บทที่ 7 7

ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงต้องหาทางเข้ามาใกล้ชิดเขาให้มากกว่าเดิม เธอจะไม่ปล่อยให้หญิงสาวคนนั้นมาใกล้ชิดกับเขาเหมือนพี่สาวหล่อนอีก

“พี่รามคะ แพรรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมคะ” เริ่มหาอุบายมาหลอกเขา

“อะไรเหรอ”

“คือบ้านแพรกำลังซ่อมแซมชุดใหญ่ อีกประมาณสองอาทิตย์ถึงเสร็จ ถ้าไม่รบกวนพี่รามจนเกินไป แพรขอมาอาศัยอยู่ชั่วคราวได้ไหมคะ”

“ได้สิ พรุ่งนี้พี่จะบอกให้ป้าศรีให้เตรียมห้องให้นะ”

“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะพี่ราม ความจริงแพรไม่อยากรบกวนพี่รามเลยค่ะ แต่ยิ่งซ่อมก็ยิ่งบานปลาย พ่อกับแม่ก็เลยตัดสินใจรีโนเวตทั้งหลังเลย”

“แล้วคุณน้าทั้งสองจะไปพักอยู่ที่ไหนล่ะ มาอยู่ด้วยกันที่นี่ก็ได้นะ”

“พ่อกับแม่กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดค่ะ ถือโอกาสกลับไปดูแลสวนยางด้วยเลย” เธอรวบรวมเอกสารใส่แฟ้มยื่นให้เขาแล้วหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นบ่า “เสร็จงานแล้วแพรขอตัวกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” เมื่อสมดั่งใจหวังแล้วก็ไม่คิดจะอยู่ต่อให้เสียเวลา เพราะต้องกลับไปเตรียมเก็บเสื้อผ้าเพื่อย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้

บ้านพิทักษ์ทรัพย์

“เมื่อคืนไปกินข้าวที่บ้านพี่รามมาเหรอลูก” มารดาถามลูกชายคนเล็กที่เดินเข้ามาหอมแก้ม

“ครับคุณแม่ คุณพ่อไปไหนเหรอครับ”

“วันนี้พ่อเขามีนัดออกรอบกับเพื่อนๆ ที่ประจวบ ก็เลยออกไปหลังกินมื้อเช้าเสร็จ”

“แล้วทำไมคุณแม่ไม่ไปด้วยล่ะครับ”

“แม่มีประชุมที่สมาคม ก็เลยปล่อยให้พ่อเขาไปคนเดียว”

“ไม่กลัวคุณพ่อพาอีหนูไปเหรอครับ” ราชแกล้งเย้ามารดา

“ไม่หรอกจ้ะ ลูกก็รู้ว่าพ่อเขานิสัยยังไง” ยุพาตอบอย่างมั่นใจในตัวสามีที่อยู่ด้วยกันมามากกว่าสี่สิบปี  “เล่าให้แม่ฟังบ้างซิว่า พี่รามของลูกเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้”

“ก็ปกตินะครับ แต่ก็ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน”

“ก็เมียตายทั้งคนนี่นะ แม่สงสารพี่รามเขาจริง ๆ นะลูก”

“ให้เวลาพี่เขาสักหน่อยนะครับ”

“แล้วหลานล่ะลูกเป็นอย่างไรบ้าง แม่คิดว่าวันนี้หลังจากประชุมเสร็จจะแวะไปเยี่ยมหลานสักหน่อย”

“ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ หลานมีหนูนิดคอยดูแลอย่างดี”

“หนูนิดยังไม่กลับออสเตรเลียอีกเหรอลูก” นางแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าน้องสาวของลูกสะใภ้ยังอยู่ที่บ้านของลูกชายคนโต

“ทำไมคุณแม่ต้องทำท่าแปลกใจอย่างนั้นด้วยครับ หรือว่าคุณแม่ไม่ชอบหนูนิด” ราชถามจริงจัง

“แม่จะไปรังเกียจเขาเรื่องอะไรล่ะลูก หนูนิดเขาก็น่ารักดีออก แม่แค่แปลกใจเท่านั้นเอง”

“แล้วระหว่างหนูนิดกับคุณแพรแม่ชอบใครมากกว่ากัน”

“ทำไมมาถามแม่แบบนี้ล่ะราช” ยุพาแปลกใจหนักจนต้องชักสีหน้า

“ก็ผมอยากรู้ความคิดของคุณแม่”

