลังมองเผลอกลืนน้ำลายลงคอ “ผมรู้สึกว่าคืนนี้ เราเหมือนจะมีเรื่องคุยกันต่ออีกยาว คุณว่าไง?”

สายตาของจีน่าก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เธอไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายใช้สายตาสำรวจเรือนร่างของเธอฝ่ายเดียว ชายหนุ่มตรงหน้าเธอคนนี้ ต้องยอมรับว่าตรงไทป์ของเธอไม่น้อยเลย

“ก็ต้องดูแล้วแหละ ว่าคืนนี้เราสองคนจะมีเรื่องคุยกันยาวแค่ไหน ฉันไม่ชอบผู้ชายพูดเยอะหรอกนะ มันต้องดูที่...” จีน่าชะงักคำพูดขณะที่สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่หน้าขาแกร่งของอีกฝ่าย ตามด้วยเอ่ยคำพูดที่ยังพูดไม่จบออกมา “การกระทำ” พร้อมกับยกมือเล็กกระชับแก้วที่อยู่ในมือของชายหนุ่ม ใช้สายตาออกคำสั่งให้อีกฝ่ายปล่อยมือจากของที่ถืออยู่ พอได้สิ่งที่ต้องการมา มุมปากเล็กก็ยกขึ้นอย่างพอใจ ก่อนจะยกเหล้ากระดกรวดเดียวจนหมดแก้วอย่างผู้ชนะ

“คุณน่าสนใจกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก” ชายหนุ่มยิ้มชอบใจ ทอดสายตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แสดงออกว่าต้องการเอาชนะ ก่อนจะยกนิ้วหัวแม่มือแตะไปที่ริมฝีปากบางของหญิงสาวคล้ายต้องการเช็ดเหล้าที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากให้เธอ “ผมอยากรู้ชื่อคุณเข้าแล้วสิ”

สายตาของทั้งคู่ผสานเข้าหากัน ก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นกระชับมือหนา ที่ไม่ยอมผละนิ้วออกจากริมฝีปากของเธอ ดันตัวจากเก้าอี้สูงให้ทรงตัวยืนขึ้น ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มเพิ่มอีกหนึ่งก้าว ยกยิ้มโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย สายตามากประสบการณ์ของจีน่า และท่าทีแสนเย้ายวนของเธอทำให้ฝ่ายที่กำลังรู้สึกคล้ายจะกลายเป็นเหยื่อของเสือสาว กลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่

“ความสัมพันธ์ของเราสองคนคืนนี้ จำเป็นต้องรู้จักชื่อที่ไหนกันละคะ คุณว่าไหม?” เจ้าของใบหน้าสวยเบี่ยงหน้าไปกระซิบน้ำเสียงเบา ก่อนที่จะใช้เรียวเล็บแตะที่ใบหูลากแผ่วเบาลงมาตามแนวสันกรามของอีกฝ่าย

มือหนาของชายหนุ่มค่อยๆ ลูบไล้มากระชับบั้นท้ายสวย เลื่อนขึ้นมาที่เอวเล็ก เหมือนจะไม่ยอมหยุดซุกซนง่ายๆ

“อุ๊ย!! ตายจริง”

มือหนาก็ชะงักค้าง เมื่อได้ยินคำอุทานของหญิงสาว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน อย่างไม่สบอารมณ์

จีน่ายืดตัวขึ้นยืนตรง ทำทียกนาฬิกาข้อมือดูเวลา พลางถอนหายใจออกมา “ทำไงดีล่ะสุดหล่อ ฉันหนีลูกที่บ้านมา เที่ยงคืนแล้วด้วยสิ น่าเสียดายจัง”

อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ยอมจบง่ายๆ จึงยกแขนคล้องเอวของเธอกระชับเข้ามาหาตัว “คนสวย...คุณจะปล่อยให้ผมค้างแบบนี้ไม่ได้นะ มาถึงขนาดนี้นึกจะไป ก็ไปเหรอ?”

จีน่าแสยะยิ้ม ยกมือบีบคางของอีกฝ่ายเชิดขึ้น “อย่างอแงไปสิคะ ต้องได้เจอกันอีกแน่ ผิดที่คุณหรือเปล่า ที่เดินมาหาฉันช้าไป” พูดจบก็ใช้มือทั้งสองข้างปลดแขนของอีกฝ่ายที่รัดเอวเธอไว้ออก “ฉันต้องไปแล้วจริง ๆ นะสุดหล่อ ไม่งั้นไอ้แก่ที่บ้านเอาฉันตายแน่” พูดจบก็คว้ากระเป๋าหมุนตัวก้าวฉับ ๆ บนรองเท้าส้นสูงเดินไปโดยไม่หันมาสนใจ อีกฝ่ายที่กำลังอารมณ์ค้างอยู่อีกเลย

“มีลูกแล้วหุ่นยังเด็ดขนาดนี้ เสียดายฉิบหาย” ชายหนุ่มสบถก่อนจะคว้าแก้วเหล้ามากระดกดื่มอย่างหัวเสียจนหมดแก้ว

“หล่อแต่วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์...ขอโทษที” พูดจบก็โยนทิชชูเปียกที่เอาออกมาเช็ดมือทั้งสองข้างทิ้งลงถังขยะ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถขับออกไป

“แกมีประโยชน์เรื่องเดียวจริง ๆ เลยนะ” จีน่าชี้นิ้วไปที่แมวตัวอ้วนที่นอนท่าทางหยิ่งยโส อยู่ที่คอนโดแมว “ดูสายตาที่แกมองฉันสิ นี่ฉันเป็นแม่ทูนหัวของแกเชียวนะ”

แง๊วว... เหมือนแมวตัวอ้วนจะรำคาญแม่ทูนหัวของมันไม่น้อยเลย ส่งเสียงร้องคล้ายกำลังเถียง ก่อนจะเบือนหน้าเมินหนีไปอีกทาง

“นี่แกเถียงฉันเหรอ? ไม่ทะเลาะกับแกแล้ว ฉันเมาจะแย่”

ทะเลาะกับเจ้า ‘คากิ’ จนพอใจ จีน่าก็หันไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ วันนี้ดื่มไปไม่น้อย จึงรู้สึกมึนหัวอยู่บ้าง

เสียงนาฬิกาปลุกดังติดต่อกันหลายครั้ง กว่าจะทำให้คนที่นอนขี้เซาอยู่บนที่นอนตื่นขึ้นมาได้ หญิงสาวดันตัวลุกขึ้นทั้งที่ดวงตายังไม่ลืม เอื้อมไปกดปิดนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงโยนไปอีกฝั่งของเตียงอย่างไม่สบอารมณ์

“พระเจ้า...ทำไมคนรวยอย่างฉันยังต้องตื่นไปทำงานอีกนะ” เธอพึมพำประโยคเดิมทุกเช้า ก่อนจะลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมไปทำงาน

รถสปอร์ตคันงามหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาจอดใต้ตึกของสำนักงาน ถึงจีน่าจะขี้เกียจขนาดไหน เพื่อจะอยู่ที่ไทยต่อ เธอต้องยอมทำตามที่รับปากพ่อและแม่ของเธอไว้

หญิงสาวก้าวเท้าเดินเข้าออฟฟิศมาอย่างมั่นใจเหมือนทุกวัน ท่าทีคล้ายเย่อหยิ่งของเธอ ทำให้พนักงานหลายคนไม่ค่อยชอบเธอสักเท่าไร เมื่อไรที่มีโอกาส พนักงานผู้หญิงที่น่ารำคาญพวกนั้นก็จะจับกลุ่ม วิจารณ์และนินทาเธออยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วยังไง เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

“เจ๊...มาแล้วเหรอครับ” รุ่นน้องในทีมโฆษณาเห็นจีน่ามาถึงที่ทำงานก็ส่งเสียงทักทาย ก่อนจะเดินไปกระซิบแจ้งข่าว “เจ๊...ตอนเจ๊ยังไม่มา เจ๊ไม่รู้หรอกว่าผมต้องได้ยินอะไรบ้าง”

จีน่าเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะวางแก้วกาแฟในมือลง “ปิดหูก็ไม่ได้ยินแล้ว นายยังไม่ชินอีกหรือไง”

“เจ๊ไม่โมโห ไม่โกรธเลยเหรอ เป็นผมนะ” รุ่นน้องคนสนิททำท่าทำทางโกรธแค้นแทนรุ่นพี่ของตน

