บทที่ 11 เส้นทางแห่งความมืด
ความจริงพวกเขาไม่ต้องการภาพวาด เพียงแต่ต้องการอวดร่ำอวดรวยกันเท่านั้น ซึ่งใครต่างก็รู้ดีงานการกุศลในครั้งนี้จัดทำขึ้นเพียงเพื่อแสดงฐานะทางการเงินเท่านั้น
“ห้าแสนบาท!”
คาเอลมองดูรอบๆ อยากรู้ราคามันจะขึ้นสักเท่าไหร่
“หกแสนบาท”
“สองล้าน!”เสียงหนึ่งตะโกนแทรก คาเอลหันมองเห็นฟาเบียนยกมือ
อา... ไอ้หมอนี่มันอยากได้งั้นเหรอ ดันมาถูกตาต้องใจกับสิ่งที่เขาต้องการอีกแล้ว แบบนี้คงต้องแข่งกันหน่อยแล้ว
“ห้าล้านครับ!”คาเอลยกมือบ้าง หันไปกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะกับอีกฝ่าย
“สิบล้านครับ!”ฟาเบียนไม่ลดละ
“สามสิบล้านครับ”
แขกเหรือในงานเริ่มส่งเสียงฮือฮา เพราะไม่คาดคิดภาพวาดศิลปินโนเนมจะมียอดการประมูลเยอะขนาดนี้
“ห้าสิบล้านครับ!”ฟาเบียนยังคงประมูลต่อ
“หนึ่งร้อยล้าน!”คาเอลประกาศกร้าว
อีกฝ่ายหันมองแววตาแค้นเคือง “สองร้อยล้าน”
พิธีกรเลิ่กลักเมื่อเห็นยอดเงินอันมหาศาล ไม่อยากเชื่อว่างานนี้เพียงภาพเดียวเรียกเงินได้นับร้อยล้านได้
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่ายอดประมูลจะมากมายขนาดนี้”พิธีกรประกาศ
“ผมสามารถประมูลได้เรื่อยๆ จนกว่าจะชนะนั้นแหละครับคุณพิธีกร”คาเอลบอก แล้วยิ้มพราย ผู้คนในงานส่งเสียงยินดี “ถ้าอย่างนั้นผมขอประมูลเป็นห้าร้อยล้าน!”
ฟาเบียนอ้าปากจะประมูลต่อ พิมพ์วลีจับท่อนแขนเขาไว้
“คุณจะบ้าหรือไง เงินพ่อฉันนะไม่ใช่เงินคุณ!”
“แต่มัน...”
“คุณจะเอาเงินมาละลายเล่นไม่ได้นะ หยุดเดี๋ยวนี้เลย”
“คุณไม่อยากชนะเหรอ”
“คุณคิดว่าเรามีเงินสู้กับคาเอลได้เหรอ!”
พิธีกรมองดูภาพรวม เมื่อไม่เห็นมีคนยกมือ เขาใช้ไม้ทุบลงบนแท่นเพื่อจบการประมูล
“เป็นอันจบการประมูล ภาพวาดสาวน้อยเดียวดายในราคาห้าร้อยล้านบาทตกเป็นของคุณคาเอล เดอร์มินอฟนะครับ”
ชายหนุ่มก้มศีรษะแล้วสาวเท้าออกมานอกงาน อังเดรและคาลยืนคุ้มกันเจ้านายไม่ห่าง เสียงฝีเท้าด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหันมอง สาวร่างสูงโปร่งมายืนเคียง ริมฝีปากหยักลึกแย้มยิ้มแม้ใจรู้สึกไม่อยากวุ่นวายก็ตาม หน้ากากเขาสามารถสวมใส่มันได้ตลอดเวลา ไม่ว่าตอนไหนก็ตาม
“มาทำอะไรนอกงานคะคุณคาเอล”
“ผมอยากออกมาสูดอากาศสักหน่อย”
“ไม่ประมูลต่อเหรอคะ เผื่อมีของที่อยากได้อีก”นับดาวแนะนำ
“ไม่ล่ะครับ”
หญิงสาวลังเลเล็กน้อย แล้วสบตาเขาโดยตรง เธอรู้สึกใจเต้นแรงยามได้ชิดใกล้ชายคนนี้
“ถ้าคุณว่าง เราไปทานข้าวด้วยกันหน่อยไหมคะ”
คนถูกถามยกยิ้ม “ได้ครับ ถ้าผมว่างนะครับ”
“ค่ะ ดาวขอตัวก่อนนะคะ”เธอบอกแล้วสาวเท้าออกจากบริเวณนั้น
อังเดรก้าวมายืนเคียงเจ้านาย
“ไม่ลองไปทานข้าวกับเธอหน่อยเหรอครับ บิดาเธอค่อนข้างมีอิทธิพลในเมืองไทยมากทีเดียว บางทีอาจจะช่วยให้งานคุณดำเนินไปอย่างรวดเร็วก็ได้นะครับ”
“ไม่ดีกว่าอังเดร ผู้หญิงคนนั้นยังไม่เหมาะที่จะใช้กำจัดเป้าหมาย”
“ครับ”
ใช่ว่าเขาไม่อยากใช้ แต่นับดาวเป็นผู้หญิงที่ดีเกินไป ไม่อยากให้คนเช่นนั้นต้องมาต้องอยู่ในวังวนการแก้แค้น การเล่นกับใจคนต้องมีขอบเขต ไม่ควรเอาคนดีเข้ามาเสี่ยง
“สะใจมากใช่ไหมที่ทำให้ฉันขายหน้า!”เสียงฟาเบียนตวาด คาเอลหันมองแล้วยิ้มเย็น คาลเอามือกั้นไม่ให้ทั้งสองเข้าหาเจ้านาย
“ปล่อยเขาคาล”
“ครับ”
“ผมไม่เข้าว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร!”ชายหนุ่มเสแสร้ง แล้วยิ้มหยัน
“ทำไมต้องแย่งประมูลภาพวาดนั้นด้วย ทำไมถึงไม่ประมูลภาพอื่นคาเอล!”
คนฟังเลิ่กคิ้วทำสีหน้าแปลกใจ เขาเองไม่ได้คาดหมายเหมือนกัน แค่ชอบก็เท่านั้นเอง
“ผมชอบยังไงล่ะครับ ผมถึงประมูล”
“แต่แกทำให้ฉันกับพิมพ์ต้องขายหน้า แกจงใจแย่งประมูล!”ฟาเบียนอดรนทนไม่ได้ ออกมาโต้เถียงอีกคน
คาเอลหัวเราะร่วน ไม่อยากเชื่อสองคนนี้จะร้อนตัวขนาดนี้ แค่เรื่องประมูลยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ผมขอบอกไว้สักอย่างนะครับ คุณสามารถประมูลชนะผมได้ ถ้าคุณมีเงินพอ” คาเอลเว้นระยะ แววตาเปลี่ยนไปเมื่อนึกถึงภาพน้องสาวยิงตัวตายในงานแต่ง วีดีโอที่เขาสืบเสาะยังจดจำคำพูดพวกมันสองคนได้ดี คำพูดทำร้ายจิตใจน้อง “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอในวันที่พวกคุณสองคนแต่งงาน น้องสาวผมมันจนเลยสู้พวกคุณไม่ได้ คุณพิมพ์วลี คุณเลยขับไล่ไสส่งน้องผมอย่างกับหมูกับหมา แล้ววันนี้ผมแค่ต้องการพิสูจน์สิ่งที่คุณคิดเป็นจริงรึเปล่าเท่านั้นเอง”
พอได้ยินคำพูดของคาเอล ต้นเหตุของเรื่องราวเลวร้ายเลยหลุบตามองพื้น ฟาเบียนสะท้อนในอกขึ้นมาหลักจากต้องเผชิญเรื่องราวหนักหนามาหลายครั้ง เขาไม่รู้ข่าวคราวมิร่าอีกเลย ตั้งแต่วันนั้นลูกในท้องเธอคงจบชีวิตลงด้วย
พิมพ์วลีกัดฟันความโกรธพุ่งทะยาน ใครจะคิดว่าชายคนนี้จะกลับมาแก้แค้นได้อย่างเจ็บแสบ แถมยังท้าทายกันซึ่งๆ หน้าเสียด้วย
“พิมพ์ไปกันเถอะ อย่าไปหาเรื่องเขาเลย”ฟาเบียนพยายามยุติปัญหา พอพูดถึงมิร่าแล้วหัวใจมันดันหวั่นไหวชอบกล
พิมพ์วลีสะบัดท่อนแขนออกจากสามี แล้วกอดอกเธอไม่มีวันยอม เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำหักหน้ากันถึงเพียงนี้
“น้องสาวคุณคงตายไปแล้วสินะ ไอ้เด็กในท้องนั้นด้วย ดีแล้วที่มันตาย ไม่อย่างนั้นฉันคงหาทางฆ่ามันแน่!”พิมพ์วลีประกาศกร้าวอย่างไม่กริ่งเกรง
“คุณพูดอะไรพิมพ์วลี!”ฟาเบียนร้องออกมาด้วยความตกใจ
ถ้อยคำหยามเหยียดสร้างแรงโทสะ มือหนาจับไหล่คนพูดแล้วดันจนชิดต้นไม้ใหญ่ ฟาเบียนถูกกักตัวโดยบอดี้การ์ดสองคนปืนถูกจอตรงแผ่นหลัง
“ถ้าแหกปากร้องผมยิง ไม่เชื่อลองดู คนอย่างผมไม่มีอะไรจะเสีย!”อัลเดรเริ่มขู่ ฟาเบียนเงียบกริบไม่กล้าปริปาก
“กะ...แกจะทำอะไร!”เสียงพิมพ์วลีสั่นเครือ
“ปากดีนักใช่ไหม!”คนตัวใหญ่ยกมือบีบแก้ม จนคนถูกกระทำเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
“ฉันเจ็บนะ!”พิมพ์วลีร้องบอกน้ำตาคลอ
