บทที่ 14 ชายผู้ไร้หัวใจ
พิพัฒน์ชำเลืองมองบุตรสาวคนเล็ก หน้าตาเหมือนพี่สาวไม่มีผิดเพี้ยนแต่นิสัยนั้นแตกต่าง แพรววรินค่อนข้างห้าวเป็นสาวลุยไม่ค่อยแต่งตัว แต่ใช้ว่าแต่งไม่เป็น เหมือนเธอไม่อยากเอาตัวเปรียบกับพี่สาว แต่เรื่องการทำงานพ่ออย่างเขายอมรับในความสามารถ เพราะเมื่อก่อนเคยให้ลูกสาวคนนี้มาช่วยงานในช่วงบริษัทกำลังอยู่ในวิกฤต
แพรววรินร่วมมือกับพนักงานทำให้มันผ่านพ้นไปได้ จากนั้นลูกก็ออกเดินเส้นทางที่ตัวเองรักแทน เขาไม่เคยห้ามความต้องการของลูก เพียงแต่เสียงดายฝีมือและสมองอันชาญฉลาดเท่านั้นเองแต่ยังไม่เบาใจเลย ลูกจะสามารถขับเคี่ยวกับชายที่ชื่อคาเอล เดอร์มินอฟได้หรือไม่
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้หนูจะเข้าบริษัทเลยนะคะ แพรวจะเข้าทำงานโดยใช้ชื่อพี่พิมพ์นะคะพ่อ พี่พิมพ์ขอร้องมาแบบนั้น”
“ได้จ้ะลูก”
เสียงฝีเท้าจากชั้นบนดังแว่วร่างสูงกำยำสาวเท้าลงมา เมื่อเห็นใบหน้าหญิงสาวละม้ายคล้ายภรรยาเลยตกใจครู่หนึ่งจึงปรับสีหน้าตามเดิม แพรววรินแตกต่างตรงการแต่งกาย เธอไม่แต่งตัวเหมือนพี่สาวเลย ลูกเขยก้าวมาหาพ่อตาแล้วยกมือไหว้ตามธรรมเนียมไทย
“ผมไปทำงานก่อนนะครับคุณพ่อ”
“ครับ”
แพรววรินออกจากห้องนั่งเล่นขึ้นชั้นสองเปิดประตูห้องพี่สาว จัดการอาบน้ำชำระร่างกาย เดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าเห็นข้าวของมากมาย แต่ละชุดมันดูเซกซี่ทันสมัยราคาแพงเกือบทั้งหมด คนตัวเล็กถอนหายใจเธอไม่ชอบเลย หยิบชุดเดรสรัดรูปเว้าช่วงอกออกมา ตัดใจใส่เพราะโป๊ไม่มากเท่าไหร่ตัวอื่นทำเอาเธออึดอัดเลยทีเดียว ก่อนหยิบเครื่องสำอางตกแต่งใบหน้าตนเอง
หยิบกระเป๋าสะพายสีดำใส่ข้าวของจำเป็นของตนเอง จับรองเท้าสีเข้าชุดออกมาพร้อมแล้วลงชั้นล่าง เห็นบิดาแต่งชุดสูทเรียบร้อยแล้ว
“ไปพร้อมกับพ่อเลยไหมแพรว”
“แพรวขับรถไปเองค่ะพ่อ”
“จ้ะ งั้นพ่อไปก่อนนะ”พิพัฒน์บอกบุตรสาวแล้วขึ้นรถประจำตำแหน่ง
รถเบนซ์สีเขียวอ่อนถูกขับเคลื่อนออก ถึงตึกบริษัทไอดีลอนแพววรินจอดรถในลานกว้าง แล้วเร่งก้าวจนถึงลิฟท์พนักงานหลายคนยกมือไหว้ เธอพยักหน้ารับ ลิฟท์โดยสารหยุดที่ชั้นสิบเก้าเธอก้าวออก เดินเข้าห้องทำงานพี่สาวแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หนัง
ยกหูโทรศัพท์ติดต่อเลขาหน้าห้องพี่สาว รู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจตั้งแต่เข้ามา แม้สายตาเหลือบเห็นพนักงานด้านหน้าเอาแต่แต่งหน้าทาปาก ความสนใจต่องานแทบไม่มี เธอเห็นภาพเหล่านี้มานานแล้ว ชอบประจบพี่สาว พี่พิมพ์เองชอบอกชอบใจ เลยปล่อยปละละเลย แบบนี้จ้างมาทำงานทำไมกัน
“สวัสดีค่ะคุณพิมพ์”เลขาหน้าห้องรับสาย
“คุณวรรนวลีไปขอแฟ้มเอกสารกับฝ่ายบัญชีเรื่องบดุลบริษัท แล้วก็แฟ้มลูกค้าของไอดีลอนมาให้หน่อย”
“คุณพิมพ์จะเอาไปทำอะไรคะ!”เลขาย้อนถาม เพราะไม่อยากเคลื่อนที่ไปยังแผนกไหนเลย
“จะเอามาตรวจสักหน่อยน่ะ”
“แหมคุณพิมพ์ ไม่ต้องตรวจหรอกค่ะ ฝ่ายบัญชีเรากับฝ่ายการตลาดทำงานยอดเยี่ยมออกค่ะ”
“ฉันบอกให้เอามาก็เอามาคุณวรรนวลี วันๆ ไม่คิดจะขยับตัวไปไหนเลยหรือไง!”
ปลายสายสะดุ้ง รู้สึกแปลกใจกับอารมณ์ของเจ้านายในวันนี้
“ได้ค่ะ จะรีบเอามาให้นะคะ”วางสายจากเจ้านายแล้วรีบลุกจากเก้าอี้ประจำตำแหน่งทันที
รองประธานจำเป็นกุมขมับ เวลาผ่านไม่ถึงชั่วโมงเธอปวดหัวจนแทบอยากหนีแล้ว งานจำพวกนี้ไม่เหมาะให้ทำเลย มันทั้งยุ่งยาก เรื่องมาก ไม่เหมือนงานศิลปะที่ตนชอบสักนิด ประตูห้องทำงานเปิดออก แฟ้มเอกสารถูกขนมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน
“ขอบคุณมาก ออกไปได้แล้ว”เธอบอกลูกน้องพี่สาวเสียงห้วน
“ค่ะ”
วรรนวลีมองรองประธานด้วยความมึนงง วันนี้นิสัยเปลี่ยนราวกับคนละคน ปกติแห่งเอาแต่แต่งแต้มใบหน้า วันนี้กลับทำงานเอาจริงเอาจัง สงสัยผีจะสิงซะล่ะมั้ง
แพรววรินหยิบเอกสารเช็คผลกำไรในปีนี้ทั้งหมด ทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่ทว่าเมื่อเปิดแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับลูกค้ารายใหญ่กลับต้องผงะ หมายความว่ายังไงทำไมสองบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ไม่ทำสัญญาต่อ หยิบโทรศัพท์ติดต่อเลขาหน้าห้องอีกครั้ง
“ค่ะคุณพิมพ์”ปลายสายกัดฟันด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ที่ต้องคอยรับโทรศัพท์ตลอดเวลา
“ช่วยตามตัวผุ้จัดการฝ่ายการตลาดมาพบฉันหน่อย”
“ได้ค่ะ”
เสียงประตูห้องทำงานเปิดออก บรุษร่างสูงโปร่งสาวเท้าเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า แพรววรินเงยหน้าจากแฟ้มแล้วผายมือเพื่อเชิญให้นั่ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดนามสมภพทำตาม
“เรียกพบผมมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ คุณพิมพ์วลี”สมภพถามเสียงเข้ม
“พอดีฉันมีเรื่องอยากจะถามเท่านั้นค่ะ ไม่ได้มีปัญหารายแรงอะไร”
“เชิญถามได้เลยครับ”
เธอหยิบแฟ้มเอกสารสามแฟ้มมาเปิด และเปรียบเทียบให้ผู้จัดการเข้าใจ
“นี่คือสถิติของลูกค้าในแต่ละเดือน แต่เดือนนี้ทำไมเราถึงเสียลูกค้ารายใหญ่ถึงสองรายกันคะ เขาหมดสัญญาแต่ทุกครั้งจะต่อสัญญากับเราไม่ใช่เหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะคุณสมภพ”เธอถามเสียงเครียด
สมภพเม้มริมฝีปากสีหน้าไม่สู้ดี เขาเองก็จนใจเมื่อเจอคู่แข่งตอกกลับหน้าหงายมา
“ทางเราเดินทางไปเซ็นสัญญาต่อครับ แต่ว่าวันนั้นมีบริษัทอื่นเข้ามาพรีเซนต์งานให้ทางบริษัทโมเมนต์” สมภพเว้นช่วง แล้วชำเลืองมองเจ้านายสาว “ทางนั้นเขานำเสนอระบบอัจฉริยะ ที่ล้ำหน้าของเราไปมากทำให้โมเมนต์ไม่สนใจทำสัญญาต่อ”
