บทที่ 1 ถวายตัวด้วยท่าดัดหลัง

ราตรีนี้เป็นวันแรกที่ฟู่หยวนเพ่ยถวายตัว...

นางเป็นน้องสาวของลี่เฟย ฟู่หยวนฉุน พระสนมที่พระองค์โปรดปราน บัดนี้สามปีผ่านพ้น อีกทั้งลี่เฟยที่กำลังตั้งครรภ์ประสงค์ให้คนในครอบครัวอยู่ดูแล ตระกูลฟู่จึงได้ส่งนางเข้าวัง

ฟู่หยวนเพ่ยภายนอกดูเหมือนคุณหนูในห้องหอทั่วไป คราแรกที่ได้พบ ใบหน้าเรียวขาวดังไข่ปอก ร่างกายอ้อนแอ้นอรชร เกล้ามวยปักปิ่นดอกอวี้หลัน ประดับที่ติดผมรูปดอกมะลิบานสะพรั่ง สวมชุดฮั่นฝูสีเขียวหิมะครามทอประกายนุ่มนวล ทำให้นางดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ต่างกับลี่เฟยที่ดูสดใสเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา

ชั่วชีวิตของพระองค์พบพานสาวงามอ่อนหวานมานับไม่ถ้วน เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ชวนให้เบื่อหน่าย อยากกลับไปตำหนักชุนชิวที่ลี่เฟยกำลังรออยู่

ความคิดของพระองค์ไม่ทันขาดห้วง เหล่าขันทีก็แบกม้วนผ้าห่มสีแดงปักลายเข้ามาในห้อง คล้ายเปาะเปี๊ยะใหญ่ยักษ์ชิ้นหนึ่ง มาวางบนแท่นบรรทม มีศีรษะของฟู่หยวนเพ่ยโผล่ออกมา ใบหน้าของนางเรียบเฉย ไร้แววเขินอายอย่างที่พึงมี

หวงตี้ถอนหายใจเฮือก พระองค์พลิกวรกายนอนตะแคงข้างมองนาง มือเรียวดึงผ้าห่มออกจากตัวนางอย่างระมัดระวังโดยที่นางเองให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางลุกขึ้นนั่ง แสงเทียนนวลผ่องต้องผิวขาวละมุนที่อาภรณ์ปิดไม่มิด

นางสวมเอี๊ยมและกางเกงขาสั้นสีขาวพระจันทร์ปักลายปิดอกอวบเกินวัย ปล่อยผมยาวสยายไร้ปิ่นและเครื่องประดับตามกฎมณเฑียรบาล หลังจากปล่อยให้พระองค์มองจนพอใจ นางจึงทำความเคารพ

"ถวายพระพรฝ่าบาท"

หวงตี้พยักหน้าแล้วปิดเปลือกตา ทำท่าไม่สนพระทัยนาง

นางเองก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ย "...พี่หญิงลี่เฟยประสงค์ให้หม่อมฉันปรนนิบัติฝ่าบาท ซึ่งหม่อมฉันรับปากแล้ว เปลี่ยนใจไม่ได้เพคะ"

"แค่เจ้าอยู่เฉยๆ ก็ถือเป็นการปรนนิบัติเราแล้ว" พระองค์ตรัสเรียบๆ

"นิยามของคำว่าปรนนิบัติไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับกามารมณ์นี่เพคะ" นางเอ่ย "ขอเพียงให้หม่อมฉันทำอันใดกับพระองค์เพื่อไปเล่าให้พี่สาวฟังได้ เช่นนั้นก็พอเพคะ"

โอรสสรรค์ลืมพระเนตรข้างหนึ่งด้วย ไม่นึกว่าเด็กสาวเรียบนิ่งคนนั้นจะเถียงพระองค์

"...เช่นนั้นเจ้าจะทำอะไร"

"ให้หม่อมฉันถวายการนวดดีไหมเพคะ" นางยิ้มอ่อนหวาน "อยู่ที่บ้าน หม่อมฉันนวดให้ท่านพ่อท่านแม่ล้วนชมมิขาดปาก ทำให้พอมั่นใจในฝีมืออยู่บ้างเพคะ"

"...ก็ได้" นวดหรือ? อย่างดีก็คงแค่กำปั้นทุบเปาะแปะพอให้เจ็บๆ คันๆ กระมัง

ฟู่หยวนเพ่ยยิ้มบาง นางพนมมือทีหนึ่ง ก่อนล้วงเข้าไปในเอี๊ยม หยิบกระดาษที่หนีบอยู่หว่างอกจนพระองค์นึกประหลาดใจว่า ความยิ่งใหญ่ของหน้าอกนางมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด

"อะไร"

"หนังสือสัญญาเพคะ"

"สัญญา?"

"สัญญาว่าถ้าฝ่าบาทมีเหตุอันใดเกิดขึ้นในคืนนี้ จะไม่เอาผิดหม่อมฉัน"

“หนังสือสัญญา?” โอรสสวรรค์ตรัสทวนซ้ำเพื่อยืนยันว่าพระองค์ไม่ได้หูฝาดไป

“เพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยพยักหน้า

“แค่นวด ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนี้ด้วย” พระองค์ทรงกวาดสายตาอ่านหนังสือสัญญาในพระหัตถ์ ยิ่งเพ่งเข้าไปดูใกล้ๆ คล้ายคนสายตาสั้นก็ยิ่งไม่เข้าพระทัย

“เนื่องจากตำรับการนวดของบ้านหม่อมฉัน มีบางท่าอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวด จนทำให้ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิด เช่นนั้นหม่อมฉันถึงได้ร่างสัญญาฉบับนี้ขึ้นมาตั้งแต่รู้ว่าจะได้เข้าพิธีถวายตัวเพคะ”

