บทที่ 3 chapter 3

“อุ๊ย!!!” เพราะเธอวิ่งด้วยความเร็ว สายตาก็มองแต่หมวก เลยไม่ทันได้เห็นสิ่งกีดขวางเป็นร่างใหญ่ราวกับแท่งหินยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้า กว่าจะรู้ตัวว่าวิ่งมาปะทะเข้ากับกำแพงหนาแกร่งก็เมื่อจวนตัว จนเบรกไม่ทัน ร่างอรชรจึงถลาเข้าไปสู่อ้อมแขนใหญ่ ซึ่งก็ยกขึ้นโอบแขนรวบรอบเอวเล็กคอดกิ่วอย่างว่องไว

“โอ๊ะ!!” เตรียมตัวรับความเจ็บเต็มๆ แต่แปลกที่ไม่เจ็บตรงส่วนอื่น ยกเว้นปลายจมูกซึ่งได้ปะทะเข้ากับกำแพงเนื้อนุ่มเข้าเต็มเปานั่นเอง

“อูย...” มธุรสหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ มือเล็กยกขึ้นจับปลายจมูกโด่งอัตโนมัติ พร้อมแพขนตายาวงอนกะพริบปริบๆ แหงนหน้าขึ้นมองกำแพงหนาที่รองรับร่างอย่างเร็วไว

‘อ้าว...ตายจริง’ เธอเข้าใจผิดไปถนัดเลย ที่ชนไม่ใช่กำแพงแต่เป็นคน...ฝรั่งร่างยังกับตึกห้าชั้นเต็มๆ เลย

เมื่อความสูงของเธอเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรเท่านั้น ส่วนกำแพงหนาความสูงเกือบสองเมตรเห็นจะได้ เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงมา ในขณะที่เธอก็แหงนหน้าขึ้นไป ผลที่ได้คือ...

ริมฝีปากหนาร้อนประทับบนหน้าผากเนียนนุ่ม ทำเอาใจสาวน้อยที่ไม่เคยได้แนบชิดชายคนไหนมากไปกว่าคุณป๋าภาวัติสุดใจดี ถึงกับสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินซึ่งเหยียบย่างอยู่ไหวแยกแตกตัวอย่างรุนแรง

“คุณ!” รัศมีแห่งอำนาจและกลิ่นกายของบุรุษเพศทรงพลังมาพร้อมโคโลญ กลิ่นหอมอ่อนๆ ยิ่งทำให้หัวใจเล็กๆ ของสาวน้อยไม่ประสา สั่นไหวเหมือนเรือลำน้อยลอยละล่องอยู่ในลำนาวาที่มีคลื่นพายุโหมกระหน่ำ เปลวไฟร้อนผ่าวไม่รู้ว่ามาจากไหนวิ่งไหลวนในกระแสเลือด ไปรวมกันอยู่ที่จุดเดียวคือใบหน้าซึ่งมองคนให้ความช่วยเหลืออย่างตื่นตะลึง

เพียงแค่ได้สบกับสายตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำและคมกริบราวกับดวงตาพญาเหยี่ยว ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนก็เหมือนกับเธอถูกสะกดจิต โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว กายอรชรอ้อนแอ้นอ่อนระทวยเหมือนถูกไฟช็อต ได้แต่ยืนนิ่งในอ้อมแขนใหญ่ เสียงในหัวใจเต้นตึกตักๆ ดังเข้ามาในหู ในลำคอแห้งผากพอๆ กับริมฝีปากที่ต้องยื่นปลายลิ้นเล็กออกมาไล้เลียอย่างไม่รู้ตัว

“เธอนี่มัน!” เมื่อได้ยลหน้าผุดผ่องขาวนวลเนียนใสจนเห็นเส้นเลือดฝาด ล้อมกรอบด้วยเส้นผมหนาสีดำสนิทดูนุ่มน่าสัมผัส ทำเอาเขามองอย่างตะลึงงัน

“ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบผู้ชายแก่คราวพ่อกันนักฮึ!” ความเกรี้ยวกราดไม่รู้มาจากไหนทำให้ชายหนุ่มเผลอใส่อารมณ์กับคนตัวเล็กที่มาพร้อมกับความรู้สึกอยากจะจับเธอมากดกอดและ...จูบ!

ยิ่งได้เห็นดวงตากลมโตเหมือนดวงตาสมันน้อยล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกเล็กโด่งได้รูปเชิดขึ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มอิ่มเต็มออกสีน้ำผึ้งระเรื่อน่าจูบ! กลิ่นเนื้อกายนางหอมกรุ่นเช่นดอกไม้แรกแย้มบานอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งน่าจะเป็นแป้งที่ลอยเข้าจมูกจนต้องสูดดมเต็มปอด ไหนจะเรือนกายนิ่มน่าจับต้องไปเสียทุกส่วน เพลิงโทสะในกายก็ยิ่งลุกโชน

“ทำไมฮึ! ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันไม่มีแล้วหรือไง ถึงได้คั่วไอ้แก่คราวพ่อน่ะ”

มธุรสงุนงงจนอ้าปากค้างที่อยู่ดีๆ ก็ถูกต่อว่าโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย “คุณ! ทำไม...ฉันจะรักจะชอบใคร มันหนักส่วนไหนของคุณล่ะ”

“เพราะฉันไม่ชอบ” โต้กลับเสียงกระด้างดุ

“เอ้า...คุณไม่ชอบแล้วเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ นี่มันชีวิตของฉันนะ จะรักชอบใครเกี่ยวอะไรกับคุณเล่า ปล่อยฉันนะ”

“จะสะบัดสะบิ้งทำไม” แขนแกร่งโอบรัดรอบร่างเล็กที่ขยุกขยิกอยู่ไม่นิ่ง จากตอนแรกที่บอกว่าไม่สนใจ แต่เมื่อถูกท้าทายด้วยการไม่สนใจก็ยิ่งทำให้เขาอยากสั่งสอนให้รู้สำนึก! มาล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาแล้วควรจะต้องเจออะไร

‘แค่...นิดๆ หน่อยๆ ยังไงก็เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว ยังไงก็ไม่สึกไม่หรอ ก่อนจากกันเขาค่อยให้เงินสักก้อนเป็นค่าทำขวัญ ขี้คร้านจะพอใจละไม่ว่า’

ไม่ใช่จะดูถูกเพศที่ให้กำเนิด แต่ผู้หญิงที่พาตัวเข้ามาใกล้ชิดเขาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หวังในทรัพย์สินเงินทอง มากกว่าความรู้สึกของกันและกัน แม้กระทั่งคนที่มีสามีแล้วก็ยังยอมเอาเรือนร่างเข้าแลกเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ โดยไม่สนใจผลที่ตามมา แล้วกับผู้หญิงที่มากับคนที่อายุมากกว่ารอบแบบนี้ ไม่ให้เขาคิดว่าเธอเป็นพวกไล่จับผู้ชายรวยๆ จะให้เชื่อว่าเธอรักกับตาอ้วนพุงพลุ้ยนั่นจริงหรือไง

“นี่คุณ! ขอบคุณที่ช่วยไม่ให้ล้มและเก็บของให้ ตอนนี้ช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ” จากตอนแรกเอ่ยเป็นภาษาไทย แต่เพราะนึกได้ว่าอยู่ที่ไหน มธุรสจึงรีบเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษที่พ่วงด้วยความไม่พอใจ แต่...

‘จะมองหาพระแสงอะไรนี่...จ้องอยู่ได้’ สายตาคมกริบราวกับจะซอกซอนไปให้ลึกไปสุดซอกหัวใจทำเอามธุรสถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งแก้มที่คิดว่าคงแดงระเรื่อราวกับดอกไม้แรกแย้มบาน หัวใจเต้นเป็นจังหวะจนน่ากลัวเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนแกร่งของชายที่มีเสน่ห์เหลือล้น จนต้องรีบเร่งรุดจับแขนล่ำสันดันออกช้าๆ

“ขอโทษค่ะคุณ ช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ” ทาบมือบนแขนกำยำ ทั้งผลักทั้งดันและเบี่ยงกายออกแต่ดูเหมือนจะยิ่งจมหายกายอรชรแนบชิดอกกว้าง จนเธอรับรู้ถึงความแข็งกระด้างของกล้ามเนื้อ

ตอนแรกเป็นห่วงกลัวคุณป๋าเดินตามมาเห็นเข้า คนใจดีที่ช่วยจะเดือดร้อน เพราะความหวงเกินเหตุไปนิดหนึ่งของภาวัติ แต่มาตอนนี้คิดว่าเธอกำลังเจอดี ดวงตากลมโตเริ่มเปล่งแสงระเรื่อทีละน้อย

“ปล่อยฉันดีกว่าคุณ” ข่มกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟันด้วยขุ่นเคืองใจกับมารยาทอันเลวทรามที่ได้รับ ทว่านอกจากจะไม่ถูกปล่อยตัว ฝ่ามือหนายังลูบไล้แผ่นหลังกว้างก่อเกิดความร้อน พร้อมหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

‘บ้าจริง!’ เขาว่าฝรั่งไม่ถือเนื้อถือตัว การแตะเนื้อต้องตัว กอดจูบกันในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องผิดแปลก สังคมที่แตกต่างเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งเธอเข้าใจดี เขาคงไม่ตั้งใจ แต่เป็นอย่างนี้...เธอคงเข้าใจผิดเสียแล้วล่ะ ไอ้ฝรั่งร่างยักษ์ใช้ความได้เปรียบทางด้านร่างกาย ฉวยโอกาสลวนลามเธอหน้าด้านๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป