บทที่ 9 3.2

ปรนจนคนตัวเล็กพยายามผละออกเพื่อหายใจ

“พะ พอก่อ...อั๊บ” เขาจูบอีก เป็นจูบที่สั่นคลอนสติสัมปชัญญะของพริมาอย่างหนักหน่วง หญิงสาวรู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ชายหนุ่มยอมผละออกพร้อมกับที่เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากลำคอหนา

“ทีนี้...” มือข้างหนึ่งตลบชายเสื้อตัวสวยขึ้น แรกทีเดียวพริมาคิดจะขืนตัวแต่คำพูดของวรรธน์ย้ำเตือนในสมองเลยต้องยอมให้ชายหนุ่มถอดเสื้อออกทางศีรษะ ทำได้เพียงกำหมัดข่มความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ “ฉันอยากเห็นเธอทั้งตัว”

สายบราถูกดึงออกจากไหล่ทั้งสองข้าง แขนแกร่งสอดลงมาใต้แผ่นหลังเปลือยเปล่าเพื่อปลดตะขอ พริมากัดริมฝีปากข่มใจบังคับไม่ให้ตัวเองยกมือขึ้นมาปิดทรวงอกขาวสล้างท้าทายสายตาและดูท่าวรรธน์จะพึงพอใจกับเรือนกายสวยสะกดใจนี้ไม่น้อย เขาทาบมือลงกับปทุมถันทั้งสองข้างแล้วเคล้นคลึงเบาๆ กระแสวาบหวามแผ่ซ่านไปยังใจกลางความเป็นชายใต้กางเกงผ้าแพรเนื้อดีจนดีดผึงเข้าใส่หน้าท้องเนียนนุ่ม ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นถอดเสื้อและเพียงพริบตาเดียวทั้งร่างก็ถูกกระชากขึ้นไปปะทะกับอกกว้าง วรรธน์รั้งเอวบางเข้าหา พริมาซุกซบกับกล้ามเนื้อแผงอกที่เต็มไปด้วยไรขนสลับกับผิวเรียบเนียนเซ็กซี่พร้อมได้ยินเสียงกระซิบ

“ทำให้ฉันพอใจ” หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ขณะที่วรรธน์จับมือเล็กมาทาบไว้ที่อกแล้วกระซิบอีก “ทำสิ” พริมาเริ่มจากการไล้ฝ่ามือเป็นวงกลมใต้ราวนมของคนที่ส่งเสียงครางอย่างเซ็กซี่ เธอแอบขอบคุณที่เขาส่งเสียงเมื่อเธอทำให้พอใจเพราะมันช่วยให้คนไม่ประสีประสามั่นใจได้มากว่ามาถูกทาง

“จูบฉัน” วรรธน์แหงนหน้ามองเพดาน ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปตามกระแสเลือด พริมาทาบมือกับเส้นชีพจรที่เห็นชัดเจนบริเวณต้นคอแกร่ง หญิงสาวตัดสินใจทาบริมฝีปากลงไปจนเขาส่งเสียงคำรามต่ำๆ มือหนาที่รั้งบั้นเอวสาวเลื่อนลงไปบีบคลึงสะโพกกลมกลึงอย่างเมามัน หากในนาทีที่เขาดึงขอบกางเกงลงพริมากลับสะดุ้งและหยุดทุกสิ่งอย่างเพราะความหวาดหวั่น

“พริมา” วรรธน์กดเสียงต่ำน่ากลัว แววตาที่มองคนตรงหน้าแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก ชั่วพริบตาร่างเล็กก็ถูกผลักให้นอนหงาย กางเกงถูกดึงออกจนแบบที่รั้งไว้ไม่ทัน

“มารยาของเธอนี่มันช่างปั่นประสาทคนอื่นได้ดีเป็นบ้า” เขาพึมพำพลางส่งมือข้างหนึ่งกอบกุมหญิงสาวชั่วขณะ ปลายนิ้วเรียวส่งกระแสวาบหวามแล่นเข้าสู่ร่างแน่งน้อยก่อนถอดถอนกลับไปลูบไล้เคล้าคลึงชนิดที่ทำใหพริมาเสียวซ่านจนแทบคลั่ง

“คุ คุณวรรธน์”

“ใช่ ครางชื่อฉันทูนหัว”

เสียงกระซิบของวรรธน์ปลุกเร้าอารมณ์เบื้องลึกในใจพริมา คำหวานที่เธอรู้ว่าจะได้ฟังก็ต่อเมื่อเขา ‘ต้องการ’ แต่กลับทำให้หัวใจห่อเหี่ยวพองโต แล้วก็ต้องร้องประท้วงเมื่อชายหนุ่มผละออก

“เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันไหม” ยังไม่ทันที่สมองของพริมาจะได้ประมวลผล คนตัวโตก็ยกร่างเล็กขึ้นไปพาดกับโต๊ะในลักษณะคว่ำหน้า กดแผ่นหลังขาวโพลนจนหน้าอกสวยแนบชิดราวกับเป็นเนื้อเดียวกับผิวกระจกของโต๊ะตัวนั้น ต้นขาแกร่งแทรกกลางระหว่างต้นขาเรียว มือข้างที่ว่างยกขาขาวขึ้นก่ายขอบโต๊ะเพื่อรองรับการรุกรานอันล้ำลึก แวบหนึ่งความกลัวผุดพลุ่งเข้ามาในหัวใจของสาวเจ้า

“คุณวรรธน์อย่า”

“กลัวฉันเอาตูดหรือ?” วรรธน์ก้มลงไปกระซิบถามพริมาเงียบเพราะกระดากปากเกินกว่าจะยอมรับว่าใช่ ครั้งก่อนเขาพูดเอาไว้เช่นนั้น แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ “ประตูหน้าของเธอยังฟิตอยู่ ฉันจะเอาข้างหลังทำไมกัน”

“ฮึก” ไม่ทันที่พริมาจะได้ตั้งตัวความเป็นชายใหญ่โตก็เสือกพรวดเข้ามาในกายร้อน เธอเจ็บปวดรวดร้าวราวกับร่างกายกำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อยากจะหนีไปจากตรงนี้ ไม่อยากอยู่ให้ทรมานทั้งกายและใจอีกต่อไป หากคำพูดของวรรธน์ยังคอยย้ำเตือน ‘ความอยู่รอดของครอบครัวเธอขึ้นอยู่กับความพอใจของฉัน’

มือใหญ่ฟาดลงมาที่สะโพกกลมกลึงซ้ายขวาสลับกันหลายทีพร้อมปล่อยเสียงครางอย่างเมามันในอารมณ์ ผิวนวลเห่อแดงเป็นปื้นเพราะรอยมือ ความเจ็บปวดแล่นปราดพาลให้น้ำตาร่วงหล่น วรรธน์ไม่สนความทรมานของเธอเขาโน้มลงมาแนบชิด แผ่นอกแกร่งแนบติดแผ่นหลังบอบบาง ขบเม้มใบหูระหว่างการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช่ำชอง เสียงครางกึกก้องห้องรับแขกจนพริมาอยากแทรกแผ่นดินหนี เมื่อตะกี้ป้าแม่บ้านยังยืนอยู่ข้างนอกนั่นและคงจะได้ยินเสียงพวกนี้

“คุณวรรธน์พอก่อนค่ะ ผิงเจ็บ ฮือๆ” ร่างขาวสะท้านไหวเพราะแรงสะอื้น คนหื่นกามอย่างวรรธน์ไม่คิดจะสงสารเธอบ้างเลยหรือ เขาโกรธแค้นอะไรเธอนักหนาถึงได้ทำกับเธอขนาดนี้ “คุณวรรธน์ ผิงขอร้อง...โอ้ย”

วรรธน์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น เขาปรารถนาจะได้ยินมันทุกคืนให้สาสมกับความเจ็บปวดที่เขาต้องเผชิญมาตลอดหลายปีเพราะคนพวกนี้เป็นต้นเหตุ บทรักดำเนินไปอย่างป่าเถื่อนขับเคลื่อนด้วยแรงแค้นที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจของชายหนุ่ม

“ร้องไห้ออกมาคนสวย เพราะยิ่งเธอเจ็บ ฉันยิ่งชอบ”

“คุณวรรธน์ได้โปรด” แรงกระแทกกระทั้นทำให้หน้าท้องของพริมากระแทกขอบโต๊ะจนร้าวระบม พยายามจะบิดตัวหนีแต่ก็ติดตรงที่ถูกกดร่างเอาไว้ “คุณวรรธน์ขา...ผิงเจ็บ”

“ใช่... อย่างนั้นแหละคนสวย ร้องออกมา อย่าหยุด ไม่อย่างนั้นเธอได้ตายคามือฉันแน่พริมา” วรรธน์อ้าปากงับหัวไหล่มน พริมาเจ็บจี๊ดกรีดร้องออกมาเบาๆ กระนั้นเขากลับได้ยินเสียงร้องของใครอีกคนซ้อนเข้ามาในสมอง

เสียงนั้น...เสียงเล็กน่าเอ็นดูที่สะอื้นไห้ปานจะขาดใจมันหลอกหลอนอยู่ในหัวของวรรธน์มานานหลายปีจนแทบไม่มีสักนาทีที่เขาจะหลับตาอย่างสงบสุข

‘หนูผิดอะไร ฮือๆๆ’

‘อย่าทำหนู’

‘ช่วยหนูด้วย’

มือแกร่งรั้งเอวคอดอย่างแน่นหนาในจังหวะที่กำลังจะพาตัวเองทะยานผ่านคลื่นหฤหรรษ์ ตะบี้ตะบันกดกระแทกไม่ยั้งจนพริมาแน่นิ่งไปในนาทีที่พิษสงของคนใจร้ายถูกรีดออกมาเติมเต็มในร่างกายของเธอจนล้นเอ่อ ร่างหนาซวนซบกับแผ่นหลังบอบบางกระแสซาบซ่านหลังผ่านบทรักหนักหน่วงทำให้ความรู้สึกโกรธแค้นในหัวใจแกร่งที่มีจุดกำเนิดมาจากเรื่องในอดีตสงบลง เขาจุมพิตผิวขาวเนียนอย่างแผ่วเบาก่อนจะรับรู้ว่าสาวเจ้าหมดสติไปแล้ว

“พริมา”

“...” ไม่มีเสียงตอบรับ ชายหนุ่มรีบผละออกแล้วพลิกกายบอบบางขึ้น ใบหน้าชื้นเหงื่อเปื้อนน้ำตาของพริมาซีดเผือดเล่นเอาหัวใจแข็งกระด้างของเขากระตุกวูบหนึ่ง เขาตบเบาๆ ที่แก้มซีดแต่หญิงสาวก็ไม่ขยับตัว หากแวบหนึ่งเกิดคำถามข้างในสมองของวรรธน์

เขาห่วงเธอทำไม...คนใจร้ายพวกนี้สมควรจะตายไปซะแผ่นดินจะได้สูงขึ้น เท่านั้นเองวรรธน์ก็เลิกกระวนกระวาย เขายกร่างเล็กขึ้นแล้วโยนลงไปที่โซฟา หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาปกปิดพอไม่ให้อุจจาดตาก่อนจะหยิบบุหรี่มาจุดแล้วนั่งมองพริมาอยู่เงียบๆ แววตาคมเต็มไปด้วยความพยาบาท ปรารถนาจะฆ่าเจ้าหล่อนให้ตายแต่นั่นมันง่ายไป

ความเจ็บปวดที่เขาเคยได้รับจะได้ถูกชดใช้ทั้งต้นทั้งดอกด้วยคราบน้ำตาของคนตระกูลสิทธิรักษ์

เปลือกตาบวมขยับน้อยๆ พร้อมกับความรู้สึกรวดร้าว หญิงสาวพยายามดันกายลุกขึ้นทั้งที่สมองยังมึนตื้อ กลิ่นควันบุหรี่ที่คละคลุ้งทำให้เวียนหัวจนอยากจะอาเจียน ก่อนจะพบว่าวรรธน์ที่สวมเพียงกางเกงตัวเดียวนั่งมองมาเงียบๆ แววตาเรียบนิ่งมีเปลวแห่งความชิงชังอยู่เต็มเปี่ยม

ทำไมวรรธน์ถึงเกลียดเธอขนาดนี้ เธอไม่เคยทำอะไรให้เขาต้องเจ็บช้ำ...หากเธอผิดเพราะเกิดเป็นพริมาก็นับว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเลย

“ใส่เสื้อผ้า” คำสั่งของเขาทำให้หญิงสาวขยับตัวเพื่อจะสวมใส่เสื้อผ้า สายตามองไปรอบห้องอย่างหวาดระแวงกลัวใครจะเข้ามาเห็นโชคดีที่ไม่มีใครเข้ามา

“คุณอารมณ์ดีแล้วใช่ไหมคะ” รวบรวมความกล้าเพียงน้อยนิดถามคำถามที่ดูจะสิ้นคิดที่สุดในความรู้สึกของคนฟังเพราะมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตงิดๆ

“พอขายตัวเสร็จก็รีบพูดเรื่องค่าแรงเลยนะเธอ โคตรมือโปร” ถ้อยคำเหยียดหยามทำให้น้ำตาหยดที่ล้านร่วงหล่น แต่คนตัวบางก็ได้แต่กำหมัดข่มความเจ็บปวดและน้อยใจเอาไว้

“ผิงมาที่นี่เพราะแค่อยากได้ความชัดเจน” ถ้าเขาแค่จะล้อเล่นปั่นหัวครอบครัวของเธอเท่านั้นก็เป็นอันว่าทุกอย่างจะต้องจบลง แต่หากไม่ใช่...เขาควรจะทำตาที่บอกไว้เพราะชีวิตของบิดาเธอนั้นรอไม่ได้แล้ว

“ความชัดเจนหรือ?” วรรธน์แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมแล้วลุกพรวดขึ้น สายตาคมเข้มจดจ้องหญิงสาวราวจะกินเลือดกินเนื้อ พริมากลั้นหายใจพลางบีบมือตัวเองแน่นและไม่สบตาเขาหากแววตาเศร้ายังปรากฏความเด็ดเดี่ยวฉายชัด

“ยังไม่เข้าใจใช่ไหมว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร”

“...” ฐานะอะไร เสียงนั้นดังก้องในหัวใจที่ล่องลอย

“เธอคือสินค้าทดลองพริมา คือตัวแก้ขัดระหว่างที่ฉันรอให้พี่สาวเธอกลับมา นั่นหมายความว่าแพรพรรษาคือตัวแปรเดียวที่จะทำให้ฉันยอมช่วยเหลือครอบครัวเธอ”

“ผิงไม่มีค่าอะไรในสายตาคุณวรรธน์เลยใช่ไหมคะ”

วรรธน์ไม่รู้ว่าพริมาพูดออกมาเพราะความน้อยใจหรือเปล่า แต่ใครสนเล่า!

“มีสิ” แกล้งพูดยิ้มๆ แต่คนฟังกลับไม่คิดจะเชื่อเลยสักนิด

ใบหน้าสวยเบือนขึ้นมองร่างใหญ่ที่เดินเข้ามา มือซ้ายของวรรธน์ล้วงกระเป๋าก่อนจะดึงเอาธนบัตรใบละยี่สิบบาทออกมายื่นตรงหน้าเธอหนึ่งใบ

“จะให้เศษสตางค์ด้วยซ้ำแต่บังเอิญว่าบ้านรวยจนหาเศษไม่ได้ เอาไปยี่สิบเลยละกัน ฉันใจป้ำ”

ค่าของเธอมีเพียงเท่านี้ใช่ไหม พริมาร้องขึ้นในใจก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้อย่างคนหัวใจสลายออกมาอย่างสุดจะกลั้น มือบางยกขึ้นกุมหัวใจที่มันราวกับว่าจะขาดรอนๆ ภาพนั้นพาใจด้านชาของวรรธน์กระตุกอีกแล้ว แต่เขากลับชดเชยมันด้วยอารมณ์ผันผวนรุนแรง แขนใหญ่กระชากมือบางออกมาแล้วยัดธนบัตรใส่มือเล็ก

“ฉันตีค่าเธอมากเกินพอ ความจริงคนอย่างเธอมันไร้ค่าแม้กระทั่งเวลาจะขึ้นเตียง”

วรรธน์เดินปั้นปึ่งออกไปด้วยอารมณ์สับสนชนิดที่จับต้นชนปลายไม่ถูก

เมื่อกี้เขาสงสารผู้หญิงคนนั้น...คนอย่างเขาน่ะหรือจะยอมให้พริมาเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ ด้านหญิงสาวก็ร้องไห้โฮทั้งเจ็บปวดและเสียใจจนไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไรได้หมด

เจ็บเหลือเกินที่ได้รู้ว่าวรรธน์ไม่ได้เอ็นดูเธอเหมือนก่อนยังไม่พอ...เขาเกลียดเธอโดยที่เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความผิดอะไร

บทก่อนหน้า
บทถัดไป