บทที่ 5 5
“ฉันเสียดาย เพราะยังไงซะ…” กวาดตามองเขาทั้งตัวอย่างหมิ่นๆ “สภาพของคุณในตอนนี้เหมือนลูกวัวตกน้ำไม่มีผิด คุณคงไม่คิดจะนั่งทานอาหารต่อหรอกใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นของพวกนี้ฉันจะช่วยคุณกินเอง จะได้ไม่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ไง”
ราฟาเอ็ด หลุยส์ โรมาเนรี่ ขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนลูกวัว ให้ตายเถอะ…ผู้หญิงอย่างปิยะดามีอยู่จริงๆบนโลกใบนี้ด้วยหรือ ?
แม้จะหงุดหงิด แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่วายทวงสิทธิ์ที่ตนมี “คุณยังออกเดทกับผมไม่ครบทั้งวันเลยนะ คิดจะเบี้ยวผมเหรอไง”
“เดทครั้งนี้ฉันไม่ประทับใจ ฉะนั้นฉันจะยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ อ้อ…ขอบคุณนะคะที่ช่วยไม่ให้ฉันหน้าแตกด้วยการประมูลฉันมาในราคาสูงลิ่ว และก็….ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้ว่าผู้ชายบนโลกใบนี้ก็มีความคิดสกปรกเหมือนกันทุกคน ไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างชาติ !!”
หล่อนพูดปิดท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ ก่อนคว้าถุงอาหารแล้วสะบัดก้นเดินออกจากร้านหรูไป ทิ้งให้ชายหนุ่มตกเป็นเป้าสายตาต่อไป
ราฟาเอ็ดไม่สนใจว่าใครจะมองเหตุการณ์นี้ว่าอย่างไร ดวงตาคู่คมเพ่งมองแผ่นหลังของผู้หญิงที่กล้าเอาน้ำสาดหน้าเขา พร้อมปาไส้กรอกอันใหญ่กระแทกหน้าเขาอย่างจัง
สาวสวยที่มีประวัติฉาวโฉ่เช่นหล่อน กลับมีอีกด้านที่ทำให้เขาแปลกใจ หล่อนถือทิฐิ ทะนงในศักดิ์ศรี จนเขาชักอยากจะค้นหาว่าตัวตนที่แท้จริงของหล่อนเป็นอย่างไรกันแน่
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเย็น…รอก่อนเถอะคนสวย อีกไม่นาน เขาจะจับหล่อนมาเค้นความจริง อยากรู้นักว่าหัวใจหล่อนเป็นสีอะไร ทำไมถึงได้ใจร้ายจนทำให้ใครคนหนึ่งต้องเจ็บเจียนตายโดยไม่รู้สึกอะไร !!
เช้าวันใหม่
ทันทีที่ลืมตาตื่นตอนเช้า เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์มือถือก็ดังลั่น ส่งผลให้คนที่กำลังลงจากเตียงเพื่ออาบน้ำ ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนเอื้อมมือหยิบเครื่องมือสื่อสารมาดูหน้าจอ ครั้นรู้ว่าใครโทรมา ปิยะดาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกดรับสาย
/ฮัลโหลคุณปิยะดา วันนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ/ ‘เกริก’หัวหน้าแผนกบอกเสียงขรึม
“ทำไมคะ วันนี้บริษัทหยุดงานเหรอ เอ…มันไม่ใช่วันสำคัญอะไรไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวถาม แม้ว่าจะเกิดลางสังหรณ์แปลกๆขึ้นมาก็ตาม
“ไม่ว่าจะวันนี้ พรุ่งนี้ วันมะรืน และวันต่อๆไป คุณก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว”
“ทะ…ทำไมคะ” ปิยะดาถามเสียงตะกุกตะกัก หน้านวลเผือดสี มือกำโทรศัพท์แน่นเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ผิดหวังไม่ให้ระเบิดออกมา
