บทที่ 6 เพื่อนเก่า
ค่ำคืนกลางฤดูฝน สายฟ้าแลบผ่านเมฆดำทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างวาบเสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องสลับหนักเบาเป็นระยะ
คืนนี้นักธุรกิจในแวดวงอีสปอร์ตมากหน้าหลายตา ถูกเชิงมาร่วมงานวันเกิดผู้เป็นบิดาของประธานบริษัทเกมชื่อดังอย่าง ‘GJB GROUP’ ซึ่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาว
รถยนต์วีไอพีคันหรู เข้ามาจอดเทียบหน้าโรงแรมระดับห้าดาว ก่อนที่ประตูอัตโนมัติของรถยนต์จะค่อยๆ เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาว ใบหน้าคมในชุดสูทสีดำ ก้าวลงจากรถ มาพร้อมกับที่ปรึกษาคนสนิทที่บ่นมาตลอดทาง
“พูดมาก ถ้าไม่อยากทำแล้วก็เดินไปขอซองขาวที่ฝ่ายบุคคล”
‘ภูริช ไกรอัครวรกุล’ ชายหนุ่มรูปหล่อ อายุ 30 ปี ทายาทบริษัทอสังหาฯ ในประเทศ และต่างประเทศ ดีกรีประธานบริษัทอีสปอร์ต และเกมชื่อดังที่กำลังเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง อยาก ‘PBG Group’ ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของ บริษัทที่ส่งการ์ดเชิญให้มาร่วมงานในวันนี้ อย่าง ‘GJB GROUP’ เมื่อฝ่ายคู่แข่งกล้าที่จะเชิญ เขาก็กล้าที่จะมา ทั้งที่เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อวันก่อน
“กูก็แค่พูดเล่น”
‘อติรุจ’ เพื่อนสนิท และที่ปรึกษาด้านการวางแผนข้างกายของภูริชเขาทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก และไปเรียนต่างประเทศด้วยกันจึงสนิทกันมาก
“ว่าแต่...ทำไมเราสองคนต้องเดินมาเข้าถ้ำศัตรูด้วยวะ?”
ชายหนุ่มใบหน้าคม ก้าวเดินเข้าลิฟต์ตามพนักงานต้อนรับไปอย่างมั่นใจ ขณะที่หูก็ได้ยินคำถามของเพื่อนสนิทอย่างชัดเจน
“กล้าเชิญ ก็กล้ามา” น้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์ถูกเปล่งออกมา ขณะที่สีหน้าของภูริชยังคงนิ่งขรึมไม่มีท่าทีประหม่าแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย
“หึ...ไอ้นั่นมันคงไม่หาเรื่อง ฉีกหน้ามึงอีกนะ ไอ้ภู”
“มีนักดื่มอย่างที่ปรึกษาคนเก่งอยู่จะต้องกลัวอะไร” ภูริชเอ่ยแดกดันเพื่อนสนิท ก่อนจะยกมือตบบ่าอติรุจ แล้วเดินนำออกจากลิฟต์ไป
อติรุจกลอกตาเค้นหัวเราะกับคำพูดของเพื่อนสนิท ก่อนจะบ่นพึมพำเดินตามไปติดๆ “ก็ไม่ต้องห่วง เพราะมึงหิ้วกูมาแดกเหล้าแทนไงครับ”
ทันทีที่ภูริช และอติรุจ เดินเข้าไปในงาน เสียงกดชัตเตอร์ และแสงแฟลชก็สาดเข้ามาหาพวกเขา นักข่าวธุรกิจหลายสำนักต้องการมาเห็นหน้า ประธานบริษัทเกมชื่อดังที่แสนจะเก็บตัว เมื่อรู้ว่าประธานหนุ่มมาถึงงาน ก็พากันกรูเข้าไปถ่ายรูป จนคนที่อยู่ในงานมองกันเป็นตาเดียว