“แม่ก็ชอบทั้งคู่นั่นแหละ หนูนิดก็น่ารัก หนูแพรก็น่ารัก นิสัยเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีทั้งคู่”

“ถ้าให้เลือกได้คนเดียวคุณแม่จะเลือกใครครับ”

“ตอบยากจัง หนูแพรก็ดีนะ แม่รู้จักกับหนูแพรมานานกว่า แม่คิดว่าแม่รู้จักนิสัยเธอดีกว่าหนูนิดเยอะนะ”

“ต่างกับผมนะครับ ผมว่าหนูนิดเธอดูจริงใจกว่าคุณแพร ดูไม่สร้างภาพดีครับ ส่วนคุณแพรเธอดีเกินไปจนเหมือนฝืน” แล้วยังเรื่องข่าวคาวที่ได้ยินเข้าหูที่บริษัทอีก ถ้าเขาพูดออกไปมารดาจะรู้สึกอย่างไรนะ

“คิดมากน่าราช ถ้าหนูแพรเธอสร้างภาพอย่างที่ลูกว่า ป่านนี้ที่บริษัทคงมีข่าวในแง่ลบของเธอกับรามให้เราได้ยินบ้างแล้ว”

“ผมก็แค่คิดไปเรื่อยเปื่อยแหละครับคุณแม่”

“ในเมื่อลูกพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว แม่ก็ขอปรึกษาลูกเลยละกัน เพราะปรึกษาคุณพ่อแล้วไม่ได้เรื่อง”

“เรื่องอะไรเหรอครับคุณแม่”

“เรื่องพี่รามกับหลานนั่นแหละ”

“พี่รามทำไมเหรอครับ”

“ลูกมีความคิดเห็นอย่างไรถ้าแม่จะหาแม่เลี้ยงให้น้องกาย”

“ทำไมคุณแม่ต้องหาด้วยล่ะครับ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่รามไม่ดีกว่าเหรอครับ” ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด แต่เขาก็พูดกับมารดาอย่างใจเย็น

“แม่ไม่อยากรอให้ตากายโตจนรู้ความ อยากให้พี่ชายเราแต่งงานกับผู้หญิงดี ๆ สักคนเพื่อมาทำหน้าที่แม่ให้ตากาย” นางไม่อยากให้หลานรับรู้ว่าเป็นเด็กกำพร้า อยากให้เขาโตมาอย่างครอบครัวอบอุ่น ที่มีพร้อมทั้งบิดาและมารดามากกว่า

“ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณแม่เรื่องหลานนะครับ แต่เรื่องจะหาพี่สะใภ้คนใหม่นี่ผมไม่เห็นด้วยสักนิด และผมก็มั่นใจว่าพี่รามคิดไม่ต่างจากผมเหมือนกัน”

“แต่ถ้าเป็นหนูแพร พี่เขาอาจจะยอมก็ได้นะ”

“คุณแม่!” ราชอุทานด้วยความตกใจกับความคิดของมารดา เพราะไม่คิดเลยว่าท่านจะนึกถึงพินแพร “ถ้าพี่รามมองคุณแพรเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พี่รามก็คงไม่แต่งงานกับพี่แก้วหรอกครับ ผมว่าคุณแม่ควรจะคิดเรื่องนี้ใหม่นะครับ”

“ไม่รู้แหละ แม่ว่าหนูแพรนี่แหละที่เหมาะสมจะเป็นแม่ของตากาย ไม่มีใครเหมาะสมเท่าเธอแล้ว”

“ถ้าพูดถึงความเหมาะสม ผมคิดว่าหนูนิดเหมาะสมกว่าคุณแพรอีกครับ เพราะหนูนิดเป็นน้าแท้ๆ ของตากาย ส่วนคุณแพรเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น ความรักความผูกพันที่มีต่อตากายผมว่าหนูนิดมีให้เต็มร้อยกว่านะครับคุณแม่” ในเมื่อท่านดื้อดึง เขาก็จะเลือกสิ่งที่ดีกว่าให้กับหลานเหมือนกัน

“แต่หนูนิดยังเด็ก ความรักความเอาใจใส่จะไปเหมือนหนูแพรได้อย่างไรตาราช”

“เรื่องแบบนี้ไม่ได้วัดกันที่อายุหรอกนะครับคุณแม่”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป