บทที่ 1 บทนำ
สายตาหมองเศร้ามองทอดไปนอกหน้าต่างรถยุโรปคันโก้ซึ่งแล่นอย่างเชื่องช้าเพราะการจราจรคับคั่งในเย็นวันศุกร์ของกุรงเทพมหานคร ก้อนเนื้อในอกซ้ายปรารถนาให้รถช้ากว่านี้ด้วยว่าไม่อยากถึงปลายทางเพราะสิ่งที่เธอกำลังจะพบมันจะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
“แยกข้างหน้านี่ละนายนพ” คุณธำรงผู้เป็นบิดาชี้ไปยังทางแยกด้านซ้ายมือ นายนพคนขับรถค่อยๆ หันพวงมาลัยชิดด้านซ้าย หัวใจของพริมาเต้นสนั่น ทำนบกั้นน้ำตาพังทลายเมื่อเห็นตัวบ้านทรงโรมันอลังการโอ่อ่าอยู่ไม่ไกล
“ผิง”
ร่างบอบบางสะดุ้งน้อยๆ หลังจากเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าเวลานี้รถหยุดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุง
หญิงสาวเหลียวมองสถาปัตยกรรมอลังการแววตาตื่นตาตื่นใจหากสุดท้ายก็หายไปเพราะความหวาดหวั่นนั้นมีมากโข
“พร้อมไหม”
“ลูก...” จะบอกท่านอย่างไรว่ายังไม่พร้อมและคงไม่มีวันที่เธอจะพร้อมเป็นแน่แต่หากทำเช่นนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญูหรือเปล่าด้วยรู้ดีว่าเจ้าของบ้านหลังนี้คือความหวังทั้งหมดของครอบครัว
“ไม่ต้องกลัวนะลูก ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดี”
อย่างนั้นก็เถอะความหวาดหวั่นกริ่งเกรงยังคงเกาะกุมอยู่เต็มดวงใจของพริมา สิทธิรักษ์ สาวสวยวัยยี่สิบสองบีบมือตัวเองแน่นและแสดงอาการหวาดผวาออกมาให้เห็นอยู่ไม่คลาย
“ผิง เราไม่มีทางเลือกแล้ว”
แววตาตาของคนเป็นพ่อรื้นเศร้ายามมองร่างบอบบางสั่นสะท้าน หัวใจเจ็บปวดร้าวลึกหากไม่ใช่เพราะจำเป็นและสิ้นหนทางเขาคงไม่ทำร้ายดวงใจตัวเองเช่นนี้
“ลูกพร้อมแล้วค่ะ”
ไม่อาจทนได้หากบุพการีต้องร้อนใจ หญิงสาวเบือนหน้าขึ้นมาส่งยิ้มที่ปั้นแล้วปั้นอีกหากแต่เป็นรอยยิ้มสะเทือนใจ พริมารวบรวมความกล้าก้าวขาลงไปก่อนแหงนมองหน้าต่างโค้งสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานชั้นสอง ผ้าม่านสีครีมขยับนิดหนึ่งและราวกับว่าจะเห็นร่างของใครหลบไปอยู่ไวๆ
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา เป็นงานไม้สลับงานปูนมีบันไดโค้งขึ้นชั้นสอง เครื่องเรือนส่วนใหญ่ที่อยู่ในตู้โชว์เป็นของหายากราคาหลักหลายล้านแทบทั้งสิ้น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าของบ้านหลังนี้ถึงดูจะเป็นเหมือนแสงสว่างนำทางครอบครัวของเธอ
“มากันแล้ว โคตรตรงเวลา!”
น้ำเสียงชมกึ่งเหน็บแนมนั้นทำให้พริมาเงยหน้ามองกลางบันไดโค้ง ร่างใหญ่กำยำถูกอำพรางด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวล้วน ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนรอยยิ้มแต่แววตากลับนิ่งขรึม หางตาดุเข้มเหลือบมองสบกับดวงตาสวยหวาน พานให้หญิงสาวหลบตาเสียทันทีด้วยว่าความกล้านั้นไม่เคยมี
“แน่นอนครับคุณวรรธน์”
คุณธำรงมองชายเจ้าของบ้านด้วยสายตายกย่องชื่นชมแกมประจบอย่างออกนอกหน้า หลายวันมานี้ชื่อของวรรธน์ วรวัฒน์ เจ้าของธุรกิจส่งออกเมล็ดกาแฟรายใหญ่หลอกหลอนพริมาได้แม้กระทั่งในความฝัน
“ดี ผมชอบ”
ตาดุจดจ้องหญิงสาวตัวจ้อยเท้าใหญ่เดินลงเท้าหนักๆ มาหยุดตรงหน้า
หญิงสาวไม่กล้าสบตาหากแต่ถูกมือหนาตะปบเข้าที่ปลายคาง ท่ามกลางความตระหนกของคุณธำรงแต่ท่านก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรุนหลังของบุตรสาวที่ทำท่าว่าจะถอยห่าง
“สวยดีเหมือนกันนี่”
ท่าทางคุกคามสวนทางกับแววตาชิงชังทำให้ร่างเล็กสะท้านเยือกเสียงหัวเราะเย็นของคนตรงหน้าพาให้เธออยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล แต่คนตัวใหญ่ก็รั้งใบหน้าเล็กเข้าไปบดจุมพิตเร่าร้อนลงทัณฑ์อย่างไม่คาดคิด
พริมาพยายามป่ายปัดต่อต้านคนที่ขโมยจูบแรกในชีวิตคุณธำรงเจ็บร้าวในหัวใจไม่อาจมองภาพนั้นทั้งที่อยากจะผลักไสคนตัวใหญ่ออกไปตามสัญชาตญาณของความเป็นพ่อ
“ไม่เลวเท่าไหร่เหมือนกัน”
วรรธน์ผละออกแล้วหัวเราะหน้าเป็น สายตาหยามหยันเต็มขั้น พริมาได้แต่จ้องมองคนไม่รู้สึกรู้สาแววตาโกรธแค้น ต่อเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ก็หลุบสายตาลงเสียอย่างยอมจำนนหากในนาทีเดียวกันวรรธน์ก็ช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้ม
“ว้าย!”
“พูดออกมาได้แล้วหรือ?”
น้ำเสียงทุ้มเข้มพูดขณะที่สายตามองหญิงสาวที่ยังก้มหน้าแม้จะอยู่ในอ้อมอกกำยำของตน คนตัวเล็กกัดริมฝีปากด้านในจนรู้สึกเจ็บจี๊ด กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ
“ผิง เดี๋ยวพ่อมารับนะลูก”
“จะไปไหน”
คำถามของวรรธน์พาให้สีหน้าของคุณธำรงดูจืดเจื่อน ชายหนุ่มไม่ได้อธิบายต่อแต่พยักพเยิดให้ลูกน้องสองคนมาคุมตัวชาย สูงวัย
“คุณจะทำอะไรคุณพ่อคะ”
“ฉันจะทำอะไรพ่อเธอได้ยังไง เดี๋ยวหัวใจวายตายไปจะทันได้ยินเสียงครางของเธอหรือ?”
คำพูดดูถูกทำให้พริมาเลือดขึ้นหน้ามือเล็กง้างขึ้นจะประทุษร้ายแต่บางอย่างที่ค้ำคอไว้กลับต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวแต่โดยดีจึงเป็นที่พอใจของชายหนุ่มจนหัวร่อออกมา
“ให้คุณธำรงนั่งอยู่ตรงนี้ รอรับแม่นี่”
สั่งเสร็จก็อุ้มพริมาเดินขึ้นไปชั้นสอง หญิงสาวได้แต่กล้ำกลืนน้ำตา ใบหน้าร้อนผะผ่าวราวจะจับไข้ รู้ตัวดีว่ากำลังจะเจอสิ่งใดแต่กลับสงสารบิดามากกว่า ท่านคงอยากไปให้ไกล คงไม่อาจทำใจรับรู้เรื่องเลวร้ายที่เกิดกับเธอ



