จีน่าเห็นท่าทางของรุ่นน้องก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ทำท่าทางอะไรของนาย น่าเกลียด ให้พวกคนไม่สวยทำก็พอ นายไม่ต้องไปทำแบบพวกนั้นหรอก ฉันไม่ใส่ใจให้รกสมองอยู่แล้ว”

“ข้าน้อยขอคารวะ เจ๊จิตแข็งเกินอ่ะ”

“ทำงานไปเถอะ งานที่หัวหน้าสั่งเสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวก็โดนแหกอกทั้งคู่หรอก” จีน่าโน้มไปกระซิบขู่รุ่นน้อง ก่อนจะกดเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อส่งงานที่หัวหน้าสั่งไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน

“จีน่า มาคุยกับฉันหน่อย”

หัวหน้าเดินหน้าบึ้งตึง มาถึงก็ออกคำสั่งให้เธอเข้าไปคุยในห้องทำงานทันที

หญิงสาวได้ยินก็ถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้า ก็ถูกมือของรุ่นน้องรั้งแขนไว้

“อะไรของแก?”

“เจ๊...งานผมยังไม่เสร็จ แก้ตัวให้ด้วยนะ” รุ่นน้องยกไม้ยกมือ เชิงขอร้องให้จีน่าช่วยชีวิต

หญิงสาวจิ๊ปากมองค้อนรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะเดินก้าวเท้ายาวไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าทีม

“พี่ดาวมีอะไรจะคุยกับฉันคะ?” เอ่ยถามจบประโยคหญิงสาวก็หย่อนสะโพกนั่งลง โดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง

“ฉันไม่มีอะไรจะเรียกเธอมาทำไม” สีหน้าหัวหน้าทีมยังคงบึ้งตึงไม่เปลี่ยน น้ำเสียงแข็งแบบนี้เธอเองก็ได้ยินจนชินไปเสียแล้ว

“...” จีน่าไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรต่อ ได้แต่เงียบรอฟังสิ่งที่หัวหน้าจะบอก ไม่สิ คงต้องใช้คำว่า สิ่งที่หัวหน้าจอมประสาทจะสั่งการ

หัวหน้าทีมมองหน้าของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ฉันจะให้เธอรับผิดชอบโปรเจกต์โฆษณาเกมตัวใหม่ของบริษัทเรา เธอน่าจะรู้ข้อมูลมาบ้างแล้ว”

พอได้ยินคำพูดของหัวหน้าทีม คิ้วเรียวของหญิงสาวก็ขมวดขึ้นโดยอัตโนมัติ “ไหนทีมบี เสนอตัวรับผิดชอบไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”

“ทีมบีลาออกไปสองคน ก็เลยโยนโปรเจกต์มาให้ทีมเรานี่ไงล่ะ พูดแล้วฉันละโมโห”

“แต่เกมจะเปิดตัวอีกแค่สองเดือนไม่ใช่เหรอคะ?”

“อืม”

“พี่จะให้เวลาฉันเท่าไร ไม่ใช่งานง่ายๆ เลยนะ พี่ไม่ให้ยัยพลอยคนเก่งของพี่รับผิดชอบไปละคะ”

“ฉันเรียกเธอมาให้คิดแทนฉันหรือไง พลอยเขารับอีกโปรเจกต์นึงอยู่”

จีน่าได้ยินก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ฉันขอเวลาเดือนครึ่ง”

“เดือนเดียว เจ้านายกำหนดวันบินกลับมาฟังพรีเซนต์ด้วยตัวเอง”

จีน่าได้ยินเส้นตายที่หัวหน้าของเธอบอก ถึงกลับกลอกตาแสยะยิ้มออกมา “นี่พี่กำลังคิดจะบีบฉันทางอ้อมหรือเปล่า งานสำคัญขนาดนี้พี่กับโยนมาให้ฉัน”

“เธอก็คิดเยอะ ฉันคิดว่าเธอทำได้ พลอยก็คิดว่าเธอทำได้ เลยเสนอชื่อเธอมาให้ฉันเลยนะ”

“พลอย!?” พอได้ยินที่หัวหน้าเอ่ย จีน่าถึงกลับย้ำถามชื่อคนที่เสนอชื่อเธอกับหัวหน้าอีกครั้ง

“ก็ใช่นะสิ เธอมองคนในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า อาทิตย์หน้าก็ส่งข้อมูลแนวคิดมาให้ฉันดูก่อน ไปทำงานได้แล้ว ฉันยังมีงานต้องเคลียร์อีก”

