บทที่ 18 ชายผู้ไรัหัวใจ
ร่างบางสาวเท้าหยุดข้างเขา คาเอลลุกยืนเผชิญหน้าแววตาเย็นเฉียบ
เพียะ!
เสี้ยวหน้าชาหนึบคาเอลขบกรามแน่น เพราะไม่ทันระวังไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำแบบนี้ แสดงว่าไม่เกรงกลัวต่อกันเลยสินะ หันกลับจ้องมองแววตาแข็งกร้าวใบหน้าเรียวคมแสดงถึงความโกรธอย่างเด่นชัด
“ตบหน้าฉันเหรอพิมพ์วลี เอามือโสโครกมาตบหน้าฉันงั้นเหรอ!”เขาตวาด คนฟังสะดุ้งผงะถอยหลังสีหน้าตระหนก
ร่างสูงใหญ่ขยับกายเข้าประชิด แววตาดั่งไฟลุกโชนพร้อมจะแผดเผาทุกอย่าง
“อย่าเข้ามานะ!”
“ฉันว่าจะไม่แล้วเชียว เพราะเธอตัวเธอมันคือที่สำหรับสิ่งโสมมมารวมกัน แต่วันนี้ฉันจะทำให้เธอจำไปจนวันตาย อย่าได้กล้ามาตบหน้าอีก!”เขาเข่นเขี้ยว
“คุณจะทำอะไร ฉันเป็นผู้หญิงนะ ถ้าคุณทำร้ายฉันเท่ากับว่าคุณทำร้ายเพศที่อ่อนแอกว่า!”เธอบอกเสียงสั่น พยายามหาทางเอาตัวรอด ตนเองพลั้งมือไปแล้วมาคิดได้ก็สาย
“เธอนะเหรออ่อนแอ ฉันไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาดพิมพ์วลี เธอจะได้สำเหนียกตัวเองใหม่เสียที!”
คนตัวเล็กรับรู้ถึงอันตรายถอยหลังหาช่องทางหนี สบตาเขาแม้รู้สึกกลัว แต่ไม่กล้าละ เพราะคิดว่าหากตนเองพลาดคงโดนขย้ำทันที ตั้งท่าก่อนกระโจนหนีอย่างรวดเร็ว
หมับ!
เอวบางถูกรวบ “กรี๊ด!”เธอกรีดร้องดิ้นรน
ร่างบางถูกโยนลงบนโซฟาตัวยาว ทาบทับด้วยเรือนร่างบุรุษเพศ มือบางยกขึ้นผลักดันสีหน้าตื่นกลัว
“อย่านะ อย่า!”
“เธอจะจำวันนี้ไปจนวันตาย จำใส่กะลาหัวตัวเอง มือสกปรกของเธอไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องใบหน้าของฉัน มีแต่ฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้กับเธอ!”คาเอลบอกเสียงรอดไรฟัน ก้มมองร่างเย้ายวน
แควก!
ชุดเดรสถูกฉีดขาด ไม่มีคำพูดจากปากเขาอีก มีเพียงแววตาเหี้ยมเกรียม เธอกลัวมากเหลือเกินหัวใจกำลังเต้นกระหน่ำ ร่างกายสั่นสะท้าน
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยแตะจมูก พิมพ์วลีเคยเข้าใกล้เขามาหลายครั้งแต่ดูเหมือนกลิ่นนี้ไม่คุ้นเลย ทรวงอกอวบอิ่มภายใต้บราเซียลูกไม้สีดำเผยต่อสายตา มือหนาจับบีบอย่างจงใจให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แพรววรินเบ้หน้าน้ำตาคลอ ขนาดมีสามีแล้วร่างกายเธอกลับเต่งตึงจนน่าประหลาดใจ
เลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมา ตัวตนแน่นขนัดแข็งขืน ไม่อยากเชื่อเมื่อก่อนเขาไม่เคยมีความรู้สึก คิดแค่ว่าเธอคือผู้หญิงต่ำไร้ยางอายเท่านั้น แต่ตอนนี้ร่างกายมันกลับต้องการจนแทบอดทนไม่ไหว มือบางยกตีเป็นพัลวันน้ำตาเริ่มไหลนอง คาเอลมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย อะไรกันผู้หญิงคนนี้ทำไมดูแปลกตาไป
“อย่าทำอะไรฉันเลย ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ...”เธออ้อนวอนเสียงแผ่ว นี่เธอกำลังจะถูกข่มขืนงั้นเหรอ
คาเอลปลดเนคไทมัดข้อมือบางไว้ คนตัวเล็กหมดหนทางต่อสู้ เมื่อร่างกายมิอาจขยับได้อย่างใจ เธอไม่น่าก้าวเข้ามาที่นี่ให้ตัวเอง จนต้องเผชิญเคราะห์กรรมเลย
ใบหน้าเรียวคมโน้มเข้าหาอยากลองลิ้มชิมรสศัตรูให้สาแก่ใจ ผู้หญิงแบบนี้ไม่จำเป็นต้องปราณีอะไร ที่ทรวงทรงองเอวยังหน้ามอง ผิวพรรณยังผุดผ่องหากไม่เสียเงินทำคงไม่มีอะไรมากกว่านี้
“อื้อ!”หญิงสาวร้องครางประท้วงปิดปากแน่น
มือข้างหนึ่งบีบปลายคางให้ยอมรับการรุกราน ลมหายใจถูกดูดกลืนเรียวลิ้นกระหวัดแทรกมาทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังหลอมละลาย จูบแรกที่ได้สัมผัสมันพาให้ร่างกายร้อนวูบวาบ มือใหญ่ช้อนแผ่นหลังปลดตะขอบราเซียทรวงอกอวบอิ่มเนื้อแท้เผยต่อสายตา แพรววรินพบว่าตนกำลังเข้าใกล้สิ่งที่ไม่ปรารถนา
ชุดถูกรั้งออกจากเรือนร่าง แพรววรินตระหนักถึงหนทางรอดอันเลือนราง ร่างกายสั่นเทาจนคนตัวใหญ่สัมผัสได้ น่าแปลกผู้หญิงอย่างพิมพ์วลีไม่น่ากลัวการจับต้อง แต่ใครจะสนกันเขาจะทำให้เธอร้องแทบขาดใจเลยทีเดียว
“ฉันจะฆ่าคุณ”เธอบอกเสียงแผ่วเบา
เขายิ้มแล้วก้มลงฉกชิมดูดดื่มกับทรวงอกอิ่ม ใบหน้าเรียวสวยแดงซ่าน ทุกอย่างมันโปร่งเบาร่างกายเหมือนล่องลอยอยู่ เธอไม่อยากตกอยู่ในวังวนสิเน่หา ไม่อยากปรนเปรอให้กับศัตรู อยากหลับลงตรงนี้ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ชายหนุ่มรู้สึกผิดปกติ เมื่อเห็นเธอเลิกต่อต้าน ผงกศีรษะมองคนสิ้นฤทธิ์เห็นดวงตาปิดสนิท
พิมพ์วลีสลบไปแล้ว
ร่างสูงผละห่าง จ้องมองด้วยความเดือดดาล อารมณ์เขาแทบหยุดไม่อยู่
“เป็นลมงั้นเหรอ”เขาเสยผมด้วยความหงุดหงิด
ไม่อยากเชื่อเลยผู้หญิงอย่างพิมพ์วลีจะเป็นลมเพราะโดนปล้ำ คิดว่าอาจสู้ศึกได้นานกว่านี้เสียอีก อยากให้ไอ้ฟาเบียนมันเห็นจริงๆ ร่างสูงกอดอกมองเรือนร่างสมส่วน เหลือเพียงชิ้นส่วนเดียวที่เขาไม่ได้ถอดออก มิน่าฟาเบียนมันหลงนัก เขาก็แทบคุมสติตนเองไม่อยู่
เห็นร่างเกือบเปลือยนอนอยู่มันพาลให้เลือดลมติดขัด ตัดสินใจหยิบผ้าห่มในห้องนอนตนเองออกมาโยนคลุมกาย แล้วนั่งทำงานต่อระหว่างทำงานดันไม่มีสมาธิเลย คาเอลลุกยืนเผลอปรายตามอง ไม่เข้าใจตนเองเลยเป็นอะไรนักหนา สุดท้ายเลยต้องเดินเข้าห้องนอนตนเองหยิบเชิ้ตตัวยาวสวมให้
คาเอลช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนก้าวออกมานอกห้อง บอดี้การ์ดคนสนิทยืนงุนงงกับภาพเบื้องหน้า เมื่อครู่เขาเองได้ยินเสียงร้องแต่ไม่คิดว่าเจ้านายจะรุนแรงจนสลบแบบนี้
“ไปเอารถออกหน่อยอัลเดร ฉันจะเอาของไปฝากบ้านตรงข้ามสักหน่อย”เขาบอกแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้ครับ”
แพรววรินถูกวางไว้บนเบาะหลังตามด้วยเจ้าของรถก้าวขึ้นนั่งจับศีรษะหนุนตัก อัลเดรเคลื่อนรถจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ตระกูลปัทมพิสุทธิ์ แต่มันยังคงปิดสนิทไม่ต้องรับผู้มาเยือน ยามด้านหน้าลุกยืนเดินเข้ามาหา
“มาทำอะไรครับ”เขาถามขณะสอดส่องสายตามองผ่านกระจกติดฟิล์ม
คาเอลเปิดกระจก “พาคุณหนูของที่นี่มาส่งน่ะครับ”
