บทที่ 1 ก่อนจะเป็นไป๋ลี่ถิง

ชลดาสาวบ้านนาอายุเพิ่งจะผ่านเลขสามไปได้ไม่นาน หลังจากที่เสียพ่อแม่ไปในวัยเด็กชลดาอาศัยอยู่กับคุณยายแค่สองคน หลังจากที่คุณยายที่อุ้มชูเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็กได้ลาโลกไป เธอจึงตัดสินใจเข้าไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองกรุงจากสาวนาไปเป็นสาวโรงงาน หลังจากที่เข้ามาทำงานในโรงงานทอผ้าแห่งนี้จากพนักงานธรรมดารับค่าแรงรายวัน ด้วยความขยันหมั่นเพียรมานานหลายปี ผู้จัดการโรงงานได้เห็นถึงความอดทนและขยันทั้งชลดายังทำงานได้ดีอีกด้วย ถึงแม้ว่าชลดาจะจบการศึกษาแค่มัธยมตอนปลายก็ตามที ผู้จัดการก็ไม่ลังเลใจในการที่จะเลื่อนตำแหน่งให้เธอจากพนักงานธรรมดาก้าวขึ้นสู่หัวหน้าแผนกตัดเย็บทันทีและยังแนะนำให้เธอไปสมัครเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย

ชลดาถือว่าเป็นคนที่เรียนเก่งคนหนึ่งเพียงแต่เธอไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง ชลดาทำตามคำแนะนำของผู้จัดการโรงงานและไปสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้วยเกรดเฉลี่ยที่สูงลิบ หลังจากที่เรียนจบเธอนำวุฒิการศึกษามายื่นที่โรงงานเพื่อปรับฐานเงินเดือน ทุกวันเธอทำงานด้วยความสุขสนุกกับการทำงานมีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีเพื่อนสนิทที่รู้จักตั้งแต่มาทำงานที่โรงงานแห่งนี้เมื่อ 13 ปีก่อน อยู่ 2 คน คือ เอ๋ และพร ทั้งสามคนเช่าห้องอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เดียวกันชั้นเดียวกันและที่สำคัญยังโสดสนิททั้งสามคน

วันนี้เป็นวันทำงานตามปกติหลังจากที่เมื่อวานเป็นวันหยุด เอ๋ และพรกลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมพ่อและแม่หลังจากที่ไม่ได้กลับไปเสียนานทำให้วันนี้ชลดามาทำงานเพียงคนเดียว งานวันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรให้ปวดหัวมากมายนักนอกจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถแก้ไขไปได้ หลังจากทำงานทั้งวันจนมาถึงตอนเย็นเวลาเลิกงาน ชลดาตั้งใจว่าจะไปเดินเที่ยวตลาดนัดเพื่อหาอะไรกินเพราะสองเพื่อนซี้กลับบ้านยังไม่กลับมา ทำให้เธอรู้สึกเหงาขึ้นมานิดหน่อยบางทีการเป็นลูกคนเดียวก็ไม่ดีเอาเสียเลย ยิ่งตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้วบ้านไม่มีให้กลับยังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร อายุล่วงเลยมาจนเลขสามแล้ว แฟนยังไม่มีสามียังหาไม่ได้ไม่รู้จะกลายเป็นยายแก่ตายไปอย่างโดดเดี่ยวหรือเปล่า หรือว่าบางทีเธอจะไปรับเด็กมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมดี

บางครั้งเธอยังนึกขำกับความคิดตัวเอง เอาอะไรมากล้าไปรับเด็กมาเลี้ยงตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย ทั้งชีวิตอุทิศให้งานจะเอาเวลาที่ไหนไปหาครอบครัว ไม่ทำงานก็ไม่มีเงินหลาย ๆ คนจะรู้ว่าความจนมันน่ากลัวขนาดไหนการไม่มีกินมันทรมานมากแค่ไหน เมื่อปลงตกกับความคิดและชีวิตได้แล้ว หลังจากเลิกงานชลดามุ่งหน้าสู่ตลาดนัดข้างโรงงานทันที หลังจากซื้อข้าวปลาอาหารจนล้นมือแล้วก็เดินตรงไปหาเช่าหนังสือนิยายมาอ่านเล่นไปพลาง ๆ และนอนดูยูทูปสอดส่องชีวิตบรรดาเมียฝรั่งในต่างแดนที่ผันตัวมาเป็นยูทูปเบอร์แชร์ประสบการณ์ชีวิตในการเก็บเห็ดและผักป่าในต่างแดน บางครั้งก็ดูวิธีการทำอาหารของบรรดาเชฟชื่อดังต่าง ๆ บางครั้งเธอก็ลองทำตามสูตรที่แชร์เอาไว้บ้างก็อร่อยดีใช้ได้

ชลดาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านอาหารเป็นอย่างมากและเป็นคนที่ชอบกินมากทำให้ตอนนี้เริ่มอวบนิด ๆ บางครั้งยังหวนนึกถึงสมัยเด็กที่อยู่กับยายที่บ้านนอกก่อนเข้ากรุงได้ ชีวิตในแต่ละวันอยู่กับท้องไร่ท้องนาถือว่ามีความสุขอีกแบบ ชีวิตในชนบท อาชีพของคนในชนบทก็คือการทำการเกษตรทำไร่ทำนา ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ เข้าป่าหาหน่อไม้หาเห็ดบ้างตามแต่ฤดูกาล หลังจากใช้เวลาหลังเลิกงานหมดไปกับการกินและอ่านนิยายและดูยูทูปแล้วตอนนี้ได้เวลานอนแล้วพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน และพรุ่งนี้เพื่อนซี้ของเธอก็จะกลับมาทำงานด้วยเช่นกัน

ในขณะที่ชลดานอนหลับอย่างมีความสุขอยู่นั้นในฝันเธอไม่รู้ว่าตัวเธอทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เธอฝันแบบนี้หลายครั้งเธอฝันว่าเธอยืนดูชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนชาวจีนสมัยโบราณที่เธอเคยดูในทีวี ทุกครั้งที่ฝันเธอจะเห็นชีวิตชายหนุ่มคนนี้ตั้งแต่เขายังเด็ก จนกระทั่งเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่และพ่อแม่ของเขาได้ตายลงไป เหลือเอาไว้เพียงน้องชายสองคนเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู กับบ้านที่ผุ ๆ พัง ๆ ชีวิตในแต่ละวันผ่านไปด้วยความยากลำบาก บางครั้งชายหนุ่มคนนั้นก็เข้าไปหาของป่าในภูเขาแต่ชลดายังด่าชายหนุ่มคนนั้นอยู่บ่อยครั้ง เพราะของที่กินได้ก็ไม่รู้จักเอาไปกินแล้วตัวเองก็อดมื้อกินมื้อโง่เง่าสิ้นดี ถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ยินแต่เธอก็อดจะด่าออกมาไม่ได้และอดจะลุ้นและเอาใจช่วยไม่ได้เมื่อชายหนุ่มคนนั้นสามารถหาของที่กินได้กลับไปและล่าสัตว์ป่าได้เป็นบางครั้ง

และเธอจะโมโหทุกครั้งที่มีหญิงสาวในหมู่บ้านคอยมาส่งสายตาให้กับชายหนุ่มในฝันคนนี้ เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้หลังจากที่ฝันแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายวันทำให้ชลดาอดคิดมากไม่ได้หรืออาจจะเป็นเพราะอ่านนิยายมากไปหรือเปล่าถึงได้เก็บเอามาฝันซะได้

เช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่เพราะเมื่อคืนฝันว่ามีหญิงชาวบ้านมาส่งสายตาให้ชายในฝันของเธอถึงแม้ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะไม่ได้สนใจหญิงชาวบ้านคนนั้นแต่ชลดาก็อดโมโหไม่ได้ เธอไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ หลังจากอาบน้ำและกินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาไปทำงาน ชลดาเดินไปรอเพื่อนซี้ทั้งสองที่โรงอาหารในโรงงานตามปกติแต่ที่ไม่ปกติคืออารมณ์ของเธอที่ยังไม่หายหงุดหงิด

“อ้าวยัยดาเป็นอะไรของเธอหน้าบูดแต่เช้าใครทำให้เธออารมณ์เสียแต่เช้าล่ะ” พร

“มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่พร แล้วเอ๋ล่ะ”

“ยัยเอ๋ไปซื้อกาแฟ มาถึงตอนเช้ามืดอ่ะ”

“เป็นไงบ้างที่บ้าน พ่อกับแม่ของเธอกับพ่อแม่ของเอ๋สบายดีไหม”

“โอ๊ย สบายมาก พ่อแม่สบายดีและยังถามถึงเธอด้วยว่าทำไมเธอถึงไม่ไปด้วย”

“เอาไว้ครั้งหน้านะ ถ้ามีวันหยุดยาวเราจะไปด้วยแน่นอน”

“แล้วสรุป เป็นอะไรถึงทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนี้”

“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกหงุดหงิดอ่ะ เราเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”

“อ้าว แบบนี้ก็ได้เหรอ ยัยเอ๋มาพอดี แล้วนี่เธอกินไรยัง”

“เรากินมาจากที่ห้องแล้วเมื่อเช้า”

“เฮ้อ” เอ๋ที่มาถึงก็ถอนหายใจ

“อะไรของหล่อนมาถึงมาถอนหายใจ แค่ไปซื้อกาแฟนี่หนักใจมากว่างั้น?”

“ไม่มีอะไร ก็พอดีป้าร้านขายน้ำอ่ะ เห็นว่าสามีของป้าตายเมื่อคืนล่ะ เราก็แค่คิดว่าตายแล้วไปไหน พอคิดว่าคนเราตายแล้วไปไหน แล้วจะมีเพื่อนหรือเปล่าอะไรต่อมิอะไร ทำให้เรารู้สึกหดหู่น่ะ”

“อ้าว อะไรของเธอเนี่ย คิดอะไรบ้าบอ ใครจะไปรู้ว่าตายแล้วไปไหนยังไม่เคยตายสักหน่อย”

“ก็นั่นไง เราก็แค่สงสัย ดาล่ะรู้ป่ะตายแล้วไปไหน”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็คนที่ตายไปไม่เคยกลับมาบอกสักคนนี่ ไม่ว่าจะเป็นยายหรือพ่อและแม่ของเรา แล้วแบบนี้จะไปเอาคำตอบที่ไหนมาให้เอ๋ล่ะ”

“รีบ ๆ กินเถอะจะได้เวลาทำงานแล้ว”

“อืม งั้นเจอกันตอนเที่ยงนะ เราไปก่อนแล้วกัน”

“ได้ ๆ เจอกันเที่ยงนะดาใครมาก่อนจองโต๊ะด้วย”

โรงอาหารตอนเที่ยง

“ยัยดา ๆ ทางนี้” เอ๋โบกมือเรียกชลดา

“ยัยพรล่ะ ไปซื้อข้าวเหรอ”

“อือ วันนี้ดารู้ป่ะทำไมโรงงานปิดครึ่งวันอ่ะมีอะไรหรือเปล่า”

“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้มีการนับสต๊อกคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ให้กลับบ้านได้น่ะ”

“เออ จริงด้วย ทำไมลืมได้เนี่ยไม่งั้นนะลาต่อแล้วครึ่งวันเองไม่น่ารีบกลับมาเลย”

“เอาน่าไหน ๆ ก็มาแล้ว กินข้าวเสร็จจะไปไหนต่อจะกลับห้องเลยหรือไปเดินซื้อของ”

“กลับไปนอนดีกว่า นั่งรถมาทั้งคืนเหนื่อยมาก”

“ดาไม่กินข้าวเหรอ” พรที่ถือจานข้าวกลับมาถามชลดาที่นั่งคุยกับเอ๋อยู่

“ไม่อ่ะไหน ๆ ก็ได้หยุดครึ่งวัน เราจะไปซื้อของเข้าห้องหน่อยไปด้วยกันป่ะ"

“ไม่อ่ะ เราง่วงขอกลับไปนอนดีกว่า”

“อืม งั้นเราไปก่อนนะเจอกันที่ห้อง”

“อือ บาย ไปดีมาดีนะ”

เพื่อนทั้งสองไม่ได้รู้เลยว่าพวกเธอทั้งสองคนไม่มีโอกาสได้เจอเพื่อนอย่างชลดาอีกแล้วการกล่าวคำลาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วหลังจากทั้งสองคนกินข้าวอิ่มก็กลับไปนอนที่ห้องทันที

บทถัดไป