บทที่ 6 6
สิ้นคำพูดของหญิงสาวที่เอ่ยออกมา ร่างเล็กของดารากานต์ก็พยายามดีดดิ้นให้หลุดพ้นไปจากคนตัวสูงแต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ในตอนนี้ธิติวัฒน์คร่อมทับร่างกายของเธออยู่ เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของหญิงสาวตึงที่เหนือหัวด้วยมือเดียวของเขาได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มจะโน้มลงมาบดขยี้ริมฝีปากของคนตัวเล็กอย่างโมโห
สิ่งที่ทำให้ธิติวัฒน์รู้สึกโมโหก็คือการที่ทุกคนคิดว่าเขาโง่อย่างไงล่ะ นิสัยของเขาไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบหรือมาหลอกลวง ในเมื่อเธอกับครอบครัวเธอกล้าที่จะลองดีกับเขา เขาก็จะจัดให้ ชายหนุ่มจูบหญิงสาวอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงแม้จะพอใจกับความหอมหวานที่ได้รับแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์เย็นลงเลย ยิ่งหญิงสาวพยายามดีดดิ้นพยายามต่อต้านมันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่อยากเอาชนะไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิดว่าจะยอมหรือไม่ยอม
"อ๊ะ เจ็บนะ!"ดารากานต์โวยวายออกมาหลังจากที่ชายหนุ่มถอนจูบเขาก็เลื่อนใบหน้าลงไปขบเม้มลำคอของเธออย่างรุนแรง ซึ่งแน่นอนการกระทำของชายหนุ่มมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
แต่ทว่าสำหรับคนตัวสูงแล้วการที่เห็นหญิงสาวใต้ร่างโวยวายออกมาอย่างไม่พอใจอย่างนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกสะใจพอสมควร อารมณ์หงุดหงิดอารมณ์โมโหกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ธิติวัฒน์อยากจะทำให้เธอได้รับรู้ว่าการที่คิดสวมรอยอยากจะเป็นเมียเขามันต้องเจออะไรบ้าง
ดารากานต์สั่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย ในเมื่อเขารู้แล้วว่าเธอไม่ใช่ดาริกาแต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมหยุด ไหนว่ารักพี่สาวเธอนักไม่ใช่หรือไงทำไมในตอนนี้เขาถึงมาทำแบบนี้กับเธอด้วย คนตัวเล็กไม่คิดยอมแพ้เธอดีดดิ้นพร้อมพยายามผลักไสให้อีกฝ่ายออกไปจากร่างกายของเธอ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอต่อต้านธิติวัฒน์ก็ยิ่งใช้แรงกดแขนเธอให้แนบลงกับที่นอนกว้าง
"อย่าทำอะไรบ้าๆนะคะ ในเมื่อคุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่พี่รินทำไมคุณถึงมาทำแบบนี้กับฉันอีก"
"ใช่ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ดาริกา แต่คุณเองไม่ใช่หรอที่อยากสวมรอยเป็นพี่สาวตัวเอง ในเมื่อคิดอยากเป็นตัวแทนก็เป็นต่อไปสิ!"คำพูดของชายหนุ่มมันทำให้ดารากานต์ชะงักนิ่งไป เธอไม่ได้อยากสวมรอยเป็นพี่สาวตัวเองเลยสักนิดสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เธอเองก็จำใจทำเหมือนกัน
"ไม่นะ คุณธิติวัฒน์อย่าทำกับฉันแบบนี้นะคะ ฉันขอโทษที่โกหกหลอกลวงคุณ ฉันขอโทษที่สวมรอยเป็นพี่ริน แต่ฉันก็ไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้"
"เหอะ ไม่ต้องการนั้นหรอก ถึงขนาดขึ้นเตียงกันแล้วยังพูดว่าไม่ต้องการงั้นหรอ ถ้าคุณไม่ต้องการจริงก็คงไม่อยู่ห้องนี้กับผมหรอก คุณสามารถบอกทุกคนได้ว่าคุณไม่ใช่ริน ทำไมไม่ยกเลิกงานแต่งไปซะทำแบบนี้ทำไม"คำพูดของชายหนุ่มมันก็มีส่วนถูก ใช่ว่าเธอไม่บอกพ่อแม่ว่าให้ยกเลิกงานแต่งนี้ซะแต่ทว่าทางครอบครัวของเธอไม่สามารถยกเลิกงานแต่งนี้ได้ จุดประสงค์เพราะอะไรเธอก็ย่อมรู้ดี
"ฉัน เอ่อ คือว่า"
"ฉันรู้ไม่ต้องพูด ที่เธอกับครอบครัวเลือกที่จะหลอกฉัน ก็เพราะหวังเงินของฉัน ในเมื่อหน้าเงินกันทั้งโคตรแบบนี้ ก็ทำให้มันเต็มที่สิ ทำหน้าที่เมียที่เธอพยายามยัดเยียดตัวเองให้กับฉันสิ!"ทั้งน้ำเสียงทั้งสรรพนามที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
"ไม่นะ คุณ ปล่อยฉันนะ อย่าทำแบบนี้ กรี๊ด ปล่อย!"
แควก แควก แควก!
ชุดนอนตัวบางของหญิงสาวถูกกระชากออกจนได้ยินเสียงขาดของเสื้อผ้า ชายหนุ่มดึงชุดคลุมเธอออกไปจากร่างกายของเธออย่างไม่สนใจคำห้ามปรามของหญิงสาวเลยสักนิด คนตัวเล็กรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย เธอพยายามใช้มือที่เป็นอิสระยกขึ้นมาทุบตีชายหนุ่มให้เขาหยุดการกระทำบ้าๆ นี้แต่มันก็แทบไม่สามารถทำให้ธิติวัฒน์หยุดได้เลย
"อย่านะ คุณมันคนบ้า บ้าไปแล้วจริงๆ อย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ!"
"เออฉันบ้า ก็ผู้ชายบ้าๆคนนี้ไหม ที่เป็นผัวเธอ!"
เพี๊ยะ! หญิงสาวผลักตัวชายหนุ่มให้ออกห่างพร้อมลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาฟาดลงบนใบหน้าของชายหนุ่มเผื่อเรียกสติให้เขาหยุดทำบ้าๆ แบบนี้กับเธอ เธอยอมรับผิดทุกอย่างที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชายหนุ่ม เขาก็ควรหยุดไม่ควรมาทำแบบนี้กับเธอ
"ตบนี้หวังว่าคุณจะได้สติบ้าง ใช่ฉันผิดที่ฉันไม่ได้บอกคุณที่ฉันโกหกหลอกลวงคุณ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉัน!"
"หึ ไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ"ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอออกมาพร้อมกับตวัดสายตากลับมามองคนตัวเล็กที่เพิ่งตบหน้าเขาไป ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนจะแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุดันอย่างชัดเจน อะไรกันที่ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ เขาเพิ่งจดทะเบียนสมรสเป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายแล้วแท้ๆ จะมาบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ได้ยังไงกัน นับแต่นี้ทั้งตัวเธอเป็นของเขา เขาทำอะไรกับเธอก็ได้ เธอไม่มีสิทธิ์ห้าม
"คุณ!"
"เข้าใจผิดแล้วดารากานต์ ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่างจำเอาไว้"
