บทที่ 5 2.1
เสียงถอนหายใจหนักๆ ของลูกน้องในร้านคล้ายเป็นโรคติดต่อ ร่างสูงของอนลหันมองเชฟสาวประจำร้านผู้ที่ทั้งวันได้ถอนหายใจไปมากกว่ายี่สิบครั้งแล้วถาม
“เป็นอะไรพี่ดาว” ดารินถอนใจอีกคราเมื่อถูกทัก ร่างอวบหน้างอคอตกเดินไปหาเจ้านาย
“พี่คิดถึงน้องผิง คุณอนลไม่คิดถึงบ้างหรือคะ” อนลพ่นลมหายใจเบาๆ เขาคิดถึงรอยยิ้มสว่างสดใสและดวงหน้าสวยสะกดใจอยู่ทุกเวลา พริมาเป็นผู้ช่วยเชฟในร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ได้เกือบครึ่งปี ทำงานดีไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่อนลต้องประหลาดใจเมื่อเธอหายไปหลายวันโดยไม่บอกกันสักคำ
“พี่ขอไปหาน้องผิงที่บ้านได้ไหมคะ”
“ผมไปด้วย” ดารินไม่แปลกใจที่วันนี้เจ้านายลงทุนปิดร้านครึ่งวันเพื่อออกไปข้างนอก ไม่ต้องบอกก็พอเข้าใจว่าชายหนุ่มรู้สึกอย่างไรกับผู้ช่วยเชฟที่ชื่อพริมา เมื่อไปถึงบ้านก็พบกับคุณวาสนาผู้เป็นมารดาของหญิงสาว ออกมาต้อนรับและบอกกล่าวว่าบุตรสาวเข้าโรงพยาบาลได้สามวันแล้ว
“ผิงไม่สบายเป็นอะไรหรือครับ ไม่เห็นบอกที่ร้านเลย”
“นั่นสิคะ แล้วเป็นอะไรมากไหมคะ ถึงกับแอดมิดเชียวปกติน้องผิงแข็งแรงจะตาย” คำถามที่ไม่เว้นช่วงให้ตอบนั้นพาให้คุณวาสนาที่กังวลใจอยู่แล้วปั้นหน้าไม่เป็น เห็นแบบนี้แล้วทั้งคู่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรง
“ผิงปวดท้องน่ะจ้ะ นี่อาก็กำลังจะไปเยี่ยมอยู่พอดี ไปด้วยกันไหมจ๊ะ” ชวนไปด้วยกันเสียเลยจะได้หายข้องใจ
หากเป็นเมื่อสามวันก่อนคงไม่อยากให้ใครได้เห็นสภาพพริมาที่ยับเยินแทบไม่เหลือชิ้นดี เด็กสาวนอนซมไข้ไม่ยอมไปโรงพยาบาลหลังกลับจากบ้านของวรรธน์ คนเป็นแม่อย่างตนทนไม่ไหวให้นายนพและเด็กรับใช้ช่วยกันหามขึ้นรถถึงมือหมออย่างปลอดภัย นี่เห็นว่ารอยต่างๆ ตามร่างกายเริ่มจางไปแล้วคุณวาสนาจึงให้เจ้านายและเพื่อนร่วมงานของบุตรสาวไปเยี่ยมได้
ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล ภาพของเด็กหญิงพริมาปีนต้นไม้พยายามใส่ลูกนกกลับเข้ารัง หากแต่พลัดตกลงไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มในชุดนักศึกษายังคงเล่นซ้ำไปมาอยู่ในความคิดของหญิงสาว
‘ระวังหน่อยสิน้องผิง’
‘พี่วรรธน์’ วรรธน์ผ่อนร่างคนตัวน้อยให้ลงยืนกับพื้นหญ้า โชคดีนักที่เขามาทันจังหวะไม่เช่นนั้นเด็กหญิงอาจแข้งขาหัก ‘มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ’
‘ตะกี้นี่เองจ้ะ แล้วขึ้นไปทำอะไรบนนั้นฮึเรา’ พริมามองลูกนกในอุ้งมือที่ไม่ยอมปล่อยให้ร่วง ชายหนุ่มส่ายหน้าจะต่อว่าก็ทำไม่ลงจึงรับนกน้อยจากมือเล็กแล้วปีนขึ้นไปใส่ไว้ในรังดังเดิมพร้อมกับเสียงปรบมือประทับใจ
‘พี่วรรธน์เก่งจังเลยค่ะ’
‘คราวหลังจะทำอะไรอันตรายๆ แบบนี้ต้องเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยนะรู้ไหม’ พริมาพยักหน้ายิ้มๆ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเมื่อรู้สึกได้ว่าเจ็บแปลบๆ ที่ต้นแขน ก้มลงมองจึงได้รู้ว่าเลือดไหลซิบ
วรรธน์ตกใจมากราวกับเป็นคนบาดเจ็บเสียเอง ชายหนุ่มประคองเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน ลนลานหาหยูกยามาทาให้ คนรับใช้วิ่งกันให้วุ่นไม่ใช่แค่เพราะคุณหนูคนเล็กมีแผลแต่วรรธน์นั่นแหละที่โวยวายเร่งเร้า แววตาอ่อนโยนแสดงความห่วงใยของเขาได้ผูกจิตผูกใจให้พริมารักมั่นคงเพียงแค่คนเดียวเสมอมา
แต่วันนี้เธอไม่คิดเลยว่าเจ้าของแววตาดุดันมาดร้ายในวันนั้นจะเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายที่เธอรักปักใจ เหตุการณ์ที่ถูกเขาหักหาญน้ำใจทำให้หญิงสาวร้องไห้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว
“ร้องไห้คิดถึงผัวอยู่หรือจ๊ะคนสวย” ร่างน้อยสะดุ้งเฮือกเมื่อคนในความคิดเปิดประตูเข้ามา
วรรธน์ยิ้มยียวนมองลวนลามเรือนร่างบอบช้ำในชุดคนป่วยอย่างจงใจ ในมือเขาถือช่อดอกไม้ แขนเล็กเอี้ยวคว้าที่กดสัญญาณเรียกพยาบาลแต่ยังช้ากว่าเขานัก
“โถ...ไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วันเมียจ๋าดูซูบลงไปเยอะเลยนะ” พริมาร่างกายสั่นเทิ้ม ความโหดร้ายของวรรธน์ยังคงหลอกหลอนทุกขณะจิต เธอรีบลุกขึ้นนั่งกอดเข่ามือเล็กคว้าผ้าห่มมารวบไว้ตรงกลางอกพลางมองรอบกายหาสิ่งของป้องกันตัว สายตาพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาได้หยุดที่แจกันสีฟ้าข้างเตียง แต่วรรธน์รู้ทัน ชั้นเชิงของเจ้าหล่อนยังอ่อนด้อยนัก
“ถ้าเธอหยิบมันมาฟาดหัวฉัน ฉันจะตบเธอด้วยฝ่าเท้าให้ฟันร่วงเลย ไม่เชื่อก็ลองดู”
คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอคนใครที่ถ่อยเท่าเขา ก่อนจะกล่าวว่า
“คุณมาทำไมคะ”
“ได้ข่าวว่าป่วยเลยเอาดอกไม้มาเยี่ยม” เท้าใหญ่สืบเข้ามายื่นช่อดอกไม้ให้ หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาดอกไม้ที่เขาให้มาคือดอกไม้จันทน์นี่เอง
“ตายไวๆ นะพริมา” แช่งชักอย่างไม่อ้อมค้อม เจ้าของร่างผอมส่ายหน้าไม่อยากรับรู้ว่าผู้ชายที่แอบรักมาเนิ่นนานกลับมาพร้อมกับความชิงชังที่มันล้นใจ “รับไปสิ!”
“...”
“โธ่โว้ย!!!” เสียงสบถดังลั่นวรรธน์ปาช่อดอกไม้ใส่หน้าคนที่นั่งกอดเข่าร้องไห้สะอื้น “แค่รับดอกไม้จากผัวนี่มันจะเป็นจะตายเลยหรือ?”
“คุณวรรธน์” พริมาตกใจหวาดผวาเมื่อเขาปราดเข้ามากระชากคอเสื้อ เธอได้แต่เบือนหน้าหนีกระแสเสียงกราดเกรี้ยวที่โพล่งออกมา “บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าถ้าอยากเป็นผู้หญิงของฉันก็ให้ทำตามคำสั่ง”
“แต่ผิงยังไม่ตายเสียหน่อยนี่คะ” เถียงออกไปเพราะเหลือทนหากความกล้าของคนอย่างเธอก็มีเพียงเท่านี้เมื่อมือหนาเปลี่ยนเป็นจับไหล่มนแล้วเขย่าแรงๆ
“เธอกล้าปฏิเสธของจากฉันอย่างนั้นหรือห้ะ!?”
“ผิง...เจ็บ” ทำไมวันนี้ไม่มีใครมาหาเธอเลย ใครก็ได้เข้ามาตรงนี้ทีเธออยากจะหนีจากผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
“ดอกไม้จันทน์สีขาวบริสุทธิ์ตอบแทนที่เธอยอมพลีร่างกายผุดผ่องให้ฉันได้เชยชมในคืนนั้นยังไงล่ะ” น้ำเสียงที่ลดระดับลงไม่ได้ทำให้เธอหวาดกลัวเขาน้อยลง ร่างเล็กยังคงสั่นสะท้านไม่รู้จะต้านทานเขาได้อีกนานเท่าไร
“ช่วยด้วย! ใครอยู่ข้างนอกช่ว...อื้ออออ”
เสียงร้องถูกกลืนเข้าไปในลำคอทันทีเมื่อวรรธน์ประกบปากหยักกับริมฝีปากบาง มือใหญ่กระตุกกางเกงที่ใส่ยางยืดแบบไส้ไก่ พริมาทุบตีไหล่หนาอย่างสุดกำลังหากแรงน้อยย่อมพลาดพลั่งถูกกดตรึงกับที่นอนก่อนที่สองมือจะถูกรั้งเอาไว้เหนือศีรษะ พริมาพยายามขัดขืนแต่หลังมือข้างหนึ่งมีเข็มน้ำเกลือฝังดิ้นไปก็รังแต่จะทำให้เจ็บมากกว่านี้
วรรธน์แทรกกายเข้ามากลางเรียวขาทั้งสอง เขาใช้เวลาปลดกางเกงเพียงเสี้ยวนาทีแล้วลงมือบดขยี้ร่างอ่อนล้าด้วยบทรักรุนแรงไม่ผ่อนปรน หลายวันมานี้เขาต้องทนอยู่กับความปรารถนาที่พลุ่งพล่านให้ใครมาทดแทนก็สุขสมไม่เทียบเท่าพริมาเลยสักคน
รู้อย่างนี้เขาจับทำเมียตั้งแต่นมตั้งเต้าเสียก็ดี...