หวงตี้แย้มสรวล “เจ้าไปเรียนรู้วิธีการนวดมาจากที่ใดกัน”

“สำนักอู่ฝอซื่อ[1] เพคะ”

“ชื่อไม่คุ้น” สำหรับโอรสสวรรค์ที่ต้องมีพระเนตรพระกรรณกว้างไกล รับรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งในราชสำนักและยุทธภพ พระองค์ยอมรับว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“เป็นเพียงสำนักเล็กๆ ไร้ชื่อไร้เสียงในแคว้นนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ใส่พระทัยเลยเพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยทำท่าเอียงอาย “ตกลงว่าฝ่าบาทจะยอมรับสัญญานี้หรือไม่เพคะ”

หวงตี้ทอดพระเนตรนางตั้งแต่ศีรษะจดเท้า...สตรีนางนี้รูปร่างบอบบาง แขนขาเรียวดั่งลำเทียน เกรงว่าแรงฆ่าไก่แม้สักตัวคงไม่มี ถึงแม้จะใช้ท่านวดพิสดารอย่างไร บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เช่นพระองค์คงไม่สะดุ้งสะเทือนอันใด ดำริเช่นนั้นก็แย้มสรวล รับสั่งให้นางกำนัลหยิบพู่กันขนหมาป่ามา แล้วทรงลงลายพระหัตถ์บนหนังสือสัญญานั้น

“เราตกลง”

ฟู่หยวนเพ่ยมองลายมือชื่อก็แย้มยิ้มอ่อนหวานคล้ายได้หลักประกันสำคัญ นางพับสัญญาเรียบร้อยแล้วเสียบเข้าไปในร่องอกอวบอัดอีกครั้ง หวงตี้ทรงลอบกลืนน้ำลาย รู้หรือไม่ว่าท่าทีเช่นนั้นยั่วยวนพระองค์ไม่น้อย นางยกมือพนมขึ้นหว่างอกอีกครั้ง จักรพรรดิหนุ่มเห็นตั้งแต่เมื่อครู่แล้วให้นึกสงสัยก็ถามอีก

“เจ้าไหว้พระหรือ”

“ขออโหสิ...ไม่สิ...ทำความเคารพผู้ที่เรานวดตามกฎสำนักเพคะ” นางทูลตอบ แล้วจัดแจงฉุดพระหัตถ์ของหวงตี้ “ลุกขึ้นประทับนะเพคะ”

พระองค์ทำตามอย่างว่าง่าย คล้ายรู้สึกสนุกไปกับนางอยู่บ้าง แต่แล้วก็ต้องย่นพระขนงเมื่อมือเล็กเอื้อมมาปลดเชือกที่ผูกชุดนอนของพระองค์ออก เมื่อเห็นพระองค์ทอดพระเนตรมา นางจึงทูลเรียบๆ

“ต้องถอดฉลองพระองค์เพคะ”

โอรสสวรรค์ถอดฉลองพระองค์ตามที่นางทูล ลาดไหล่และร่างกายผึ่งผายอย่างผู้ที่ฝึกยุทธ์ เช่นนี้พาให้นางสนมน้อยใหญ่ต่างหลงใหลพระองค์เป็นนักหนา แต่เมื่อทอดพระเนตรเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับร่างกายอันเยี่ยมยอดของพระองค์ ก็ชวนให้หงุดหงิดพระทัยขึ้นมา

ฟู่หยวนเพ่ยก้าวลงจากเตียงเดินอ้อมไปยังด้านหลัง จากนั้นมือนุ่มนิ่มก็เริ่มบีบนวดจากหัวไหล่ กรีดไล้ไล่นิ้วแม่มือลงไปยังแนวกระดูกสันหลังจนถึงก้นกบ บังเกิดอาการร้าวซ่านในวรกายโอรสสวรรค์ เป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายและเบาสบายอย่างประหลาด หลังจากต้องสะสางราชกิจมาตลอดทั้งวัน

จากนั้นเด็กสาวก็ให้พระองค์เอนกายลงนอนคว่ำ ส่วนนางก็เริ่มต้นนวดต่อ มือเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยเรี่ยวแรงทำเอาโอรสสวรรค์ครางต่ำๆ ออกมาอย่างรู้สึกสบายพระวรกาย

นางปรนนิบัติพระองค์ดีเช่นนี้ แม้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันเชิงชู้สาว แต่พระองค์ก็เริ่มชอบนางขึ้นมาทีละน้อย...แต่เพื่อไม่ให้ผิดใจกับลี่เฟย มอบตำแหน่งไฉ่เหริน[2] ให้นางไปก่อน ถ้านางทำตัวดี ยอมโอนอ่อนถวายตัวให้ พระองค์ค่อยเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปอีก

ในขณะที่กำลังเคลิบเคลิ้ม จู่ๆ พระกรของพระองค์ทั้งสองข้างก็ถูกดึงไพล่ไปด้านหลัง ดึงรั้งจนร่างแอ่นงอคล้ายกุ้ง พระองค์กะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง ไม่ถึงอึดใจก็ได้ยินเสียงหวานๆ ของฟู่หยวนเพ่ยจากด้านหลัง

“เจ็บนิดหน่อยนะเพคะ”

จากนั้นแรงถีบจากเท้าน้อยๆ พร้อมมือนิ่มๆ ที่ดึงรั้งพระองค์เข้าหานาง ความซ่านสบายเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดยากจะบรรยาย จนฟู่หยวนเพ่ยไม่แน่ใจว่าระหว่างสุรเสียงฝ่าบาทกับควายถูกเชือด เสียงใดไพเราะกว่ากัน

“อ๊ากกกกก!!!”

บทถัดไป