บทที่ 2 ตอนที่1 สวมรอย
"อย่าทำหน้าแบบนี้สิลูกดา!"คนเป็นแม่อดที่จะเตือนลูกสาวไม่ได้ที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงในขณะที่เดินลงมาร่วมงานในตอนเย็น
"ก็ดาไม่มีความสุขหนิคะ แม่ก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันฝืนใจดามากขนาดไหน"
"แม่ขอได้ไหมลูกช่วยทำให้ทุกอย่างจบสักที ดีแค่ไหนแล้วที่วันนี้ไม่มีการจดทะเบียนสมรส"
"งานเช้าไม่มี แต่ตอนเย็นคุณแม่มั่นใจนะคะว่าจะโกหกทุกคนได้อีก สายตาของเขาที่มองดาเมื่อเช้าเหมือนเขาจะรู้แล้วเลยว่าเรากำลังโกหกเขาอยู่"เธอยังจำสายตาของธิติวัฒน์ได้ว่าเมื่อเข้าเขาจ้องเธอขนาดไหน แต่ทว่าเธอไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มไม่พูดอะไรออกมาทั้งๆ ที่เขาเหมือนจะรู้พอคิดถึงเรื่องนี้คนตัวเล็กในชุดเจ้าสาวสีขาวสวยบริสุทธิ์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเดาไม่ได้ว่าสรุปแล้วเขารู้รึเปล่าว่าเธอไม่ใช่ดาริกาคนรักของเขา
สายตาคมเข้มของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจ้องมองหญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวที่เดินลงบันไดมา เขาจำต้องเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กก่อนจะยื่นมือไปให้หญิงสาวจับแขนตน การกระทำของชายหนุ่มแน่นอนมันทำให้ดารากานต์ชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่ชอบให้ใครจับตัวเธอโดนเฉพาะคนแปลกหน้าอย่างผู้ชายคนตรงหน้านี้ ถึงแม้จะเคยเจอกันมาหลายครั้งแต่สำหรับเธอ ธิติวัตน์ก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าอยู่ดี
หญิงสาวจำใจเอื้อมมือไปสัมผัสแขนแกร่งที่ยื่นมาให้เธอจับ เพราะมีสายตาของใครหลายๆ คนจับจ้องอยู่เธอจึงต้องเล่นละครตามน้ำไป ซึ่งแน่นอนภาพคู่บ่าวสาวที่ใครๆ ที่ได้เห็นก็พากันชื่นชมความเหมาะสมของทั้งสองคนไม่น้อย เพราะความสวยความหล่อของสองบ่าวสาวมันช่างดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด
ธิติวัตน์รับรู้ถึงความเกร็งของหญิงสาวพอสมควร สงสัยกลัวความผิดสินะถึงได้มีท่าทีอย่างนี้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามพิธีการของงานช่วงเย็น ดารากานต์ภาวนาให้ทุกอย่างจบเร็วๆ แต่ทว่ามันก็ไม่เป็นอย่างนั้น เธอต้องถ่ายรูปกับแขกมากมายฝืนยิ้มไม่รู้จบอยู่อย่างนั้น ยิ่งในบางครั้งชายหนุ่มข้างกายหันหน้ามาหามันก็ยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“เหนื่อยรึเปล่า?”จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยถามเธอออกมา ดารากานต์ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าตอบกลับอีกฝ่ายไป ใครจะไม่เหนื่อยกัน เธออยากให้งานนี้จบลงสักที เธอรอดาริกากลับมาจนใจจะขาดแล้ว ไม่อยากเล่นละครอะไรต่ออีกไปแล้ว
เธอไม่รู้ว่าทำไมเรื่องรวมทุกอย่างถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้ จู่ๆ พี่สาวของเธอก็หายไปไหนไม่รู้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็เห็นไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนนี้อยู่เลย มาวันนี้กลับไม่ยอมมาเข้าพิธีแต่งงาน สร้างความลำบากให้เธอจนได้ เธอไม่รู้ว่าหลังจากพิธีตรงนี้เสร็จแล้วจะทำยังไงต่อไปดี เพราะยกเลิกงานตั้งแต่ต้นไม่ได้ทำให้เธอต้องมาเล่นละครแบบนี้ไง
การแต่งงานในครั้งนี้มีเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจเข้ามา ครอบครัวเธอกำลังเดือดร้อน เพราะงั้นการแต่งงานในครั้งนี้จึงสำคัญกับครอบครัวเธอเอามากๆ ดาริกาไม่น่ามาทำแบบนี้เลย นึกขึ้นมาหญิงสาวก็รู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพยายามสวมรอยเป็นแฝดผู้พี่ ไม่ทำให้ใครจับได้แต่ก็ไม่รู้ว่าความเรียบนิ่งของผู้ชายอีกคนนั้น จะรับรู้รึเปล่ากับสิ่งที่ครอบครัวเธอกำลังทำอยู่
“มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้วครับ แขกทุกคนในที่นี้คงจะอยากทราบแล้วใช่ไหมครับ ว่าบ่าวสาวทั้งสองคนไปรักไปชอบกันได้ยังไง?”คำถามของพิธีกรบนเวลาแน่นอนทำให้หญิงสาวในชุดเจ้าสาวแสนสวยชะงักไปทันที เธอนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี ยิ่งไปกว่านั้นแขกที่มาร่วมงานก็ให้ความร่วมมือเสียจริง ส่งเสียงให้กับคู่บ่าวสาวเหมือนต้องการได้ยินเรื่องราวความรักของคนทั้งสอง
“งั้น ขอถามทางเจ้าบ่าวก่อนเลยครับ ว่าอะไรในตัวเจ้าสาวทำให้คุณถูกใจจนถึงขั้นตัดสินใจสร้างครอบครัวกับผู้หญิงคนนี้”ธิติวัตน์ยังคงเผยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่คนตัวสูงจะหันไปจับจ้องหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยกแขนขึ้นมาโอบร่างบางอรชรของคนตัวเล็ก แน่นอนการกระทำของอีกฝ่ายมันทำให้ดารากานต์ตกใจพอสมควร แต่จะให้เธอขยับกายหนีก็คงไม่ใช่เรื่อง
“สำหรับผม ผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมรู้ว่าความรักคืออะไร เธอทำให้ผมอยากอยู่กับเธอไปจนตายเลยละครับ”ถึงแม้จะเป็นคำพูดเหมือนแสนจะโรแมนติก แต่ไม่รู้ทำไมคนฟังอย่างดารากานต์กลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขอะไรแบบนั้น เพราะเธอรู้ดีไง ว่าเขาไม่ได้พูดเพราะเป็นเธอ สำหรับชายหนุ่มแล้ว เขาคิดว่าเธอคือดาริกาต่างหาก
“โรแมนติกที่สุดเลยครับ แล้วเจ้าสาวล่ะครับ อะไรในตัวเจ้าบ่าวที่ทำให้ตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้ชายคนนี้?”ดารากานต์กลืนน้ำลายลงคอก่อนเธอจะไปมองชายหนุ่มที่ยังคงกอดกระชับร่างของเธอเอาไว้แน่นมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เพราะปกติดารากานต์ไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวแบบนี้ แต่เพราะปฏิเสธไม่ได้กลัวว่าจะมีพิรุธมันจึงทำให้เธอพยายามฝืนยอมให้กับกอด
