บทที่ 6 เส้นทางแห่งความมืด
“คุณฟาเบียนครับ บริษัทเราไม่ไหวแล้วนะครับ ขาดทุนแม้แต่เงินเดือนพนักงานยังแทบไม่มีจ่ายแล้วตอนนี้!”ไมเคิลบอกนายเสียงเครียด
“ฉันรู้แล้ว!”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับ”
มือยกขึ้นกุมขมับพยายามทำโปรเจคใหญ่เพื่อหวังกอบโกย แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวเงินจากบริษัทไอดีลอนหมดหายภายในพริบตา ก้อนสุดท้ายคือเงินเดือนพนักงาน ควรทำอย่างไรดีไม่อยากปิดบรษัทที่สร้างมาด้วยมือตัวเองเลย
“เงินเหลือเท่าไหร่ตอนนี้”ถามลูกน้องเสียงเครียด
“สองพันล้านครับ”
“หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเท่าไหร่”
“เหลือประมาณห้าร้อยล้านครับคุณฟาเบียน”
กัดฟันข่มความเจ็บปวด ใช่แล้ว... เขารู้ดีจุดจบในวันนี้มาเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ฝีมือไอ้คาเอล มันตามกัดไม่ปล่อยสกัดกั้นทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ
“จัดการทำสัญญาเลิกจ้าง จ่ายเงินเดือนพนักงานล่วงหน้าสามเดือนให้เรียบร้อยด้วย”ฟาเบียนสั่งงาน นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาพอจะทำได้
“ครับคุณฟาเบียน”
คาเอลกระตุกยิ้มมุมปาก เขาเดินทางมาเกือบครึ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนหากไม่ผิดจากที่คาดการณ์ฟาเบียนต้องไปทำงานร่วมกับบริษัทไอดีลอนที่ประเทศไทยแน่ ตอนนี้ฝึกเรียนภาษาไทยมาเกือบปีดูเหมือนเขาจะพูดคล่องมากเสียด้วย
ตอนนี้เขากำลังจะเปิดสาขาที่ประเทศไทย และอเมริกา อยากได้พนักงานมีฝีมือ บริษัทซีเจคเองก็มีพนักงานใช้ได้หลายคน หากเรียกตัวมาคงไม่ปฏิเสธแน่ หยิบโทรศัพท์เพื่อติดต่อเลขาหน้าห้อง
“ค่ะท่านประธาน”
“ประกาศรับสมัครพนักงาน ในตำแหน่งฝ่ายผลิตสองพันคนให้ทีนะครับ”
“ฝ่ายผลิตสองพันคนเหรอคะ!”
“ใช่ครับ”
“ได้ค่ะท่านประธาน”
อังเดรมองเจ้านายด้วยความงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะเปิดรับพนักงานมากขนาดนั้น
“ทำไมถึงรับมากขนาดนั้นล่ะครับ”
“ฉันกำลังจะเปิดบริษัทผลิตมือถือ แล้วก็คอมพิวเตอร์รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เลยต้องรับพนักงานฝ่ายผลิตน่ะสิ”ชายหนุ่มอธิบาย
เขาไม่เคยได้ข่าวมาก่อนเลย ว่าท่านประธานจะเปิดบริษัท ขนาดอยู่ใกล้ชินกันพอสมควร
“ท่านประธานไปวางแผนมาตอนไหนครับ”อังเดรลอบถาม
“ก็พักใหญ่แล้ว พอดีมีคนไว้ใจจัดการเรื่องโรงงานให้ ฉันแค่ออกแบบผลิตภัณฑ์บางส่วนแล้วก็นำเสนอแนวคิดกับพนักงานเท่านั้นเอง”
อยู่ด้วยกันหลายเดือนสำหรับอังเดรก็เชื่ออยู่ว่ามีฝีมือ แต่ไม่อยากเชื่อว่ามีความสามารถในการปกปิดข่าวเสียด้วย
“ผมว่าผมเลือกนายไม่ผิดเลยนะครับ”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”คาลสนับสนุน
“ชมฉันไปก็ไม่ได้โบนัสเพิ่มหรอกนะ”ชายหนุ่มพูดติดตลก
คาเอลยกท่อนแขนดูเวลาแล้วลุกยืน หยิบสูทสวมทับแล้วจัดให้เรียบร้อย มองบอดี้การ์ดทั้งสองคน
“พวกนายสองคนไปเตรียมตัวด้วย อีกสองวันเราจะเดินทางไปเมืองไทยกัน”
“ได้ครับ”สองคนรับปากทันที
ร่างสูงสาวเท้าออกจากห้องทำงาน เป้าหมายต่อไปของเขาคือเมืองไทย และการเข้าควบกิจการไอดีลอนไม่นานหรอกพิมพ์วลีและฟาเบียนจะต้องอับจนหนทาง และกลายมาเป็นหมาจนตรอกที่ต้องคลานมาหมอบแทบเท้าเขา
ฟาเบียนหยุดยืนหน้าตึกอันเคยเป็นบริษัทใหญ่โต มันเคยมีผู้คนเดินผ่านไปมามากมาย แต่ทว่าเวลานี้กลับเงียบเหงา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เวลาผันผ่านไม่นาน ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็ว แม้พยายามอย่างมากมายแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ มันอาจเป็นผลกรรมที่เขาได้ก่อไว้
หลายเดือนเขาพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลังหาลูกค้าเพื่อพยุงบริษัทแต่กลับถูกฟรีดอมตัดหน้า โปรแกรมที่เขียนไม่สามารถเอาชนะได้เลย คาเอลมีฝีมือระดับโลก เป็นแฮกเกอร์ตัวฉกาจมาก่อน การเรียนระดับท๊อป แล้วคนอย่างเขาจะเอาชนะอัจฉริยะอย่างนั้นได้อย่างไร
รถจอดเทียบหน้าตึกอดีตบริษัทเคยเฟื่องฟู พิมพ์วลีเปิดกระจกรถสีหน้าบึ้งตึง เธอหงุดหงิดตั้งแต่สามีทำให้บริษัทตนเองเจ๊ง เลยทำให้พลอยลำบากเป็นขี้ปากชาวบ้าน
“คุณฟาเบียนขึ้นรถได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเราไปสนามบินสาย!”พิมพ์วลีบอกเสียงแข็ง
“ครับ”
คนเป็นสามีเปิดประตูนั่งลงเคียงข้างภรรยา มองภาพสุดท้ายของบริษัทที่ตนเองเคยสร้างด้วยความอาลัย ครึ่งชั่วโมงถัดมารถจอดเที่ยบหน้าสนามบิน บอดี้การ์ดหิ้วกระเป๋าไปส่งด้านในสองร่างนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้
“พิมพ์คุณติดต่อพ่อคุณไว้แล้วใช่ไหม”ฟาเบียนถาม สีหน้ากังวล
“ก็ติดต่อแล้วนะสิคะ พ่อบอกให้คุณไปทำงานกับท่านที่ไทย ไอดีลอนไม่ได้ล้มง่ายๆ หรอกนะคะ เรามีหลายสาขาแถมยังมีหุ้นส่วนมากมาย บริษัทในเครืออีกเยอะแยะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”มือใหญ่เอื้อมกุมมือบางไว้ แววตาขอบคุณ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ก็พิมพ์เป็นภรรยาคุณนี่คะ” ปลายเสียงติดประชด “แต่พิมพ์ไม่ชอบใจเลย ทำไมคุณถึงได้แพ้ผู้ชายคนนั้น”
