บทที่ 9 เส้นทางแห่งความมืด

ตึกสามสิบห้าชั้น ถูกจัดงานเปิดตัวบริษัทฟรีดอมแพลนเนทอย่างยิ่งใหญ่ นักธุรกิจแนวหน้ามากมายของเมืองไทยมาร่วมงาน ร่างสูงใหญ่สวมสูทสีเทายืนต้อนรับแขกในงาน พิธีกรเริ่มขึ้นบนเวที และประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเปิดบริษัทลูกยังเมืองไทย คาเอลถูกเชิญขึ้นด้านบนเวที เสียงฮือฮามากมายเมื่อเห็นใบหน้าอันแท้จริงของเขา ช่างภาพกดชัตเตอร์กันไม่หยุดเพื่อนำไปเป็นข่าวตามหน้าหนังสือธุรกิจ

“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดบริษัทฟรีดอมแพลนเนทสาขาที่เมืองไทยนะครับ ผมก่อตั้งนริษัทฟรีดอมแพลนเนทและประสบความสำเร็จอย่างมากภายในเวลาหนึ่งปี การที่ผมเดินหน้าอย่างก้าวกระโดนมาได้เพราะผมมีจุดมุ่งหมาย และน้องสาวคือแรงบันดาลใจเพียงหนึ่งเดียว”

“น้องสาวเป็นแรงบันดาลใจให้คุณยังไงคะ”นักข่าวตะโกนถามขึ้นมา

“น้องสาวของผมนอนเป็นเจ้าหญิงนิททราเพราะถูกทำร้าย ผมอยากตามล่าพวกมันแต่เพราะพวกมันมีอำนาจมาก ผมเลยทำอะไรไม่ได้ในเวลานั้น แต่ตอนนี้ผมมีทุกอย่างแล้วผมสามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้แล้ว”

เสียงผู้คนในงานฮือฮากับเรื่องราวไม่คาดฝัน คาเอลยกยิ้มพึงพอใจกับการประกาศสงครามของตนเอง เขาหวังให้พวกมันได้รู้ข่าวนี้ จะได้อยู่กันอย่างไม่เป็นสุข

“พอจะบอกได้ไหมครับว่าคนพวกนั้นเป็นใคร”นักข่าวถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมคงบอกไม่ได้หรอกครับ แต่ผมยืนยันว่าสักวันพวกคุณจะรู้”

พิธีกรหันมาสบตากับเจ้าของงาน เห็นเขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต “เอาล่ะครับ เราหยุดคำถามไว้เพียงเท่านี้ดีกว่า มาเริ่มงานเปิดอย่างเป็นทางการกันนะครับ”

ริบบิ้นเปิดบริษัทถูกตัดแขกภายในงานดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่มราคาแพง คาเอลแยกห่างออกจากบริเวณนั้นขึ้นสู่ชั้นสองเพื่อพักผ่อน เสียงโทรศัพท์มือถือเขาดังขึ้นเจ้าของเครื่องกดรับ

“ว่าไงคาล!”

“เป็นอย่างที่คุณคาดการณ์เลยครับ ผมจับคนร้ายได้มันจะมาวางระเบิดที่งาน”

“งั้นเหรอ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“อยู่ห้องทำความเย็นด้านหลังครับ”

“เอามันขึ้นมาข้างบน ฉันอยากจะถามอะไรมันหน่อย ใช้ลิฟท์ส่วนตัวของฉันได้เลย!”

“ครับคุณคาเอล”

ชายหนุ่มวางสายจากลูกน้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเสี่ยงอันตรายด้วย หากเขาต้องการขยายอิทธิพลในเมืองไทย จำต้องสร้างชื่อเสียงแต่มันเหมือนดาบสองคม ศัตรูยิ่งรู้การเคลื่อนไหวของเราอย่างง่ายดาย

ร่างสันทัดถูกลากตามทางอย่างไร้ปราณี ประตูห้องพักเปิดออกคาเอลมองผู้มาเยือน แขกไม่ได้รับเชิญถูกเหวี่ยงลงแทบเท้า มันไม่มีทีท่าสะทกสะท้านเอาแต่นั่งนิ่งยิ้มเหยียด

“ใครส่งแกมา!”คาเอลเริ่มคำถาม

มันไม่ตอบยังคงนิ่งเงียบ

ผลั่ก!

เท้าแตะเข้าลำตัว ร่างสันทัดฟุบลงพื้นคดงอสีหน้าเจ็บปวด แต่มันกลับเงียบกริบไม่ปริปากออกมา

“แกคงไม่กลัวตายสินะ”ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยม

“ถ้ากลัวคงไม่มา”มันตอบเสียงห้วน

“แสดงว่าคนอย่างแกคงไม่มีอะไรจะเสียถึงไม่กลัวตาย อืม...”คาเอลครุ่นคิด “แต่ว่า... คนเรามันคงไม่ได้เกิดมาจากต้นไม้ ใบหญ้าหรือผืนดินหรอก มันเกิดจากพ่อและแม่ รู้ไหมมนุษย์น่ะเป็นสัตว์สังคมเพราะฉะนั้นในชีวิตมันคงต้องมีคนรู้จัก เครือญาติ หรือไม่ก็คนรัก หรือไม่ก็ลูก ต้องมีอะไรสักอย่างตามที่ฉันพูดมา”

คนร้ายเริ่มเหงื่อตก พยายามทำใจสู้ พวกมันไม่มีทางหากพบหรอก แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่สามารถหาลูกเมียซึ่งห่างหายกันไปเกือบสามปีพบเลย

“พวกแกไม่มีทางหาพบหรอก!”

“จะลองดูไหมล่ะ”คาเอลออกปากท้าทาย

มันเงียบไม่ตอบ คาเอลเลิ่กคิ้วหันมองลูกน้อง

“อัลเดรหยิบคอมพิวเตอร์ฉันมาหน่อย”

“ครับ”

“ที่ตัวมันมีหลักฐานยืนยันตัวตนไหม หยิบมาให้ฉันดูหน่อยคาล”

บอดี้การ์ดค้นตัวมันทันที พบบัตรเอทีเอ็ม คาเอลกระตุกยิ้มมุมปาก

“แกไม่รอบคอบเลยนะ เป็นถึงมือวางระเบิดกลับพกบัตรเอทีเอ็มแบบนี้ แค่มีมันฉันก็ตามหาญาติแกได้แล้ว”

“แกไม่มีทางทำได้หรอก ปล่อยฉันนะเว้ย!”

เปิดโน้ตบุ๊คออก คาเอลแฮกเข้าประวัติข้อมูลลูกค้าโดยการใช้ตัวเลขจากบัตรเอทีเอ็ม เขาพบชื่อจริง และเครือญาติของคนร้ายได้ทันที

“ฉันรู้แล้วว่าแกมีญาติกี่คน และตายไปกี่คน ใช่ไหมนายพิชัย บุญนาค บิดาคือนายนุกูล บุญนาค มารดาคือนางสมปอง มากบัว”

“กะ...แก!”

“อ๋อ ภรรยาชื่ออะไรนะไม่มีบอก แต่บอกว่านายมีลูกสาวนี่ชื่อ นางสาวปันนารี บุญนาค เช็คก่อนนะตอนนี้เรียนที่ไหนเอ่ย”

“แกไม่มีทางหาตัวลูกฉันเจอ!”พิชัยตะโกนลั่น พยายามกระโจนเข้าหา

“อ๋อ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อ...” เขาเว้นช่วง “ดูสิฉันหาเฟสบุ๊คเจอด้วย หน้าตาน่ารักไม่เบานี่นายพิชัย”

พิชัยขบกรามแน่นน้ำตาคลอ ทั้งที่เขาตามหามานานแสนนานแต่ไม่เคยพบ มันแค่ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวสามารถหาเจอได้ ไม่อยากเชื่อเลย

“ฉันยอมแล้ว อย่าทำอะไรครอบครัวฉันเลย”คนร้ายบอกเสียงแผ่วเบาทั้งน้ำตา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป