บทที่ 15 15

“เลี้ยวขวาเลยค่ะพี่ราม ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวเข้าซอยสองทางด้านขวามือนะคะ” บอกรายละเอียดกับเขา และหวังจะได้เห็นอาการแปลกใจจากเขาบ้าง แต่ก็ไม่มีเลยสักนิด เขาเลี้ยวเข้าซอยตามที่เธอบอกด้วยท่าทางที่ปกติมาก “พี่รามเคยมาแถวนี้บ้างไหมคะ”

“เคยมา เพราะเส้นนี้มันเป็นทางลัดออกนวมินทร์ได้ แต่พี่ไม่เคยเข้ามาในซอยนี้หรอก ไม่รู้ด้วยว่าที่นี่มีโรงเรียนสอนภาษา” เขาอยากเสนอให้เธอลองถามพินแพรดูอีกคน เพราะรู้ว่าพินแพรอยู่ย่านนี้ แต่ถ้าพูดออกไปอาจจะทำให้อารมณ์ที่กำลังบรรเจิดของเธอเปลี่ยนไป ก็เลยไม่พูดดีกว่า

“เลี้ยวเข้าซอยซ้ายมือนี่เลยค่ะ”

รามเลี้ยวซ้ายเข้าซอยหมู่บ้านตามที่หญิงสาวบอก แลกบัตรที่ป้อมยามพร้อมแจ้งความจำนงเมื่อถูกถาม

“ขับรถตรงไปสุดทางแล้วเลี้ยวขวา วิ่งตรงไปบ้านหลังสุดท้ายหัวมุมขวามือเลยค่ะ”

“ทำไมที่เรียนมันลึกลับซับซ้อนแบบนี้ล่ะ พี่ว่าอย่ามาเรียนเลยนะหนูนิด เดี๋ยวพี่จะหาที่เรียนใกล้ ๆ บ้านให้ ไม่เอาดีกว่า หาครูไปสอนที่บ้านเลยดีกว่า”

“นิดก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ แต่ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้ว นิดขอไปดูให้แน่ใจหน่อยนะคะ บางทีนิดอาจจะมาผิดที่ก็ได้” เธอยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย เพราะจริง ๆ แล้วไม่ได้มาหาที่เรียนอย่างที่พูด แต่มาเพราะต้องการให้เขาได้เห็นว่า พินแพรโกหกเรื่องทำบ้านต่างหาก แต่ก็ไร้ค่าเพราะเขาดันไม่รู้จักบ้านเธอ

“ได้จ้ะ”

“พี่รามรอนิดแป๊บหนึ่งนะคะ” บอกกับเขาแล้วเปิดประตูลงจากรถที่จอดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่ลงกลอนประตูรั้วเอาไว้ เธอเดินไปที่หน้าบ้านของพินแพร ตามที่ได้ข้อมูลมาจากราช ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่สักครู่ก็เห็นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา “ขอโทษนะคะ”

“มาหาใครครับ” เด็กหนุ่มผิวคล้ำพูดไทยสำเนียงทองแดงถามกลับมา

“ฉันมาหาคุณแคทค่ะ” เธอจำผู้ชายคนนี้ได้ เพราะเมื่อคืนตอนที่เธอมาซุ่มรออยู่ที่นี่ เธอเห็นเขาคนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์มาจากข้างนอกและเปิดประตูเข้าบ้านไป

“คุณแคทไหนครับ”

“คุณแคทที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้น่ะค่ะ”

“หลังนี้ไม่ใช่บ้านคุณแคทนะครับ”

“เหรอคะ แต่เธอให้ที่อยู่นี้มากับฉันเองนะคะ” ยื่นกระดาษที่จดที่อยู่เอาไว้ให้เขา “เธอบอกด้วยว่ากำลังรีโนเวตบ้าน ถ้าหาไม่เจอให้ลองถามคนแถวนี้ดูว่าบ้านหลังไหนที่กำลังทำใหม่ คนแถวนี้จะรู้ค่ะ”

“ที่นี่ก็เพิ่งทำไปครับ เปลี่ยนมุ้งลวดกับเหล็กดัดใหม่เมื่อวานนี้เอง แต่หลังนี้ไม่ใช่บ้านคุณแคทแน่นอน ส่วนทำใหม่ยกหลัง..” เขาใช้เวลานึกสักครู่ “เท่าที่เข้าออกอยู่แถวนี้ก็ยังไม่เห็นเลยนะครับ”

“จริงเหรอคะ แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะคะเนี่ย” สิริญ่าแสร้งตีหน้าเครียด

“จริง ๆ มันมีชื่อที่คล้าย ๆ กันนะครับ เป็นโครงการสองของหมู่บ้านนี้ อยู่ซอยเยื้องๆ กันนี้แหละ ลองไปดูนั่นอีกที่ดีไหม หรือไม่ก็โทรถามเจ้าของบ้านเขาให้แน่ใจดีกว่านะครับ”

“ค่ะ ๆ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ขอโทษนะคะ ถ้าอย่างนั้นขอเสียมารยาทถามหน่อยได้ไหมว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ชื่ออะไร”

“ชื่อแพรครับ เป็นน้าของผมเอง”

“ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวฉันจะลองโทรถามเขาอีกทีก็แล้วกัน” หญิงสาวก้มศีรษะให้ชายหนุ่มที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป หัวใจของเธอมีความรู้สึกของผู้ชนะแต่ไม่มีความสุข กลับรู้สึกแค้นพินแพรมากขึ้นอีกเท่าตัว

“เป็นยังไงบ้าง” รามถามหญิงสาวเมื่อเธอกลับเข้ามานั่งในรถ

“ไม่เจอติวเตอร์หรอกค่ะ เจอแต่น้องชายของเขา แต่นิดตัดสินใจแล้วค่ะ นิดไม่เรียนดีกว่า ซื้อหนังสือมาศึกษาเองน่าจะดีกว่า จะได้มีเวลาอยู่กับหลานด้วย”

“ก็ดีจ้ะ แล้วนิดจะไปที่ไหนอีกหรือเปล่า” ถามเมื่อเริ่มขับรถไปตามทาง

“ไม่แล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นกลับไปที่บริษัทกับพี่ก่อนนะ แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน” เขาคิดว่าเสร็จธุระกับเธอแล้วจะกลับบ้านเลยในตอนแรก แต่พินแพรโทรมาบอกว่าปนัดดาโทรมาหาเขาและไม่ยอมเลื่อนนัด เพราะพรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปดูกิจการร้านอาหารไทยที่มีสาขามากกว่าสิบแห่งในอเมริกา เธอต้องการพบเขาวันนี้เพื่อตกลงกันเรื่องออเดอร์ให้จบ ๆ ถ้าเขาไม่กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง เธอจะเปลี่ยนเอเย่นเป็นบริษัทอื่นทันที

“.. ก็ได้ค่ะ” เธออยากจะปฏิเสธออกไป แต่เพราะอยากเจอหน้าพินแพรขึ้นมาตงิด ๆ จึงเปลี่ยนใจ

................

พินแพรลุกขึ้นทันทีที่เห็นเจ้านายเดินมา เธอรวบรวมแฟ้มที่เป็นออเดอร์ของปนัดดามาถือไว้อย่างรู้หน้าที่

“คุณปนัดดารออยู่ที่ห้องรับแขกเล็กค่ะ ตอนนี้คุณราชกำลังรับหน้าเอาไว้”

“แล้วทำไมไม่ให้นายราชจัดการแทนพี่ไปเลยล่ะ ส่งออกมันเป็นหน้าที่ของนายราชอยู่แล้วนี่”

“พี่รามก็ทราบนี่คะ ว่าคุณปนัดดาเธอติดต่อกับพี่รามมาก่อนที่คุณราชจะมารับหน้าที่นี้ แล้วเธอก็ไม่ยอมคุยกับคุณราชด้วยค่ะ เธอบอกว่าจะคุยกับพี่รามเท่านั้น”

“โอเค” เขารู้ฤทธิ์ของแม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์นามว่าปนัดดาดี เพราะทำการค้ากันมาตั้งแต่เธอยังเป็นภรรยาของมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน จนตอนนี้เธอหย่าขาดกับเขา และได้รับส่วนแบ่งมรดกเป็นธุรกิจร้านอาหารไทยในอเมริกามาทั้งหมด นอกจากร้านอาหารแล้วเธอยังทำแฟรนไชส์ของบริษัทเขาคู่กับร้านอาหารด้วย

ดังนั้นอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและอาหารแช่แข็งในรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นยี่ห้อของบริษัทเขาจึงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในอเมริกา ทั้งหมดก็เพราะสตรีคนนี้ เขาจึงต้องให้ความเกรงใจต่อเธอมากเป็นพิเศษ

“หนูนิดเขาไปรอพี่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”

“ค่ะ โชคดีนะคะพี่ราม”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป