บทที่ 3 สิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นแล้ว
จวบจนแม่ทัพหนุ่มก้าวขาหมายใจเข้าไปช่วยเกิงเตียวอิ๋ง ก็เป็นช่วงเวลาดังกล่าวที่เหวินซืออี้ ล้วงมีดสั้นออกมาจากอกเสื้อ ใจนางเดือดพล่าน ห้วงเวลาดังกล่าวเจ้าสาวขาดสติไปเสียแล้ว
“เฟิงเกอ หากท่านก้าวออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว... ขะ ข้า เหวินซืออี้ก็จะไปรอเฟิงเกอที่ประตูนรก!”
เมื่อนางตัดสินใจกระทำเช่นนั้น แทนทีจะรั้งเขาได้ กับมีสายตาเย็นชาของผู้เป็นเจ้าบ่าวมองมาที่นาง พร้อมคำพูดที่ทำให้เหวินซืออี้ หนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
“ข้าคิดไม่ถึงว่าเสี่ยวอี้จะไร้เหตุผล ช่างเป็นคนที่ข้าไม่สมควรแต่งงานด้วย และแรกเริ่มก็เป็นเจ้าแอบลักลอบมาถึงเมืองไฉ ปลอมตัวเป็นทหาร เป็นบ่าวรับใช้ จนเกิดเรื่องราวมากมายให้ข้าต้องช่วยเช็ดล้าง มีคดีถึงศาลก็หลายหน ทั้งสั่นคลอนกฎของกองทัพ และหากเราไม่ได้มีช่วงเวลาลึกซึ้งด้วยกัน ข้าคงไม่ตัดสินใจรับผิดชอบสตรีแซ่เหวิน!”
หึๆ ๆ สวรรค์ล้อนางเล่นเป็นแน่ เซียวหัวเฟิงเหตุใดถึงกล่าววาจาร้ายกาจกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อสามปีก่อนที่เขาไปยังเมืองซีหาน ยังเป็นบุรุษที่ติดตามอาจารย์เฉิง คือพี่เก้าที่แสนอบอุ่นใจดี คอยสอนนางหลายสิ่ง นั่นคือจุดเริ่มต้นของรักแรกพบ สุดท้ายนางก็ปีนออกจากกำลังคฤหาสน์เหวิน ทั้งที่พี่ชายสุดที่รักเหวินเจิ้งเทาตามตัวกลับหายหน แต่นางใช้อุบายต่างๆ นานาจนรอดพ้นมาได้ แล้วก็ติดตามเซียวหัวเฟิงเดินทางไกลนับพันลี้ ผ่านหลากหลายเรื่องราว จวบจนบ่มเพาะเป็นความรัก มีช่วงเวลาหวานซ่านใจ จนผู้อื่นอิจฉา และเขาได้ออกปากอยากผูกผมครองคู่เหวินซืออี้
“ท่าน เป็นท่านที่เลอะเลือน... สตรีผู้นี้ยึดมั่นในรักเสมอ ข้าเสียสละทุกสิ่งอย่างเพื่อมาอยู่กับท่าน”
เซียวหัวเฟิง ไม่ใช่ไร้เยื่อใย แต่เขาเริ่มเห็นว่าเหวินซืออี้ คือสตรีที่เอาแต่ใจ และไม่เติบโตกว่าเดิมสักนิด
“ข้ายังยืนยันคำเดิม หลังจากช่วยองค์หญิงหก จะกลับมาทำหน้าที่ของตนให้แล้วเสร็จ”
“ทำหน้าที่หรอกหรือ โอ้ เฟิงเกอ การเข้าหอและดูแลข้า ท่านถือเป็นหน้าที่ ฮึ หากเป็นเช่นนั้น ไฉนข้ายังจะหน้าด้านเป็นภาระของท่านแม่ทัพด้วยเล่า”
นางกล่าวจบ ก็ใช้มีดสั้นจี้ลำคอของตน ฝ่ายบ่าวรับใช้หญิง กับคนงานที่อยู่บริเวณนั้นหมายจะเข้าไปยื้อแย่งมีดสั้นจากมือเจ้าสาว แต่นางตะโกนห้าม ก่อนที่ปลายคมมีดสั้นจะทำให้ลำคอนางมีเลือดไหลออกมา
ทว่าภาพดังกล่าวหาได้ทำให้เซียวหัวเฟิงล้มเลิกความคิดตนที่จะช่วยสตรีบนหลังม้า
“เฟิงเกอ ทะ ท่านทำผิดต่อข้า”
เหวินซืออี้สะอื้นไห้ นางมิใช่ต้องการแสดงความอ่อนแอ ทว่ายามนี้ เข้าใจได้ว่า อีกฝ่ายเลือกเกิงเตียวอิ๋ง หากเหวินซืออี้คาดเดาไม่ผิด สตรีผู้นั้นต้องวางแผนการบางอย่างเพื่อล้มเลิกงานแต่งของนางกับเซียวหัวเฟิง และตอนนี้ก็ถึงขั้นทำเรื่องชั่วช้า ไร้ยางอาย
เซียวหัวเฟิงหมุนตัวไปอีกทาง เขาไม่ต้องการเผชิญหน้าเหวินซืออี้
“หากเสี่ยวอี้ ยังรั้งตัวข้าไว้ด้วยการกระทำซึ่งไร้สติ บุรุษผู้นี้ย่อมผิดต่อ 115 ชีวิตที่จากไป รวมถึงองค์หญิงหก...ซึ่งนางเป็นผู้มีพระคุณต่อเจ้า”เขายังย้ำเรื่องเดิมให้เหวินซืออี้เจ็บช้ำ
“หึๆ ๆ สวรรค์โปรดฟังข้าเถิด สตรีที่ชิงบุรุษของข้าไป คือผู้มีพระคุณต่อข้าเยี่ยงนั้นหรือ บัดซบยิ่งนัก เฟิงเกอ ทะ ท่านช่างอำมหิต และมีใจมืดบอดหลงใหลต่อนางมารร้าย เอาล่ะ... หากท่านหย่าขาดกับข้าแล้ว สตรีผู้นี้ก็จะปล่อยท่านไป”
สิ่งที่นางแจ้งออกไป ก็ได้ผลลัพธ์ที่ทำร้ายเหวินซืออี้อย่างสาหัส
ซึ่งก่อนชายหนุ่มจะจากไป ยังมีคำหนึ่งจากปากของเกิงเตียวอิ๋งที่ทำให้ผู้เป็นเจ้าสาวนึกฉงน
“คุณหนูอี้ แม้ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านแต่งกับแม่ทัพเซียว แต่ข้าเป็นสตรีใจกว้าง เตรียมของขวัญเอาไว้ให้ท่าน สักพักคงเดินทางมาถึง และขออวยพรให้คุณหนูอี้ มีความสุขในวันมงคล”
“ข้าไม่ต้องการของใดจากคนแพศยา”
เกิงเตียวอิ๋งยิ้มบางๆ ในสีหน้า และเอ่ยว่า “เมื่อของมาถึงมือท่านแล้ว ค่อยปฏิเสธก็ไม่สาย เอาล่ะ... ข้าต้องการให้แม่ทัพเซียวขับพิษร้าย อาจใช้เวลานาน... นานสักหน่อย หวังว่าผู้เป็นเจ้าสาวจะเข้าใจเรื่องนี้ได้”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยจบ ภาพที่เหวินซืออี้เห็นก็คือ ร่างของเกียงเตียวอี้ ที่ถูกเซียวหัวเฟิงอุ้ม แล้วเปลี่ยนไปขึ้นม้าตัวใหญ่ของเขา
จากนั้น ทั้งคู่ก็จากไปพร้อมกำลังทหารทั้งหมดที่มีในป้อมแห่งนี้
เหวินซืออี้กำผ้าขาวผืนนั้นที่มี่หนังสือหย่าจากคนรักซึ่งเขียนด้วยเลือดอีกฝ่าย นางก้าวกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นไปจนถึงกำแพงป้อมสังเกตการณ์ด้านบน เพื่อมองร่างของคนทั้งคู่ที่ขี่ม้าจากไป
ภาพดังกล่าวสะท้อนหลายสิ่ง มือหนึ่งนางถือมีดสั้น ๆ เอาไว้ ส่วนหนังสือหย่านางโยนลงไปเบื้องล่าง มันปลิวไปตามสายลม ยามนี้นางไม่อยากจดจำเรื่องใด ชีวิตช่างไร้ค่าโดยแท้ ขณะเดียวกันนางรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กๆ ก่อนจะรู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย
โอ้... สิ่งที่นางกลัวเกิดขึ้นแล้ว
ชีวิตเล็กๆ กำลังดิ้นในครรภ์นาง อนิจจา เรื่องนี้นางไม่ได้ตั้งใจมาก่อน
ขณะที่นางค่อยๆ พยุงตัวไม่ให้ล้ม นอกจากเด็กที่ดิ้นในท้อง นางก็รู้สึกว่ามีอาการทรมานยิ่งนัก
