บทที่ 13 ชายผู้ไร้หัวใจ
พิมพ์วลีแสร้งถอนหายใจ ตีหน้าเศร้าเพื่อให้น้องสาวจำยอมต้องรับคำ
“พี่อยากพักผ่อนจริงๆ นะแพรว พี่แค่ให้แพรวมาทำแทนไม่กี่เดือนเดี๋ยวพี่ก็กลับมา เวลาแพรวเดือดร้อนต้องการพี่ พี่ยังมาทันที แต่เวลาพี่อยากให้แพรวช่วยแค่นี้แพรวทำให้พี่ไม่ได้เหรอ”
น้องสาวหน้าเครียด พี่สาวเล่นเอาบุญคุณมาอ้าง งานเธอยังค้างอยู่อีกมากหากไปทำงานแทนพี่สาวคงรับทำงานที่ตนเองรักไม่ได้สักพัก แต่ว่า... ยังไงเสียคงต้องยอมรับเพราะพี่พิมพ์เองก็รีบมาช่วยแม่ทันทีที่เธอโทรหา
“ก้ได้ค่ะพี่พิมพ์ แต่พี่ต้องกลับมาทำให้เร็วที่สุดนะคะ แพรวเองก็มีงานที่รับเอาไว้ด้วย”
“ได้ๆ พี่สัญญาแพรว พี่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”พิมพ์วลียิ้มกว้างด้วยความยินดี
“แล้วผมล่ะพิมพ์ ผมจะทำยังไง!”ฟาเบียนถามภรรยาเสียงเครียด เขาเองก็รู้หวั่นเกรงคาเอลเหมือนกัน ผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดาเลย
“คุณทำงานตามปกติไปเถอะค่ะ เชื่อฉันฟาเบียน ถ้าคุณไม่ทำงานพ่ออาจตำหนิเอาได้นะคะ”พิมพ์วลีพยายามหว่านล้อมสามี
“แต่ผม...”ชายหนุ่มพยายามปฏิเสธ
“นะคะ ทำต่อเถอะค่ะยัยแพรวก็อยู่ ถ้าคุณทำงานร่วมกับน้องสาวฉันบริษัทคงพัฒนาได้ไกลแน่ อยู่ช่วยงานน้องสาวหน่อยนะคะ”
คนถูกขอร้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แววตาหวาดหวั่น
“ก็ได้ครับ”เขารับปากอย่างเสียไม่ได้
พิมพ์วลียกยิ้มพึงพอใจ ก่อนหันมองน้องสาว
“แพรว พี่อยากให้แพรวใช้ชื่อพี่ทำงานนะ”
“ใช้ชื่อพี่พิมพ์เหรอคะ”
“ใช่จ๊ะ คนอื่นจะได้ไม่สับสน เวลาไปติดต่องานเข้าใจไหม”
“ค่ะ แพรวเข้าใจแล้ว”
“เรื่องแพรวทำงานแทนพี่ไม่ต้องบอกให้คนในบริษัทรู้นะ รู้กันแค่ในบ้านก็พอแล้ว เดี๋ยวพิมพ์ย้ายไปอยู่ที่บ้านกับพ่อเลย เดี๋ยวเรื่องแม่พี่จัดการเอง พี่จะย้ายแม่เข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพ”
“พิมพ์ต้องย้ายด้วยเหรอคะ”
“ถ้าไม่ย้ายจะเยี่ยมแม่ได้เหรอ”
“ก็ได้ค่ะพี่พิมพ์”หญิงสาวจำต้องตบปากรับคำ
แพรววรินชำเลืองมองพี่สาวและพี่เขย แม้รู้สึกแปลกที่พี่สาวต้องการให้ทำงานแทนแต่ไม่อยากถามอีก เธอไม่ค่อยอยากก้าวก่ายเพียงแต่ช่วยได้ก็จะทำเท่านั้น หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นล่ะนะ
บ้านไม้สองชั้นภายในร่มรื่นด้วยต้นไม่ใหญ่ สนามหญ้าหน้าบ้านมีเก้าอี้ปูนไว้พักผ่อน ด้านข้างมีบ่อเลี้ยงปลาขนาดเล็ก รั้วบ้านปลูกไม้ดอกให้สีสันสวยงาม แพรววรินสาวเท้าเข้าสู่ตัวบ้านภายในถูกแต่งแต่งอย่างเรียบง่าย โทรทัศน์เครื่องเล็ก เก้าอี้ไม้ตัวยาวและเก้าอี้เดี่ยวถูกตั้งไว้เคียงคู่กันสำหรับแขกมาเยือน
แพรววรินจับราวบันไดขึ้นสู้ชั้นสอง ห้องนอนถูกแบ่งเป็นสอง เธอจับลูกบิดเปิดประตูแล้วมุ่งตรงไปยังตู้เสื้อผ้าหยิบข้าวของเครื่องใช้จำเป็นออกมาแล้วหิ้วกระเป๋าลงจากบ้าน จัดการตรวจเช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง คาดว่าตนเองคงไปไม่นานเท่าไหร่ จัดการล็อกกุญแจเรียบร้อยแล้วก้าวออกมาเห็นรถสีดำจอดเทียบอยู่
“ผมมารับคุณตามคำสั่งท่านประธานครับ”ชายหนุ่มบอกกล่าว แพรววรินพยักหน้า
รถเคลื่อนออกจากบ้านหลังเล็กแล่นตามถนน เธอมองวิวรอบๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แม้พยายามหลีกหนีจากสถานที่อันแสนวุ่นวายแต่ดูเหมือนจะหนีไม่พ้น ต้องกลับมาเผชิญกับมันอีกครั้ง เมื่อเช้าพี่สาวโทรมาบอกย้ายแม่ออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยเธอเบาใจในเรื่องนี้ไปเปราะหนึ่ง
ประตูรั้วเหล็กเปิดออก รถเคลื่อนเข้าสู่คฤหาสน์หลังใหญ่ แพรววรินคุ้นกับมันพอสมควรเพราะเมื่อยังเล็กเธอเคยอยู่ที่นี่มาก่อน รถจอดเทียบหน้าบ้านมือจับประตูเปิดออกแล้วก้าวลง สาวใช้รีบรุดมายกกระเป๋าให้ทันที
“ยัยแพรว...”เสียงแผ่วแหบแห้งเรียก ชายวัยกลางคนกำลังลงบันไดด้านหน้ามาหาเธอ
มือบางกระพุ่มไหว้ “สวัสดีค่ะพ่อ”
“ไม่เป็นไรนะลูก เรื่องแม่”คนเป็นพ่อโอบไหล่บุตรสาวเพื่อปลอบ
“แม่ปลอดภัยแล้วค่ะพ่อ แพรวโล่งใจแล้วล่ะค่ะ”
“เข้ามาในบ้านก่อนลูก ไม่เจอกันนานพ่อคิดถึงเรานะ ไม่เห็นมาเยี่ยมกันบ้างเลย”พิพัฒน์บอกเสียงเศร้า
ร่างบางนั่งลงเคียงข้างบิดาบนโซฟากำมะหยี่ตัวยาวในห้องนั่งเล่น สาวใช้นำน้ำผลไม้และขนมไทยมาเสริฟ์ให้ ดวงตาเรียวสวยช้อนมองบิดา เห็นสีหน้าแช่มชื่น เธอเข้าใจว่าพ่อรักลูกมากแต่สิ่งที่ไม่ชอบคือการที่พ่อนอกใจแม่
“พี่พิมพ์ล่ะคะพ่อ ไปไหนแล้ว”
“พิมพ์ไปต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วลูก พ่อรู้เรื่องที่แพรวจะมาทำงานแทนพิมพ์แล้วนะ”
มือบางหยิบน้ำผลไม้ขึ้นจิบ เธอสงสัยการกระทำของพี่สาวมันผิดปกติ พี่ไม่เคยมายุ่งวุ่นวายเรียกร้องให้เธอทำงานเลยสักครั้ง เธอกับพี่แค่พูดคุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบไม่มีเรื่องอื่น
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะพ่อ พี่พิมพ์ดูท่าทางไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่”เธอถามบิดาเสียงเครียด อยากรับรุ้ความจริง หากมีปัญหาจะได้รับกับสถานการณ์ได้ทัน
“พ่อก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอกแพรว ลูกต้องไปดูงานที่บริษัทแล้วจะเข้าใจเอง”สีหน้าบิดาดูเครียดมาก ไม่เข้าใจมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