เจ้าของงานที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจเห็น ก็มีสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะปั้นหน้ายิ้ม เดินออกมาต้อนรับต่อหน้านักข่าว เพื่อกลบข่าวลือที่ออกมาว่า ‘ประธานสองบริษัทที่เป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อนไม่ถูกกัน’
“มาแล้วเหรอ ไม่ได้เจอกันนาน”
‘ธาวิน โชติพาณิชย์’ ประธานบริษัทเกมชื่อดังอย่าง ‘GJB GROUP’ เดินเข้ามาทักทาย ภูริชต่อหน้าสื่อหลายสำนักด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม ท่าทีของเขาแสดงออกว่ารู้จัก และสนิทสนมกับฝ่ายที่กำลังถูกนักข่าวให้ความสนใจอยู่ตอนนี้เป็นอย่างดี
ภูริชหลุบสายตามองไปที่มือของอีกฝ่ายซึ่งกำลังยื่นค้างอยู่ตรงหน้าเขา ทว่าว่าชายหนุ่มกับไม่ได้ยื่นมือไปจับตอบ เขาเพียงพยักหน้ารับเล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีนะ” เพื่อรักษาสถานการณ์ อติรุจที่รู้จักกับธาวินเช่นกัน จึงเดินขึ้นหน้าไปจับมือทักทายแทน ภูริชที่ยังคงมีท่าทีถือตัว และไม่สนใจใคร
ธาวินพยักหน้าให้อติรุจ “ไม่ได้เจอกันนาน นึกว่าจะไปไกลกว่านี้ ถ้าอยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม มาที่บริษัทผมได้นะ เพื่อนกันค่าตอบแทนไม่ต้องพูดถึงสมน้ำสมเนื้อแน่นอน”
ภูริชอดยิ้มมุมปากให้กับคำพูดเมื่อครู่ของเพื่อนเก่าไม่ได้ ก่อนจะจ้องมองไปที่อีกฝ่ายนิ่ง แล้วเดินเบี่ยงเข้างานไปอีกทาง โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
“เงินไม่สำคัญหรอก ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ” อติรุจยกมือตบไปที่ไหล่ของธาวิน ก่อนจะก้าวเดินตามภูริชไป
ใบหน้าของธาวินไม่หลงเหลือรอยยิ้มอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเกลียดท่าทียโสถือดีแบบนี้ของภูริชมาตลอด ถึงจะไม่ได้เจอกันนาน ทว่านิสัย และท่าทีของเพื่อนเก่าอย่างภูริชก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
“ถือดีไปเถอะ...เดี๋ยววันนี้ก็รู้” ธาวินพึมพำออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในงาน
ด้านจีน่า ตอนนี้เธอขับรถมาจอดใต้คอนโดของเพื่อนสนิทอย่างเกวลินแล้ว เนื่องจากนัดดื่มเหล้ากับจินเจินน้องเล็กในกลุ่มไว้ จึงเอาเจ้า ‘คากิ’ แมวตัวอ้วนมาไว้กับเจ้าของเก่าอย่างเกวลิน ถึงเกวลินจะดีขึ้นมากแล้ว แต่เธอกับตัดใจคืนเจ้าแมวอ้วนให้เจ้าของเก่าไม่ลง เลี้ยงแทนมาหลายปี จึงรู้สึกผูกพัน ทั้งคู่จึงตกลงกันว่า จะช่วยกันดูแลเจ้าแมวอ้วน โดยส่วนใหญ่ ‘คากิ’ จะอยู่กับจีน่า นอกจากวันไหนเกลคิดถึงมัน หรือจีน่ามีธุระไม่ได้กลับห้องหลายวัน เธอจะเอาเจ้าแมวอ้วนมาส่งให้เกวลินดูแล อย่างเช่นวันนี้
“เอาตัวกบฏมาส่งจ้า…”
จีน่าเปิดประตูห้องของเกวลินยังไม่ทันได้เดินเข้ามา ก็ส่งเสียงมาก่อนตัวเหมือนทุกครั้ง
“อุ๊ย!! พี่สิงห์!!” ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าเธอชาใบหลายส่วนด้วยความอาย เพราะไม่คิดว่าแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิทจะอยู่ด้วย
“ดูทำหน้าเข้า” เกวลินยิ้มขำให้กับท่าทีของเพื่อนสนิทที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งอยู่
“แกไม่บอกฉันก่อนล่ะ ว่าพี่สิงห์มาหา” จีน่าบ่นพึมพำ ก่อนจะวางกระเป๋าแมวลงพื้นและอุ้มเจ้าแมวอ้วนออกมาจากกระเป๋า
แง๊วว... พอถูกปล่อยลงพื้นเจ้าแมวอ้วนก็ส่งเสียงร้อง เดินเยื้องย่างไปกระโดดขึ้นตักของสิงห์ทันที โดยไม่สนใจแม่ทูนหัวอย่างจีน่าเลยแม้แต่น้อย
“เกลแกดูมันนะ ฉันหมดประโยชน์แล้ว เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ”
จีน่าชี้ไปที่เจ้าแมวอ้วน ที่ตอนนี้กำลังคลอเคลียให้แฟนของเพื่อนสนิทเกาคาง
เกวลินได้แต่หัวเราะ ยืนมองจีน่า ทะเลาะกับเจ้าคากิ “กินอะไรก่อนสิ จะไปแล้วเหรอ?”
“ไม่กินหรอก นัดยัยจินเจินไว้ จะไปปลดปล่อยสักหน่อย”
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เจออะไรมาอีก?” เกวลินเอ่ยถาม
จีน่าถอนหลายใจออกมาอีกครั้ง “ฉันเบื่อกับพวกท็อกซิกในบริษัทเต็มทน เกิดมาเป็นคนตั้งหน้าตั้งตานินทาคนอื่นอย่างเดียว ล่าสุดไปเป่าหูหัวหน้า โยนงานยากมาให้ฉัน เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว นี่ส่งงานไปให้หัวหน้าตรวจแล้ว ไม่รู้ว่าต้องแก้อะไรอีก อีกไม่ถึงอาทิตย์ ประธานบริษัทฉันจะมาฟังพรีเซนต์ด้วยตัวเอง”
“ออกมาอยู่บริษัทพี่สิงห์ไหมล่ะ?”
“เห้อ...พูดน่ะง่าย บริษัทนี้พ่อฉันฝากกับเพื่อนเขาให้ ถ้าฉันลาออก ตาแก่ที่บ้านฉันหัวเราะเยาะฉันแน่ แถมยังจะหาข้ออ้างมาบีบให้ฉันกลับไปช่วยงานที่อังกฤษด้วย ไม่มีทางหรอก”
พอได้ยินที่จีน่าเอ่ย เกวลินก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะพยักหน้าถี่ๆ “ฉันละยอมใจแกจริง ๆ เหนื่อยไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้”
แสงหน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น บ่นหน้าจอโชว์ชื่อของ ‘จินเจิน’ “ฉันไม่อยู่เป็นก้างพวกแกแล้ว ลูกใคร ใครก็เลี้ยงกันเอาแล้วกัน ฉันออกไปสนุกดีกว่า” พูดจบก็ลุกขึ้นกดรับสายแล้วเดินออกจากคอนโดของเกวลินไปทันที
ด้านภูริชดูเหมือนจะกำลังเจอสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เพราะตอนนี้คนในโต๊ะอาหารที่แต่ละคนเริ่มมีอาการมึนเมา กำลังส่งเสียงเชียร์ให้เขาดื่มไวน์ตามคำยั่วยุของธาวิน
“ช่วงนี้เจ้านายผมรักษาสุขภาพ ผมขอดื่มให้กับทุกคนแทนแล้วกันครับ” อติรุจยืนขึ้นเอ่ยกับทุกคน พลางยกแก้วไวน์ในมือชู ทว่ายังไม่ทันได้ยกแก้วเข้าปาก ก็ถูกมือหนาของธาวินกระชับแขนไว้แน่น
“อะไรกัน ก็แค่ไวน์แก้วเดียว คงไม่ทำให้เสียสุขภาพขนาดนั้น จะให้นายดื่มแทนทุกครั้งได้ยังไง” ธาวินยังคงจับแขนของอติรุจกระชับแน่น ทว่าสายตากับจ้องมองไปที่ภูริช
ภูริชรู้ดีว่าเพื่อนเก่าอย่างธาวินอยากเห็นอะไร หลังจากเขาดื่มไวน์ที่อยู่ตรงหน้า สายตาของทั้งคู่สบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ภูริชยังคงมีท่าทีนิ่งขรึมถือตัวเหมือนเดิม สายตาของธาวินก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ยั่วยุ เสียงของคนในโต๊ะอาหารก็ยังส่งเสียงเชียร์ให้ภูริชดื่มอย่างไม่ลดละ เพราะทุกคนรู้ว่า ทุกครั้งที่ประธานหนุ่มไฟแรงออกงานสังคมจะไม่เคยแตะต้องแอลกอฮอล์ หรือของมึนเมาเลยสักครั้ง พวกเขาก็อยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่
มุมปากของภูริชยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่มือหนาของเขาจะยกขึ้นมาประคองแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้า “ในเมื่อทุกคนอยากให้ผมดื่ม ก็คงต้องยอมแหกกฎสุขภาพตัวเองสักวันแล้วครับ”
อติรุจมองแก้วไวน์ที่อยู่ในมือภูริช พลางใช้สายตาเตือนว่า ‘อย่าดื่ม’ ทว่าภูริชมองไปที่อติรุจ พร้อมกับส่งสายตาที่อ่านได้ว่า ‘เขาเอาอยู่ไม่ต้องห่วง’ ก่อนจะถอนสายตามองไปทางธาวิน ยกแก้วทำท่าทางเชื้อเชิญ แล้วกระดกไวน์ในแก้วรวดเดียวจนหมด
พอแขกบนโต๊ะอาหารเห็นว่าภูริชดื่มแอลกอฮอล์ลงไปแล้วยังคงมีท่าทีนิ่งขรึมไม่ต่างจากเดิมก็รู้สึกหมดสนุก เพราะก่อนหน้านี้ธาวินบอกกับพวกเขาไว้ว่ารู้จุดอ่อนของภูริช และเขาจะฉีกหน้ากากของประธานบริษัทคู่แข่งอย่างภูริชต่อหน้าทุกคนวันนี้
ธาวินยังไม่ยอมแพ้ เขาไม่เชื่อว่าภูริชจะหายจากอาการแพ้แอลกอฮอล์ เพราะเมื่อก่อนตอนเรียนมหาลัยเขาเคยแกล้งภูริช เอาเหล้าผสมกับน้ำอัดลมให้รุ่นน้องเอาไปให้ภูริชดื่ม แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรงจนต้องพาตัวส่งโรงพยาบาล เขายกมือสั่งพนักงานให้เอาไวน์มาให้ภูริชอีกแก้ว
ภูริชมองแก้วไวน์ตรงหน้า ก่อนจะทอดสายตาเยือกเย็นมองไปที่ธาวิน สายตาของเขาอ่านได้ว่า ‘สิ่งที่นายอยากเห็นวันนี้ ไม่มีทางจะได้เห็นแน่’ เขาก็ยกแก้วไวน์กระดกไปอีกหนึ่งแก้ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนเอ่ยกับแขกบนโต๊ะอาหารด้วยท่าทางปกติ “ผมมีนัดประชุมกับบริษัทในเครือที่ต่างประเทศ เสียมารยาทกับทุกคนแล้วครับ แต่ต้องขอตัวก่อน มีอะไรคุยกับที่ปรึกษาผมได้เลยครับ” พูดจบก็หันหลังเดินออกจากโต๊ะอาหารไปทันที
ธาวินมองตามหลังเพื่อนเก่าไปจนสุดสายตาอย่างไม่สบอารมณ์ ที่ฉีกหน้าภูริชไม่สำเร็จ



















































