บทที่ 2 บทที่ 1 อดีตที่เจ็บปวด

ในค่ำคืนที่พายุกำลังโหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง เม็ดฝนตกลงมาสู่พื้นดินไม่ขาดสาย รถตู้คันใหญ่หรูหราสีขาวราคาหลายล้านบาทกำลังขับเคลื่อนไปตามถนนเพื่อมุ่งตรงกลับไปยังคฤหาสน์หรูชานเมืองที่รอบๆ รายล้อมไปด้วยป่าไม้แสนสงบร่มรื่นของ ตระกูลวงศ์วรโชติ

สองสามีภรรยาชอบธรรมชาติและความสงบ จึงไม่คิดที่จะสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่ในเมืองกรุงที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พวกเขาอยากให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาได้อยู่ท่ามกลางความสงบสุข

นายแพทย์พงศ์กฤต วงศ์วรโชติ (กฤต)  เจ้าของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ที่เติบโตมาจากโรงพยาบาลขนาดเล็ก จนปัจจุบันกลายมาเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าถึงหมื่นล้านบาทด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

ดร.กุลภรณ์ วงศ์วรโชติ หรือ กุล ภรรยาคนสวยสวมชุดเดรสสีขาวสะอาดตาเหมือนดั่งนางฟ้านางสวรรค์กำลังเอนกายพิงกับเบาะรถโอบกอดร่างเล็กของเด็กน้อยวัยหกขวบที่กำลังหลับไหลเพราะความเหนื่อยล้า เนื่องจากสาวน้อยเอาแต่วิ่งเล่นซนกับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันในปาร์ตี้งานวันเกิดอายุครบหกขวบที่บิดาและมารดาของเธอจัดขึ้นภายในโรงแรมสุดหรูตั้งแต่ช่วงเย็นจวบจนห้าทุ่มอย่างสนุกสนานและมีความสุข

เสียงฝนยังคงโปรยปรายลงมาต่อเนื่องไม่มาท่าทีว่าจะหยุด ถนนหนทางตอนนี้ก็เริ่มมองเห็นไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไหร่ พงศ์กฤตคอยสอดส่องมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลา

“เข้ม ค่อยๆ ขับไปนะไม่ต้องรีบ ฝนตกหนักถนนหนทางมันมองไม่ค่อยเห็น” พงศ์กฤตเอ่ยกับคนขับรถที่สวมชุดสีดำด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความวิตกกังวล

“ครับนาย” คนขับรถตอบกลับเสียงเข้มพลางชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงกว่าเดิมตามคำสั่งของเจ้านาย

“เมื่อยไหมที่รัก ลูกสาวเราเริ่มตัวโตขึ้นทุกวันๆ แล้วนะเนี่ย” พงศ์กฤตเอ่ยถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยพร้อมกับยื่นมือสากไปลูบหัวลูกสาวที่พวกเขารักและหวงแหนสุดหัวใจ

“ไม่เลยค่ะ” เสียงหวานของกุลภรณ์ตอบกลับสามี

สาวน้อยตัวเล็กเมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่พูดคุยกัน เธอจึงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ เด็กน้อยมองหน้าแม่ของเธอก่อนจะหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าเธอยังอยู่บนรถตู้คันหรูเหมือนเดิม

“คุณแม่คะ” เสียงเด็กสาวเอ่ยเรียกมารดา

“ตื่นแล้วเหรอลูก” กุลภรณ์มองลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนที่กำลังมองหน้าเธออยู่เช่นกัน

“ค่ะหนูตื่นแล้ว”

“นอนต่อเถอะลูกรัก เดี๋ยวถึงบ้านแล้วพ่อจะปลุกนะ” พงศ์กฤตลูบหัวเด็กสาวเบาๆ ทำให้เธอหันหลังไปมองหน้าพ่อด้วยใบหน้าที่งัวเงีย

เด็กน้อยไม่ได้ตอบกลับบิดาแต่เธอค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่ง มือจิ๋วยกขึ้นมาขยี้ตาไปมาพร้อมกับมองไปข้างหน้าที่มีสายฝนกำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านนอกของรถ

ซ่า ซ่า ซ่า

“ไม่นอนต่อเหรอลูก” บิดาเอ่ยถาม

“ไม่นอนแล้วค่ะคุณพ่อ”

“คุณพ่อคุณแม่คะ หนูรักคุณพ่อคุณแม่ที่สุดในโลกเลยนะคะ” เด็กสาวเอื้อมมือเล็กๆ ไปจับมือของบิดาและมารดาเอาไว้

“ปากหวานจังเลยลูกสาวพ่อ..พ่อก็รักลูกนะนางฟ้าตัวน้อยของพ่อ”

“แม่ก็รักลูกเหมือนกันนะจ๊ะ”

บรรยากาศภายในรถตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่นระหว่างพ่อแม่ลูก พงศ์กฤตรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีภรรยาและครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้

เม็ดฝนยังคงกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ คนขับรถมองไปที่กระจกมองหลังพลางอมยิ้มกับภาพครอบครัวของเจ้านายที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมี

รถตู้ราคาหลายล้านขับเคลื่อนมาช้าๆ จนถึงทางโค้ง คนขับรถชะลอความเร็วลงอีกเล็กน้อยเพราะถนนมันค่อนข้างลื่น แต่ทว่าในจังหวะนั้นเองก็มีรถเก๋งคันสีดำเงาขับสวนมาด้วยความเร็วแรงพร้อมกับเปิดไฟสูงสว่างใส่รถตู้ของพวกเขาจนคนขับรถโดนไฟส่องสว่างใส่ดวงตา ทำให้มองไม่เห็นถนนข้างหน้าไปชั่วขณะ

ปี๊ดด! ปี๊ดด!

คนขับรถบีบแตรใส่รถเก๋งสีดำเงาเสียงดังลั่น สามคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังตกใจจึงมองไปที่หน้ารถทันที

“มีอะไรเข้ม!”

ชายหนุ่มชุดดำยังไม่ทันได้ตอบคำถามของเจ้านาย รถเก๋งสีดำเงาก็ส่องไฟสว่างจ้ามาใส่ดวงตาของทั้งสี่ชีวิตบนรถตู้ จากนั้นรถเก๋งก็พุ่งเข้ามาชนรถตู้เข้าอย่างจังด้วยความเร็วแรงเกินที่กฎหมายกำหนด

“เฮ้ยย!!”

“กรี๊ดดด!”

“กุล! มุก!”

“กรี๊ดดด!”

เสียงร้องของทั้งสี่ชีวิตดังขึ้นมาพร้อมเพรียงกันด้วยความตื่นตกใจสุดขีดที่อยู่ดีๆ รถคันนั้นก็พุ่งมาชนพวกเขาอย่างจัง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงของรถที่กระแทกใส่กันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เอี๊ยดดด!! ตู้มมมม!! เพล้งงง!!

“กรี๊ดดดดดด”

พราวมุกสะดุ้งตื่นดีดเด้งลืมตาขึ้นมาช่วงเช้าตรู่ของวันเพราะฝันร้ายถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุในวัยเยาว์ที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล ร่างบางในชุดนอนแขนยาวขายาวสีขาวผ้าซาตินบางเบานั่งหอบหายใจแรงอยู่บนเตียงกว้างกลางห้องนอนโทนสีขาวครีมสะอาดตา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของคนแก่ชราเอ่ยขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงร้องกรีดอยู่ในห้องของหญิงสาว

“คุณหนูคะ..เป็นอะไรหรือเปล่าคะ คุณหนู”

“แฮ่กๆ ปะ..เปล่าค่ะ” พราวมุกน้ำเสียงสั่นเทายกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลรินอยู่ออกไปอย่างลวกๆ

“ป้าขอเข้าไปหน่อยนะคะ”

จันทรัศม์ หรือ ป้าจันทร์ สาวใช้แก่ชราที่ดูแลพราวมุกมาตั้งแต่เด็กๆ เอ่ย

“ค่ะ”

สิ้นเสียงของพราวมุก ป้าจันทร์ก็แง้มเปิดประตูเข้ามาช้าๆ สาวแก่ในชุดแม่บ้านสีดำก้าวเดินตรงมาหาร่างบางที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่บนเตียง

“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอคะคุณหนูของป้า”

พราวมุกมองหน้าสาวใช้แล้วพยักหน้าให้เธอ ป้าจันทร์เดินมานั่งย่อตัวลงบนเตียงข้างพราวมุก มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปกอบกุมมือเรียวเล็กเอาไว้แน่น เพราะป้าจันทร์เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคารพรักมาก หญิงสาวจึงไม่ได้ถือตัวกับสาวแก่มากนัก

“ไปหาหมอไหมคะคุณหนู”

“ถ้าอีกสองสามวันมุกยังฝันอยู่เดี๋ยวมุกค่อยไปพบคุณอาค่ะ”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอนอนสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เธอเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นจนทำให้เธอสูญเสียทุกคนที่เธอรักไป ภาพอุบัติเหตุในครั้งนั้นยังคงตามหลอกหลอนฉายวนอยู่ซ้ำๆ ในหัวของเธอจึงมันจะเลือนรางไปบ้างก็เถอะ เธอก็ไม่ได้มีอาการแบบนี้ตลอดมักจะมาเป็นช่วงๆ และหายไปสักพัก พออาการฝันร้ายของเธอกลับมาอีกเธอก็จะรีบไปพบอาหมอทันที

“คุณหนูรีบไปอาบน้ำเถอะนะคะ เดี๋ยวไปเรียนสาย ป้าจะรีบลงไปทำข้าวต้มให้กินค่ะ”

“ค่ะ”

สาวแก่ส่งยิ้มอบอุ่นให้พราวมุกหนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนของหญิงสาวอย่างช้าๆ พราวมุกถอนหายใจออกยาวตั้งสติอยู่ชั่วครู่ จากนั้นร่างอวบอิ่มในวัยเจริญพันธุ์ก็รีบลงจากเตียงแล้วตรงไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป