บทที่ 1 คำสั่ง

“พี่ส้มหนูนิดล่ะ”

ชัชนนท์เมื่อถึงบ้านก็รีบเดินมาที่ห้องนอนของหนูนิดทันที

“ส้มให้กินยาหลับแล้วค่ะ”

ความจริงแล้วหนูนิดเพิ่งกินยาไปได้ไม่นานยังไม่น่าจะหลับ แต่ส้มคิดว่าเธอคงไม่พร้อมจะเจอชัชในเวลานี้

“หนูนิดไม่สบายเลยเหรอครับ”

ชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนสีหน้า และน้ำเสียง เพราะลึกๆแล้วเขาก็รู้สึกผิด ที่ปล่อยให้หนูนิดตัวเปียกกลับบ้านเองแบบนั้น

“ก็มีจาม แต่พี่เห็นว่าตัวเปียกฝนมาแบบนั้น กินยากันไว้ก่อนดีกว่า คุณชัชไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

“เอ่อ.. คุณชัชคะ ”

ส้มคิดขึ้นได้ ว่าคุณปู่มีอาการปวดท้องเมื่อกลางวัน แล้วคุณหมอแนะนำให้ไปโรงพยาบาล

“คุณท่านเป็นบ่อยมากเลยนะคะ ช่วงนี้ ถ้าคุณชัชพอมีเวลา น่าจะพาท่านไปหาคุณหมอหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นไปพรุ่งนี้เลยครับ ปล่อยไว้นานจะไม่ดี”

ชายหนุ่มเลือกที่จะลางาน พาผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิตเขาไปหาหมอ

“ปู่ไม่ได้เป็นอะไรมาก มันก็แค่อาการของคนแก่ ปู่เจ็ดสิบจะแปดสิบแล้วนะ จะให้มาแข็งแรงเหมือนหนุ่มๆสาวได้ยังไง”

ทุกครั้งกับการพาคุณปู่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เป็นเรื่องที่อาจารย์ชัชนนท์ปวดหัวที่สุด เพราะท่านไม่ชอบการไปโรงพยาบาลเอาเสียมากๆ

“ออกจากบ้านบ้างเถอะครับคุณปู่ ถือโอกาสว่าได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศกัน”

ชัชนนท์พยายามหาเหตุผลให้คุณปู่อารมณ์ดีขึ้น เพราะเขาเองก็ไม่อยากฟังท่านบ่นตลอดทาง

“แล้วหนูนิดล่ะ” คุณปู่ถามเพราะคิดว่าหนูนิดจะไปด้วย

“หนูนิดเป็นไข้ค่ะ ส้มให้กินยาหลับไปแล้ว เดี๋ยววันนี้ส้มไปกับคุณท่านแทนค่ะ” ส้มอธิบาย

“เอ้าหนูนิดทำไมเป็นไข้ได้ล่ะ เมื่อวานฝนตก ไปเปียกฝนได้ยังไง” คุณปู่เริ่มเป็นห่วง

“ไม่ได้เปียกหรอกค่ะ แค่โดนละออง หนูนิดก็ป่วยแล้ว คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ไข้เริ่มลดแล้ว”

ส้มพยายาพูดให้คุณท่านสบายใจ เพราะกลัวว่าความเป็นห่วง จะทำให้การไปโรงพยาบาลครั้งนี้ไม่สำเร็จ

“งั้นรีบไปรีบกลับ ขากลับแวะซื้อยาให้หนูนิดด้วย”

เมื่อถึงโรงพยาบาล คุณหมอประจำตัว ได้เตรียมขั้นตอนการดูแลรักษาคุณปู่ไว้แล้ว แต่ถึงแม้จะมีคุณหมอคอยอำนวยความสะดวกให้ ก็ยังใช้เวลาเกือบครึ่งวัน

“เดี๋ยวผลตรวจออกเมื่อไหร่ คุณหมอจะแจ้งไปนะครับ”

เสร็จสิ้นจากธุระ ที่โรงพยาบาล คุณปู่ก็รีบให้ส้มวิ่งลงไปร้านขายยาเพื่อซื้อยาให้หลานสาวที่นอนป่วยอยู่บ้าน

“ตาชัช ไปดูน้องบ้างหรือยังว่าเป็นยังไงบ้าง” คุณปู่หันมาถาม

“เอ้อ...ยังเลยครับ” อาจารย์ชัชตอบตามความจริง

“มันยังไงกัน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกปู่ว่าเราดูห่างกับน้องไปนะ”

“ไม่หรอกครับคุณปู่ เรานั่งรถไปกลับด้วยกันทุกวัน มีเรื่องคุยกันสนุกตลอดทาง พอกลับมาบ้าน เราก็เลยไม่มีเรื่องคุยกันแล้ว คุณปู่อย่าคิดมากสิครับ”

ชัชนนท์รู้ตัวว่าเขา ห่างเหินจากหนูนิดจริงๆ แต่เขาก็มองว่า ตอนนี้ทั้งเขาและน้องต่างก็มีหน้าที่ ด้วยอาชีพและอายุที่ต่างกันมาก จึงทำให้เกิดช่องว่าง

“จำไว้นะตาชัช หนูนิดเธอไม่เหลือใครแล้ว ห้ามทิ้งน้องเด็ดขาด อย่าทำให้ปู่ต้องนอนตายตาไม่หลับ”

คนพูดจริงจังกับทุกถ้อยคำ วิภามีบุญคุณกับเขามาก เธอดูแลภรรยาให้เขาจนนาทีสุดท้าย

แม่ของหนูนิดไม่เคยแสดงท่าทางรังเกียจกับการเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะ ของภรรยาเขาแม้แต่นิดเดียว เธอปรนนิบัติด้วยหัวใจ จนวันสุดท้ายของภรรยาเขา

“คุณปู่อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมฟังแล้วใจคอไม่ดีเลย”

“คนเราเกิดมาต้องตายทั้งนั้น หรือแกจะไม่ตายเหรอตาชัช ปู่เริ่มไม่สบายใจแล้ว เป็นห่วงหนูนิดมัน”

“หนูนิดเป็นอย่างไรบ้างลูก”

ด้วยความเป็นห่วง คุณปู่จึงขอไปดูให้เห็นกับตาว่าหลานสาวไม่ได้เป็นอะไรมาก

“คุณปู่คะ ไม่เห็นต้องลำบากมาหาหนูนิดถึงนี่เลย ให้พี่ส้มมาตามก็ได้ค่ะ”

หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงคุณปู่ ถามถึงอาการของเธออยู่ข้างๆ

บทถัดไป