บทที่ 3 ฉันยืนหยัดเพื่อคุณ

“แม่ไปหาผู้ชายแก่คราวพ่อมาให้หนูแต่งงานด้วย แค่เพื่อจะเอาเงินไปจัดงานแต่งให้ลูกชายแม่เนี่ยนะ? พวกแม่เคยคิดถึงความรู้สึกหนูบ้างไหม?” น้ำเสียงของนาโอมิเย็นชาจับใจ

นับตั้งแต่ครอบครัวรู้ว่าเธอเลิกกับเจมส์ พวกเขาก็บังคับให้เธอไปนัดบอดไม่หยุดหย่อน พวกเขาต้องการใช้การแต่งงานของเธอเพื่อหาเงินมาซื้อบ้านและจัดงานแต่งงานให้กับพี่ชายของเธอ

ผู้ชายที่พวกเขาหามาให้ล้วนแต่เป็นตัวเลือกที่แย่มาก ไม่ว่าจะเป็นพ่อม่ายลูกติด พิการ หรือไม่ก็แก่คราวพ่อ

“เราเลี้ยงแกมาจนโต แต่มาตอบแทนกันแบบนี้เหรอ? คืนนี้แกต้องกลับบ้านมาคุยเรื่องงานแต่งนี่ ไม่งั้นแม่จะบุกไปหาแกที่ทำงาน!” เสียงของแม่ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังลอดออกมาจากโทรศัพท์

นาโอมิสูดหายใจเข้าลึก “หนูแต่งงานแล้วค่ะ”

“แต่งงานแล้ว? กับใคร? อย่ามาโกหกแม่นะ! คืนนี้แม่จะไป แล้วแกจะต้องเสียใจ!”

“แล้วแต่แม่จะคิดเถอะค่ะ”

นาโอมิกระแทกหูโทรศัพท์ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธออาจจะหลบเลี่ยงเรื่องนี้ได้ชั่วคราว แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี อย่างน้อยตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถบังคับให้เธอไปแต่งงานกับคนอื่นได้อีก

แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของโจนาธานว่าอย่าบอกใครเรื่องการแต่งงานของพวกเขา เธอก็รู้สึกเสียใจที่เผลอพูดออกไปโดยไม่ทันคิด

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี เธอก็เห็นโจนาธานเดินเข้ามาในชุดสูทดีไซเนอร์สีดำสนิทไร้ที่ติ มีกลุ่มคนเดินตามหลังเขามา ทั้งผู้ช่วยของเขาทางด้านซ้ายและเจ้านายของเธอทางด้านขวา

วันนี้เป็นวันที่โจนาธานเข้ามาซื้อกิจการของบริษัทอย่างเป็นทางการ

สายตาของพวกเขาสบกันชั่วครู่ โดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ปรากฏให้เห็น นาโอมิรีบหลบตาทันที แสร้งทำเป็นว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน

ทว่าความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของเธอ... ทำไมไม่พาโจนาธานไปพบครอบครัวของเธอล่ะ?

“นาโอมิ คุณคาเวนดิชต้องการพบคุณ ทำตัวดีๆ สร้างความประทับใจให้ได้ล่ะ!”

คำพูดของเจ้านายขัดจังหวะความคิดของเธอ

“ได้ค่ะ” เธอตอบรับพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปยังห้องทำงาน

เจ้านายของเธอเลิกคิ้ว

การที่โจนาธานเรียกนาโอมิไปพบอาจหมายความว่าเขาสนใจในตัวเธอ ถ้าหากนาโอมิเล่นตามน้ำเป็น ทุกคนก็อาจจะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย

ภายในห้องทำงาน นาโอมิยังคงรักษากิริยาที่เป็นทางการ

“คุณคาเวนดิช” เธอกล่าวทักทายเขาอย่างนอบน้อม ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้ากันโดยสิ้นเชิง

โจนาธานยื่นโทรศัพท์ของเขาซึ่งแสดงคิวอาร์โค้ดของวอตส์แอปให้เธอ

“ผมไม่มีข้อมูลติดต่อของคุณ คืนนี้คุณต้องไปทานอาหารเย็นที่บ้านผม”

“ทานอาหารเย็นที่บ้านคุณเหรอคะ?” นาโอมิยืนนิ่ง ความรู้สึกสับสนตีกันในใจ

นี่พวกเขาข้ามไปถึงขั้นไปพบพ่อแม่กันแล้วเหรอ?

โจนาธานเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้นาโอมิรีบสแกนคิวอาร์โค้ดและเพิ่มเขาเป็นผู้ติดต่อทันที

“เตรียมตัวให้พร้อมด้วย” เขาพูดเสียงเรียบจนอ่านความรู้สึกไม่ออก

นาโอมิไม่เข้าใจเจตนาของเขาสักเท่าไหร่ เดี๋ยวก็ย้ำว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องการแต่งงานของพวกเขา แต่อีกเดี๋ยวก็จะพาเธอไปพบครอบครัว

บางทีอาจจะมีแค่สมาชิกในครอบครัวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้รู้?

เธอรู้สึกโล่งใจ... เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะเข้าหาโจนาธานเพื่อคุยเรื่องสถานการณ์ของเธออย่างไรดี แต่ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“หลังจากไปพบครอบครัวของคุณแล้ว พอจะเป็นไปได้ไหมคะที่คุณจะไปทานอาหารเย็นที่บ้านฉันบ้าง?” นาโอมิถามอย่างลังเล “ครอบครัวของฉันไม่เชื่อว่าฉันแต่งงานแล้ว และยังพยายามจับคู่ให้ฉันไม่เลิก ฉันจะขอบคุณมากถ้าคุณจะช่วย”

เมื่อโจนาธานไม่ตอบในทันที เธอก็รีบถอนคำพูด “ถ้าไม่สะดวกก็ลืมที่ฉันพูดไปได้เลยค่ะ”

ครอบครัวคาเวนดิชแตกต่างจากครอบครัวของเธอราวฟ้ากับเหว โจนาธานคงจะนับแค่ญาติของตัวเองเป็นครอบครัวเท่านั้น และไม่ได้สนใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพวกเคนเนดี คำขอของเธอคงจะถือวิสาสะเกินไป

“ได้สิ” โจนาธานตอบสั้นๆ ริมฝีปากบางของเขาแทบไม่ขยับ

“จริงเหรอคะ? ฉันสัญญาว่าจะไม่รบกวนเวลาของคุณมาก” ดวงตาของนาโอมิเป็นประกายขณะที่เธอพูดอย่างกระตือรือร้น

โจนาธานพยักหน้าเล็กน้อย “เลิกงานแล้วรอผมด้วย”

นาโอมิพยักหน้ารับรัวๆ

ทันทีที่เลิกงาน เธอก็ได้รับข้อความวอตส์แอปป์จากโจนาธานที่บอกให้เธอไปที่ลานจอดรถใต้ดิน เธอรีบลงไปและเห็นรถมายบัคจอดรออยู่ข้างลิฟต์ทันที

“ขึ้นมาสิ” โจนาธานลดกระจกรถลง น้ำเสียงของเขาเย็นชาและห่างเหิน

นาโอมิรีบทำตามอย่างรวดเร็ว

พวกเขาขับรถไปในความเงียบที่ไม่อึดอัด

โจนาธานตรวจเอกสารขณะที่นาโอมิพิงกระจกหน้าต่าง มองตึกรามบ้านช่องและทิวทัศน์เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องของเธอปั่นป่วนไปด้วยความกังวล

เธอเคยได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับธรรมเนียมและความคาดหวังอันแปลกประหลาดของครอบครัวคนรวยจากเจมส์ และเรื่องราวเหล่านั้นก็ทิ้งความหวาดหวั่นไว้ในใจเธอ

นาโอมิสูดหายใจลึกและทำใจให้เข้มแข็ง เธอตัดสินใจว่าจะพูดให้น้อยที่สุดที่บ้านคาเวนดิช ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด หลังจากนั้น โจนาธานจะช่วยเธอจัดการเรื่องพ่อแม่ของเธอ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม

หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถมายบัคสีดำก็แล่นเข้าไปในถนนส่วนบุคคลของวิลล่าบนเนินเขาอย่างนุ่มนวล

วิลเลียมซื้อที่ดินอันเงียบสงบแห่งนี้ไว้โดยเฉพาะเพื่อความสงบของมัน เป็นสถานที่พักผ่อนที่ซ่อนตัวอยู่บนเนินเขา ห่างไกลจากความวุ่นวายในเมือง

เมื่อก้าวลงจากรถ นาโอมิก็รู้สึกประทับใจกับบรรยากาศที่สดชื่น เมื่ออยู่ห่างจากเสียงอึกทึกของเมือง เธอก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่อันเงียบสงบ เธอสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึกๆ หลายครั้ง พยายามสงบสติอารมณ์

เมื่อเห็นว่าโจนาธานเดินเข้าไปในวิลล่าแล้ว เธอก็รีบเดินตามเขาไป คนรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายพวกเขา “คุณโจนาธาน คาเวนดิชคะ คุณวิลเลียม คาเวนดิชกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องอาหารค่ะ”

โจนาธานรับทราบด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไปข้างใน นาโอมิสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่กดดัน บ้านทั้งหลังดูเหมือนเต็มไปด้วยความเงียบงันอันหม่นเศร้า ปราศจากชีวิตชีวา

คฤหาสน์กว้างขวางให้ความรู้สึกว่างเปล่าอย่างน่าขนลุก มีคนให้เห็นน้อยมาก เมื่อพวกเขาไปถึงห้องอาหาร เธอก็พบว่ามีคนทานอาหารเพียงสามคนเท่านั้น คือตัวเธอ โจนาธาน และชายชราผมขาวโพลน

“หนูคงเป็นภรรยาของโจนาธานสินะ ปู่เป็นปู่ของเขาเอง” วิลเลียมทักทายนาโอมิอย่างอบอุ่นก่อนจะไอโขลกอย่างรุนแรง

นาโอมิขยับเข้าไปรินน้ำให้เขาตามสัญชาตญาณ พร้อมกับลูบหลังเบาๆ

เมื่อวิลเลียมอาการดีขึ้น เธอก็ยิ้มและแนะนำตัวเอง “สวัสดีค่ะ หนูชื่อนาโอมิ เคนเนดีค่ะ”

“กินข้าวกันเถอะ” วิลเลียมพูดพลางมองเธออย่างพึงพอใจ

อาหารค่ำของบ้านคาเวนดิชนั้นหรูหรา แต่วิลเลียมทานได้เพียงไม่กี่คำก็วางส้อมลง

นาโอมิยิ้มและบอกว่าเธออิ่มแล้ว จากนั้นจึงนั่งลงตรงข้ามกับวิลเลียมที่โต๊ะเตี้ย

เกมเงียบๆ ของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น แต่ละตาเดินเป็นไปอย่างไม่เร่งรีบภายใต้แสงแดดยามบ่ายอันอบอุ่นที่สาดส่องลงมา

นาโอมิเล่นด้วยความสง่างามที่สงบนิ่งและช่ำชอง ท่าทีของเธอดูตั้งใจแต่ก็ลื่นไหล พร้อมกับชวนวิลเลียมคุยบทสนทนาสบายๆ ไปด้วย

แม้จะเห็นได้ชัดว่าเหนื่อยล้า แต่วิลเลียมก็ยังคงท่าทีร่าเริงตลอดการสนทนา ทำให้รัศมีความหม่นหมองรอบตัวเขาจางลงไปบ้าง

โจนาธานยังคงเงียบ เฝ้ามองพวกเขาอยู่ นับตั้งแต่อาการมะเร็งของวิลเลียมทรุดลง ปู่ของเขาก็ไม่เคยดูมีความสุขเท่านี้มาก่อน

ดังที่วิลเลียมเคยกล่าวไว้ การได้เห็นโจนาธานแต่งงานจะทำให้เขาจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

โจนาธานลดสายตาลงเพื่อซ่อนความรู้สึกก่อนจะกลับไปสนใจเอกสารของเขา

วิลเลียมเหลือบมองโจนาธานแล้วส่ายหัวอย่างปลงตก “นาโอมิ หนูต้องสร้างชีวิตที่ดีกับโจนาธานนะ เขาอาจจะดูห่างเหินไปบ้าง แต่ลึกๆ แล้วเขาเป็นคนดี ถ้าเขาทำไม่ดีกับหนูเมื่อไหร่ บอกปู่นะ แล้วปู่จะจัดการเขาให้เอง!”

คำพูดของชายชรากระตุ้นให้เขาไออย่างรุนแรงอีกครั้ง เขาอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด สีเลือดบนใบหน้าจางหายไปขณะที่ลมหายใจของเขาก็เริ่มติดขัดมากขึ้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป