บทที่ 2 2
เมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์
“นิด พวกเราจะไปเที่ยวฉลองสอบเสร็จกันคืนนี้ ไปด้วยกันนะ”
“ขอโทษด้วยนะนิโคลฉันไปด้วยไม่ได้จริง ๆ เพราะฉันต้องไปประเทศไทยคืนนี้”
“ทำไมถึงรีบนักล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“นิดหน่อยจ้ะ ญาติแม่ฉันเสียน่ะ”
“เสียใจด้วยนะ เอาไว้เจอกันหลังจากกลับมานะ”
“บาย” สิริญ่าโบกมือลาให้เพื่อนสนิท เดินไปที่จอดรถจักรยานแล้วปั่นกลับไปยังที่พักที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึงห้ากิโลเมตร
“สวัสดีนิด”
“สวัสดีค่ะคุณโทรส” เธอทักทายตอบเจ้าของหอพักขณะกำลังจะเดินขึ้นบันได
“มีจดหมายถึงเธอนะ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวย้อนกลับไปยังตู้จดหมายของแต่ละห้อง หยิบจดหมายที่ใส่ไว้ในนั้นขึ้นมาดู
“แปลกนะ”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วมองหน้าบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ในห้องกระจกใกล้ๆ “อะไรแปลกเหรอคะคุณโทรส”
“ก็แปลกที่ยังมีคนเขียนจดหมายอยู่น่ะสิ สมัยนี้การสื่อสารอยู่แค่ปลายนิ้วเท่านั้นไม่ใช่เหรอ” เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มๆ ไปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อบอกใบ้
“พี่สาวฉันคงนึกสนุกก็เลยใช้วิธีโบราณแบบนี้ไงคะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแล้วสาวเท้าขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์
เมื่อกลับถึงในห้องก็เปิดจดหมายออกมาอ่านด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าพี่สาวเขียนมาหาตนเรื่องอะไร
‘หนูนิด... พี่จะทำอย่างไรดี พี่ทุกข์ใจเหลือเกินตอนนี้ พี่รามไม่รักพี่แล้ว พี่ถามพี่รามว่าหลอกพี่ทำไม ไม่รักพี่แล้วมาแต่งงานกับพี่ทำไม แต่เขาก็ยังโกหกว่ารักพี่ แต่พอพี่บอกให้ไล่คุณแพรออกเขาก็ไม่ยอม เขาหาว่าพี่คิดมาก เขากับคุณแพรเป็นเพื่อนกันมาก่อนที่จะรู้จักกับพี่ด้วยซ้ำ เขารักเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง บอกให้พี่เลิกระแวงเขากับคุณแพรซะ เพราะเขารักพี่และลูกเท่านั้น
แต่พี่รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ทุกวันนี้คุณแพรเข้าออกบ้านของเราเหมือนเป็นบ้านของเธอเองก็ว่าได้ ถึงแม้พี่รามจะมองว่าผู้หญิงคนนี้คือคนดี แต่สำหรับพี่แล้วเธอคือนางมารในรูปโฉมของนางฟ้า ทุกคำพูดที่อ่อนโยนพี่รู้สึกได้ว่าไม่ใช่คำพูดที่จริงใจ เหมือนเธอต้องการบอกให้พี่รู้ว่าเธอกับพี่รามนั้นมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมากกว่าพี่น้องคำพูดหลายๆ คำของเธอมันทำให้ใจของพี่คิดมาก
พี่ทุกข์ใจเหลือเกินหนูนิด พี่อยากจะเลิกกับพี่รามแล้วกลับไปอยู่ที่บริสเบน แต่พี่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อพี่ยังมีน้องกายอีกคน พี่ยอมให้น้องกายขาดพ่อและสูญเสียทุกอย่างที่จะเป็นของเขาไม่ได้เด็ดขาด พี่จะอดทนให้ถึงที่สุดเพื่อลูก ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่สาวที่อ่อนแอคนนี้ด้วยนะ รักและคิดถึงหนูนิดมากที่สุดพี่แก้ว’
สิริญ่าขมวดคิ้วมุ่นกับการเขียนที่สับสน และคราบน้ำตาที่เปื้อนลงบนหน้ากระดาษและรอยหมึกของพี่สาว แล้วหยิบโทรศัพท์ต่อสายไปหาอีกฝ่ายทันทีด้วยความหวั่นใจ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ” เธอกล่าวเสียงเครียดและตัดสินใจโทรหามารดาแทน
(ลูกรัก)
“พี่แก้วอยู่ที่นั่นไหมคะคุณพ่อ.. คุณพ่อได้ยินหนูไหมคะ” เธอถามย้ำเมื่อปลายสายจากเมืองไทยไม่ยอมพูดอะไร
(ได้ยินแล้วลูก)
“แล้วพี่แก้วอยู่ที่นั่นไหมคะ”
(อยู่ลูก)
“แล้วทำไมพี่แก้วไม่รับโทรศัพท์ของนิดคะ คุณพ่อช่วยส่งโทรศัพท์ให้พี่แก้วหน่อยสิคะ”
กรุงเทพ ประเทศไทย
บิลเม้มปากแน่นขณะมองไปที่โลงศพ ไม่รู้จะปลุกเธอให้ลุกมารับสายของลูกสาวได้อย่างไร
“พี่เขารับสายของหนูไม่ได้แล้วลูก พี่เขาจากเราไปแล้ว” เขาตัดสินใจบอกความจริงกลับไปเสียงแผ่วเบาโอบกอดภรรยาที่ซบหน้าร้องไห้อยู่กับอกหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของตน
(... ไม่จริง ไม่จริง นิดไม่เชื่อ คุณพ่อโกหก)
“มันเป็นเรื่องจริงลูก พี่แก้วเขาจากโลกนี้ไปแล้วลูกรัก”
(ไม่จริง นิดไม่เชื่อ นิดจะไปดูให้เห็นกับตา)
ผู้เป็นบิดาสงสารลูกสาวเหลือเกิน ขนาดเขาเป็นแค่พ่อเลี้ยงเขายังรู้สึกเสียใจ แล้วพวกเธอเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ความผูกพันมันลึกซึ้งยิ่งกว่าเขาเป็นไหน ๆ เธอคงเสียใจจนยากที่จะหาคำใดมาเปรียบ
“ลูกกำลังจะเดินทางมานะที่รัก”เขาบอกกับภรรยาที่ยังร้องไห้ซบอยู่กับอกเบา ๆ
“คุณพ่อคุณแม่คะ ทานข้าวสักหน่อยนะคะ กับข้าวตั้งโต๊ะรอเรียบร้อยแล้วค่ะ” พินแพรเดินเข้ามาบอกสองสามีภรรยาที่เป็นบุพการีของภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วของเจ้านาย
“แม่กินไม่ลงหรอกหนูแพร”
“ทานสักนิดเถอะนะคะคุณแม่ กว่าจะเสร็จงานอีกหลายวัน ถ้าคุณแม่ไม่ยอมทานอะไรแบบนี้จะล้มป่วยไปอีกคนนะคะ”
“ทานข้าวกันเถอะที่รัก ผมหิวมากเลยตอนนี้” บิลพอจะเข้าใจภาษาไทยอยู่บ้าง จึงแกล้งบอกภรรยาเพราะอยากให้เธอได้กินอาหารสักมื้อละสี่ห้าคำก็ยังดี
ดวงดาวไม่มีความอยากสักนิดเดียว แต่นางรู้ว่าสามีจะไม่ยอมแตะต้องอาหารแม้แต่คำเดียวถ้าตนไม่ยอมกินด้วย จึงพยักหน้ารับและลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอาหารภายในโรงครัวของวัด
“แพรขอตัวไปดูแลงานก่อนนะคะ” เมื่อส่งทั้งสองท่านถึงโต๊ะอาหารแล้วพินแพรก็บอกลา
“แล้วคุณรามล่ะหนูแพร”
“พี่รามพาน้องกายไปฉีดวัคซีนค่ะคุณแม่ ตอนแรกหนูจะพาไปแต่พี่รามเขาไม่ยอม เขาบอกให้แพรมาช่วยดูแลที่นี่แทน”
“โธ่เอ๊ยตาหนูของยาย” ดวงดาวปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความสงสารหลานชายวัยสามเดือนที่ต้องขาดแม่
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แพรจะช่วยดูแลตากายอย่างดีที่สุดค่ะ”