“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าไม่มีใครกล้าปฏิเสธของจากฉัน” วรรธน์ผละลงจากเตียงหลังเสร็จสมก้มลงหยิบกางเกงมาสวมใส่ พริมาขยับร่างกายที่รวดร้าวดึงเอากางเกงมาใส่เช่นกัน เธอร้องไห้วอนขอความเมตตาจนน้ำตาไม่มีให้ไหล หัวใจก็ไม่มีพื้นที่ให้เจ็บแล้วเช่นกัน
“คุณรังเกียจผิงแต่ทำแบบนี้กับผิง เพื่ออะไรคะ” มือที่เจ็บจนสั่นถูกประคองไว้แนบอก
“ความสะใจ” วรรธน์ตอบโดยไม่ต้องคิดและไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อเห็นเลือดไหลจากเข็มน้ำเกลือ เขาสะใจทุกครั้งที่เห็นความเจ็บปวดของคนบ้านสิทธิรักษ์ พริมาสะอื้นหนักรีบพลิกกายนอนตะแคงหันหลังแล้วร้องไห้โดยไม่มีเสียง วรรธน์มองแผ่นหลังที่เคลื่อนไหวตามแรงสะอื้นนั้นแล้วหัวเราะในลำคอ มือใหญ่ฉวยช่อดอกไม้ขึ้นมาก่อนจะวางไว้ข้างๆ หมอน ก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ
“แค่รับดอกไม้จากกฉันเท่านั้นมันก็จบ” ความเงียบเปรียบเสมือนการท้าทาย วรรธน์ยกยิ้มมาดร้ายแล้วกดจูบลงกับผิวแก้มร้อน สัมผัสไร้ความอ่อนหวานเป็นดั่งเปลวเพลิงผลาญหัวใจของพริมาให้สลายลงช้าๆ
ชายหนุ่มผิวปากออกไปนอกห้องแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคุณวาสนามากับคนแปลกหน้าอีกสองคน วรรธน์ส่งยิ้มและสายตาเหยียดหยามโดยไม่พยายามปิดบังแต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่ตามมาหน้าตาหล่อเหลาเกาหลีเพียงใด ฝ่ายอนลก็มองตอบด้วยความสงสัยเพราะสังเกตแววไม่พอใจในดวงตากร้าว คุณวาสนามองชายเสื้อที่หลุดลุ่ยของคนที่เพิ่งออกมาจากห้องพักฟื้นของบุตรสาวแล้วให้ได้รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
“กลับ” เสียงวรรธน์สั่งลูกน้องสองคนที่ให้ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล หญิงสูงวัยเอะใจรีบเปิดประตูเข้าไปก่อนจะร้องเสียงหลง พริมาตะกายลงเตียงเพียงเพื่อจะหยิบที่กดสัญญาณขอความช่วยเหลือเข็มน้ำเกลือแทงเข้าเนื้อจนเลือดไหลเป็นทาง ร่างบางล้มฟุบหมดแรงกับพื้น
“ผิงลูก” / “ผิง” / “น้องผิง” อนลปรี่เข้าไปพยุงส่วนดารินพุ่งไปกดสัญญาณฉุกเฉิน วรรธน์เดินไปได้ไม่ไกลก็หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นพยาบาลวิ่งตรงไปยังห้องที่เขาจากมา
“นี่มันยังน้อยไป ครั้งต่อไปฉันจะค่อยๆ เช็กบิลเรียงตัว พวกแกจะต้องทรมานและเจ็บปวดมากกว่าที่ฉันเคยได้รับ” กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง นี่เป็นคติที่วรรธน์ วรวัฒน์ยึดมั่นเสมอมา
วันนั้นพริมาไข้ขึ้นถึงสี่สิบสององศาทำให้ดารินและอนลขอมาเยี่ยมในวันใหม่แล้วกลับไปพร้อมความสงสัยว่าทำไมสองแม่ลูกถึงไม่ยอมเอาผิดผู้ชายท่าทางโหดเหี้ยมคนนั้น อีกทั้งอาการป่วยของหญิงสาวก็ไม่ธรรมดา ผิวกายที่โผล่พ้นเนื้อผ้ายังปรากฏให้เห็นรอยเขียวช้ำและรอยถลอกจากการถูกฟันครูด