‘อาทิตย์หน้า!’ เธอย้ำคำสั่งของหัวหน้าในใจ ก่อนจะกัดฟันกำมือเก็บกั้นอารมณ์ “ค่ะ” หญิงสาวฉีกยิ้มปลอมๆ ให้หัวหน้าทีมก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกมา ความรู้สึกของเธอตอนนี้ มีสิ่งที่อยากทำเพียงอย่างเดียวคือกรี๊ดใส่หน้าหัวหน้าของเธอ แต่ก็ทำได้แค่หายใจเข้าออกช้า ๆ และอดทนไว้

“เจ๊...ทำไมเงียบแบบนี้ เจ๊โดนหัวหน้าเทศน์จนเอ๋อไปแล้วเหรอ”

“แกสิเอ๋อ” จีน่าตวัดสายตาไปค้อนใส่รุ่นน้องคนสนิท

“แล้วตกลง เจ๊โดนเรื่องอะไร?”

“แกไม่ต้องห่วงไปหรอก เรื่องนี้ฉันจะลากแกมาตายกับฉันด้วย”

พอได้ยินหนุ่มรุ่นน้องก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที “เจ๊...ผมไม่เอาด้วยได้ไหม”

“แกมีสิทธิ์เลือกเหรอตาว” จีน่าตบบ่ารุ่นน้องส่งสายตาว่า ‘แกคือผู้ร่วมชะตากรรมของฉัน’

“แล้วตกลง ผมต้องทำอะไรอ่ะเจ๊ เริ่มกลัวแล้วนะ”

จีน่าถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ยัยขี้เหร่ไปเป่าหูหัวหน้า ให้เรารับผิดชอบโปรเจกต์โฆษณาเกมตัวใหม่ ที่จะเปิดตัวอีกสองเดือน”

“ฮะ!!!”

“ไม่ต้องฮะ!! มีที่แกจะต้องฮะกว่านี้อีก ท่านประธานจะมาฟังพรีเซนต์ด้วย”

“ฮะ!!! ท่านประธาน ผมลาออกก่อนเลยทันไหม”

“แกฟังให้จบก่อน ค่อยทิ้งตัว”

“ฮะ!! ยังมีอีกเหรอเจ๊”

“เรามีเวลาแค่เดือนเดียว แกได้ยินชัดไหม?” จีน่าตบบ่ารุ่นน้อง สายตาของเธออ่านได้ว่า ‘เราตายคู่แน่นอน’

“ผมได้ยินว่า เจ้านายเนี้ยบมากเลยนะ เลขาออกไป 4 คนแล้ว”

พอได้ยินเรื่องที่รุ่นน้องพูด จีน่าก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ฉันทำงานที่นี่มาเกือบสองปี หน้าท่านประธานยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง รูปถ่ายก็ไม่มี ประชุมทางไกลทีได้ยินแต่เสียง เห็นแต่หน้าอกกับเนคไท อยู่ต่างประเทศมาตั้งนานนึกครึ้มอะไรถึงกลับมา”

“เห็นเขาพูดกันว่า ท่านประธานรักสันโดษด้วยนะเจ๊ ถ้าเขากลับมาอยู่ไทยถาวร จะอึดอัดขนาดไหน เราตายแน่”

“อย่ากลัวไปก่อน อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

“เจ๊ยังจิตแข็งเหมือนเดิม” รุ่นน้องคนสนิทหันไปทำหน้าเลื่อมใส พร้อมยกนิ้วให้

“หึหึ ฉันแค่ปลอบใจตัวเองอยู่” จีน่าหันมายิ้มแหยๆ ให้รุ่นน้อง

“ผมเพิ่งเห็นเจ๊กลัวอะไรก็วันนี้ ปกติเจ๊พร้อมบวก ไม่แคร์อะไรเลยนะ ผมไปเขียนใบลาออกเลยดีไหม”

จีน่าหัวเราะเหอะๆ คิดในใจ ‘ท่านประธานก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก สิ่งที่ฉันกลัวจริง ๆ คือไม่มีเงินใช้ โดนตัดบัตรเครดิต และยึดรถ สุดท้ายต้องกลับไปอยู่ที่อังกฤษต่างหาก’

บทก่อนหน้า
บทถัดไป