บทที่ 10 เส้นทางแห่งความมืด
คาเอลเอื้อมบีบไหล่คนร้ายนัยน์ตาสีอำพันจ้องลึก พิชัยสะท้านไหวรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา
“ใครส่งแกมา นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะถาม!”
“ผู้ชายที่ชื่ออรรคพลเป็นคนจ้างมา!”
“มันเป็นใครไอ้อรรคพล!”
“มันเป็นเพื่อนผมเอง เรารู้จักกันผิวเผิน เห็นว่าตอนนี้มันทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับเศรษฐีอยู่ เมื่อวานมันมาจ้างผมตอนดึกแล้ว ผมเองเตรียมตัวแทบไม่ทัน ตอนแรกคิดว่าไม่ทำดีกว่าแต่เงินดีมากผมเลยรับ”
คาเอลขบกรามแน่นคงไม่ต้องคาดเดามาก หากไม่ผิดจากที่คิดคงไม่มีฝีมือใคร สืบสาวไปคงไม่ได้ความ เพราะทางพิชัยเหมือนจะไม่รู้มากนัก ถ้าหากอยากได้เรื่องมากกว่านี้คงต้องลากไอ้คนชื่ออรรคพลมา แต่ในวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ถือว่าดีมากแล้ว
“อัลเดรให้เงินมันก้อนหนึ่ง แล้วปล่อยมันไป”
“จะดีเหรอครับปล่อยไปแบบนี้”
“ดีแล้ว ปล่อยไปเถอะ ให้มันไปอยู่กับลูก”
พิชัยน้ำตาคลอ พอได้ยินคำว่าลูก “ขอบคุณมาก ที่ไม่ฆ่าผม”
“ฉันไม่ชอบมือเปื้อนเลือดเท่าไหร่ ถ้าคิดจะฆ่าใครไม่อยากฆ่าให้ตายทีเดียว ต้องทำให้ตายทั้งเป็นมันถึงจะสนุก”คนพูดยิ้มเหี้ยม แววตาเยือกเย็น
ร่างสันทัดถูกกระชากให้ลุกยืน อันเดรหยิบเงินในกระเป๋าถือของเจ้านายโยนให้มัน คาลลากคนร้ายออกนอกห้อง
“แบบนี้มันไม่ถูกฆ่าตายเหรอครับ”อัลเดรถาม
“ก็น่าจะตาย”
“แล้วมันจะได้พบลูกเหรอ”
“อาจจะได้พบก่อนตายยังไงล่ะ เขาเรียกว่าตายตาหลับ”
อัลเดรหมดคำพูด ผู้เป็นนายเล่นกับความรู้สึกคนได้อย่างไม่มีตะขิดตะขวงใจ ถึงรู้ว่านายพิชัยจะตายแต่เขายังทำใจดี เหมือนเปิดเส้นทางให้ได้พบความสุข แต่ยังไม่ทันจืดจางกลับต้องจบชีวิต มันเศร้าเสียยิ่งกว่าอะไร เห็นสีหน้าไม่ยินดียินร้ายของนายแล้วรู้สึกหนักใจ พอเข้าใจว่าคุณคาเอลเป็นอะไร คงคับแค้นใจมากเรื่องน้องสาวถึงมองคนอื่นเป็นเหมือนสิ่งไม่มีค่าไปเสียหมด
“คุณนี่เก่งมากนะครับ เล่นกับความรู้สึกคนได้หน้าตาเฉย”
“ฉันทำดีไม่ใช่เหรออัลเดร ให้เงิน ปล่อยไป นี่เป็นหนทางน่าชื่นชมดีออก”
“ครับ ผมเข้าใจที่คุณคาเอลทำนั้นน่าชื่นชมหากมองไม่ออกนะครับ แต่ถ้ามองออกจะรู้ว่ามันอำมหิตมาก”อัลเดรเน้นเสียงหนัก
“ก็บอกแล้วฉันไม่ชอบให้มือตัวเองเปื้อนเลือด อย่างน้อยมันก็ไปอย่างสงบเพราะได้พบหน้าลูก ก่อนที่มันจะถูกพวกเดียวกันฆ่าเอาจริงไหม”
“แล้วคุณไม่คิดกักตัวไว้เป็นพยานเหรอครับ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยาก เล่นงานพวกมันแค่นี้ไม่สาแก่ใจหรอก”
“ครับคุณคาเอล ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผมยินดีรับใช้เสมอ”
“ขอบใจมากอัลเดร ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยชอบที่นายรู้มากก็เถอะ”ชายหนุ่มหัวเราะ
งานการกุศลยามค่ำคืน นักธุรกิจมาร่วมงานเพื่อนำผลกำไรมาบริจาค และประมูลงานศิลปะที่ตนเองสนใจ ร่างสูงใหญ่ในชุดทักซิโด้สีดำก้าวลงจากรถพร้อมบอดี้การ์ดขนาบข้าง ผู้คนภายในงานต่างให้ความสนใจ คาเอลหยุดยืนช่วงโถงกลาง เพียงเวลาแค่ไม่กี่นาทีมีนักธุรกิจหลายรายมาห้อมล้อม
“สวัสดีครับคุณคาเอล ผมอธิวัฒน์ ประธานบริษัทซีเนียร์ครับ”
“สวัสดีครับ”ชายหนุ่มยกมือจับเพื่อทักทาย
“ส่วนนี้ลูกสาวของผมครับ นับดาว”
ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วยกมือจับทักทาย
“สวัสดีค่ะ”เธอจับตอบ แล้วแย้มยิ้ม
นักธุรกิจท่านอื่นแนะนำตัวกับเขา แถมยังพกลูกสาวมาให้ดูตัวอย่างถ้วนหน้า ชายหนุ่มทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง และพยายามหลีกเลี่ยงสาวๆ เหล่านั้น เสียงซุบซิบแผ่วเบาดังขึ้น บวกกับสายตาหลายคู่จ้องมองไปยังคู่ สามีภรรยากำลังเดินกรีดกรายเข้างาน
ดวงตาเรียวคมหรี่ลงจ้องมองเป้าหมายแล้วกระตุกมุมปาก
“คุณหนูพิมพ์วลี ลูกสาวคุณพิพัฒน์สวยจริงๆ เห็นแล้วเสียดาย ถ้าไม่แต่งงานไปก่อนนะเธอ”เสียงแขกในงานพูดคุย
“นั่นสิ แต่สามีเธอก็ดูหล่อใช้ได้เลยทีเดียว”
“น่าอิจฉาชะมัดเลย”
“แต่หล่อยังไงก็สู้คุณคาเอลไม่ได้หรอก หล่อจนน่าจับทำสามี”สาวๆในงานหัวเราะคิกกันอย่างอารมดี
คาเอลอมยิ้ม ไม่วายชำเลืองบอดี้การ์ดเห็นกำลังพากันปิดปากกลั้นขำอยู่
“พิมพ์!”เสียงร้องเรียกทำให้พิมพ์วลีหันมอง เห็นเพื่อนสาวกำลังสาวเท้าเข้ามาหา
“นับดาว คิดถึงมากเลย”พิมพ์วลีโอบกอดเพื่อนไว้
“ไปอยู่สเปนเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี”
“แล้วนั้น...”นับดาวมองผ่านด้านหลัง “สามีเหรอ”
“ใช่จ้ะ คุณฟาเบียน”
ฟาเบียนยกมือเพื่อจับทักทาย นับดาวจับตอบแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร พิมพ์วลีกวาดตามองทั่วงานเพื่อหาคู่คนอื่นแต่สายหยุดลงที่ร่างสูงใหญ่แสนโดดเด่นในงาน คาเอลยกแก้วไวน์ในมือทำเหมือนรู้จักแล้วยิ้มเย็น
“คุณฟาเบียน นั่นคาเอลนี่คะ!”
“อะไรนะ”
ฟาเบียนมองตามสายตาภรรยา
“ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้!”
“ไม่รู้สิ ไอ้บ้านั้นมันจะจองล้างจองผลาญเราไปถึงไหนกัน!”ฟาเบียนเริ่มเดือดดาล
“มีอะไรเหรอพิมพ์”นับดาวถามเพื่อนสีหน้ามึนงง
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเธอเชิญมางานด้วยเหรอ”พิมพ์วลีถามเสียงแข็ง
“อ๋อ พ่อฉันเป็นคนเชิญมาน่ะ เขาเป็นคนบริจาคเงินให้กับเด็กยากไร้สูงที่สุดเลยนะ”
ยิ่งฟังยิ่งหงุดหงิด คาเอลมาเพื่อทำลายเธอและสามีจริงๆ คนอย่างพิมพ์วลีไม่เคยยอมให้ใคร ในเมื่อไม่สนใจกันเธอจะไม่ไว้หน้าเหมือนกัน
พิธีกรขึ้นมาบนเวที แสงไฟในห้องโถงกลางหม่นลง การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ คาเอลจดจ้องไปยังเบื้องหน้ามองดูงานศิลปะมากมายถูกนำมาตั้งเรียงไว้
“เอาล่ะครับ ทางสมาคมจะขอเริ่มงานประมูล ณ บัดนี้”พิธีกรประกาศ
ภาพวาดสีน้ำมันถูกนำขึ้นมาตั้งโชว์ รูปสาวน้อยยืนอย่างเดียวดายใต้ต้นไม้ใหญ่เรือนผมและชุดแซกสีขาวปลิวไสวตามแรงลม หมวกใบใหญ่ถูกจับไว้มั่น คาเอลมองดูราวกับต้องมนต์สะกด รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมเขาไว้กับภาพนั้น
“ราคาเริ่มต้นที่สองแสนบาทนะครับ จะเริ่มประมูล ณ บัดนี้ครับ”เสียงเคาะเริ่มการประมูลดังขึ้น
“สองแสนห้าครับ”มีคนเสนอ
“สามแสนบาท!”
“สี่แสนครับ”