“เมื่อวานลูกค้ารายใหญ่ประมูลคุณออกเดทด้วยเงินสูงหลายหมื่น แต่คุณกลับไม่เป็นที่ประทับใจเขา คุณสาดน้ำใส่หน้าเขาต่อหน้าธารกำนัล”
“ทำไมคะ คุณราฟาเอ็ดมาฟ้องคุณเหรอไง” หญิงสาวถามเสียงแข็ง หวนนึกถึงเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงที่หล่อนไปทานข้าวกับเขาเมื่อวานนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะขี้ฟ้อง รู้งี้…หล่อนน่าจะตบเขาอีกสักฉาด
“เขาเสียเงินเยอะนะคุณปิยะดา”
“แต่เงินนั่น เขาตั้งใจบริจาคให้การกุศลอยู่แล้ว” หล่อนแย้ง
“ใช่…แต่คุณก็ทำให้คุณราฟาเอ็ดเสียความรู้สึก เขาบอกให้ผมชดใช้ค่าเสียหาย”
“เขาจะเอาเงินคืนเหรอคะ”
“เปล่า… เขาเสียความรู้สึกเพราะคุณ เขาเลยขอให้ผมเลิกจ้างคุณ แค่นี้นะปิยะดา ว่างเมื่อไหร่ก็มาเอาเงินเดือนในส่วนที่คุณทำงานไว้กับผมได้ทุกเมื่อ”
เกริกตัดสายไปแล้ว ทว่าปิยะดากลับยังยืนนิ่งงันราวรูปปั้น มือเล็กสั่นระริก นอกจากจะดูถูกหล่อนแล้ว เขายังกลั่นแกล้งให้หล่อนตกงานอีก…มันจะมากเกินไปแล้ว ราฟาเอ็ด หลุยส์ โรมาเนรี่ !
หญิงสาวรีบอาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อยืด กางเกงยีน เพราะความเครียดทำให้หล่อนไม่หิว ข้าวเช้าจึงไม่ได้ทาน หล่อนพาตัวเองขึ้นมอเตอร์ไซค์ก่อนสตาร์ทเครื่องแล้วขับเคลื่อนรถเก่าๆสู่เส้นทางที่หล่อนคุ้นเคย
บริษัทหลุยส์ โรมาเนรี่ขึ้นชื่อเรื่องเสื้อผ้านำสมัย ดีไซเนอร์ชื่อดังก้องโลกหลายคนได้ทำงานให้วีเซนเต้ ออกแบบชุดใหม่ๆเอาใจตลาด กอบโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากบริษัทยักษ์ใหญ่ในอิตาลี่ถูกแตกสาขามาแถบเอเชีย ซึ่งบริษัทลูกก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากบริษัทแม่ และเขา…ราฟาเอ็ดก็คงเป็น CEOของที่นี่
ผู้ชายที่รวยคับโลกแต่ใจคอคับแคบมาเบียดเบียนผู้หญิงตัวเล็กๆธรรมดาๆอย่างหล่อน มันน่าเจ็บใจนักเชียว
ปิยะดาจอดรถหน้าตึกสูงใหญ่เสียดฟ้าซึ่งทาสีน้ำเงินเข้มเด่นสะดุดตา…ไม่ผิดแน่ หมอนั่นต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ
ยามรักษาความปลอดภัยตรงเข้ามาขัดขวางเพราะเห็นลักษณะการแต่งกาย อีกทั้งท่าทางฮึดฮัดของหล่อนก็ดูไม่น่าไว้ใจ จึงถูกจับตรวจหาอาวุธ ซึ่งหญิงสาวก็โวยวายเสียงลั่น พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ก็ไม่เป็นผล
“หนังหน้าอย่างฉัน เหมือนคนพกอาวุธร้ายแรงนักเหรอไง อย่ามาทำหยาบคายกับฉันนะ ปล่อย…ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า !”
“ขอโทษนะครับ พวกผมจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก”
“คนที่นี่ตั้งแต่ตัวหัวหน้ายันลูกน้องชอบมองคนอื่นที่ภายนอกกันหมดเลยหรือไง อย่าคิดว่าคนแต่งตัวมอซอจะเป็นคนร้ายเสมอไป เพราะสมัยนี้โจรบางคนมันสวมสูทกัน !” ปิยะดาต่อว่าฉอดๆด้วยแรงกดดันทุกอย่างในชีวิต ประกอบกับเพิ่งโดนไล่ออกจากงานเมื่อเช้านี้ ทำให้หญิงสาวสติแตก และคำพูดของหล่อนก็กระทบเข้าหูคนที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกเข้าพอดี
