บทที่ 5 EP 01 เงื่อนไขของไดสึเกะ [2]
“นายจะเอายังไงก็ว่ามา”
จนแล้วจนรอดฉันก็ต้องถามออกไปก่อนที่ไดสึเกะจะทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าคนเลวอย่างเขาสามารถทำได้ เพราะต่อให้เขาจะพูดว่าเกลียดฉัน แต่ถ้าการพูดว่ารักฉันมันจะทำให้เขาได้ทุกอย่างที่ต้องการคนอย่างเขาก็จะทำ
ไดสึเกะแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะผละตัวออกไป รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้ฉันต้องพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจอยู่หลายครั้ง รู้สึกปวดหัวตุบๆ เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างกระดอนอยู่ข้างใน
ฉันรู้ว่าเขาเองก็คงไม่ได้อยากแต่งงานกับฉันมากพอๆ กับที่ฉันไม่อยากแต่งงานกับเขานั่นแหละ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่โผล่มายื่นข้อเสนอให้ฉันถึงที่แบบนี้ แต่ที่เขายอมมันก็เพราะคำว่าผลประโยชน์ เพราะหากโอยามะเอาเรื่องเขาขึ้นมา หรือแม้แต่โอซึนซึเกะที่เป็นลุงแท้ๆ ของเขารู้เรื่องที่เขาก่อขึ้นมาแล้วละก็ เขาอาจถูกเขี่ยออกจากแบล็กสกอร์เปี้ยนไปเลยก็ได้ ซึ่งนั่นเท่ากับเขาจะสูญเสียทุกอย่าง ทั้งความยิ่งใหญ่ อำนาจ รวมไปถึงเงินปันผลจำนวนมหาศาล
“ยอมแต่งงานกับฉัน...แต่โดยดี”
“เหอะ” ฉันแค่นหัวเราะออกมาด้วยความประหลาดใจ ไม่แน่ใจว่าฉันกำลังหูฝาดไปรึเปล่าด้วยซ้ำ
ไหนล่ะข้อเสนอ สิ่งที่เขาพูดมา มันต่างจากที่โอยามะพูดตรงไหนกัน หรือมันจะต่างกันตรงท้ายประโยค เพราะคำว่าแต่โดยดีที่เขาพูดออกมา เหมือนจะรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันคงไม่ยอมง่ายๆ และนั่นอาจทำให้เขาต้องวุ่นวาย
“แล้วฉันจะหย่าให้ทีหลัง โดยมีข้อแม้ว่าต้องรอให้เรื่องทุกอย่างซาลงก่อน”
ยิ่งได้ฟังสิ่งที่ไดสึเกะพูด ฉันก็ยิ่งต้องบอกตัวเองให้อดทนมากขึ้นทุกทีๆ
“ถ้าเธอยอมตกลง มีโอกาสเมื่อไหร่ ฉันจะคืนอิสรภาพให้เธอรวมถึงคนของเธอทันที ซึ่งเธอเองก็รู้อยู่แล้วว่าฉันต้องรีบทำเรื่องนั้นแน่” ไดสึเกะย้ำด้วยสายตาและท่าทางจริงจัง มันบ่งบอกว่าเขาเองก็จะพยายามทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจากฉัน รวมถึงจากเงื่อนไขของโอยามะโดยเร็วอย่างที่พูด
“แต่ถ้าไม่ ก็แปลว่าเธอยินยอมยกอิสรภาพของเธอให้ฉัน...ตลอดชีวิต”
สายตาคมปลาบจ้องมองมาที่ฉัน แววตาร้ายกาจอย่างนั้นสะท้อนความคิดชั่วร้ายที่บ่งบอกถึงความเป็นไดสึเกะออกมาได้เป็นอย่างดี เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าฉันจะตกลงหรือไม่ตกลง สิ่งที่เขาจะได้และต้องการมันก็แค่ผลประโยชน์ของตัวเอง!
“ตราบใดที่นายยังเป็นแค่ลูกไล่ของโอยามะ ฉันก็ไม่เห็นว่าข้อเสนอของนายมันจะเข้าท่าตรงไหน” ฉันแค่นยิ้ม ทำเอารอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของไดสึเกะหายวับในฉับพลัน ดวงตาที่วาวโรจน์อยู่แล้ววาววับขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว
“บอกตามตรงนะไดสึเกะ...ฉันไม่เคยเกลียดใครเท่านายเลย แต่รู้อะไรมั้ย” ฉันแสร้งเหยียดยิ้มแล้วมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเตียงตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าเหมือนกับที่เขามองฉันเมื่อครู่ ต่างกันตรงที่ฉันแสดงออกชัดเจนผ่านสายตาว่าฉันรังเกียจเขา ฉันเสแสร้งแบบเขาไม่เก่งหรอก และไม่คิดว่าจำเป็นต้องทำด้วย
“ถ้าการแต่งงานของเรามันจะทำให้ฉันได้เห็นนายตายทั้งเป็น ฉันว่ามันก็เข้าท่าดี…อื้อออ”
ริมฝีปากของฉันบิดเบี้ยวอีกครั้งเมื่อถูกไดสึเกะบีบเข้าเต็มแรง แต่ความคิดที่จะอ้อนวอนขอให้คนสารเลวอย่างเขาเห็นใจ ไม่เคยมีอยู่ในความคิดของฉันแม้เพียงเสี้ยววินาที
“ถ้าเธอเลือกแบบนั้นก็ตามใจ ฉันจะถือว่าฉันให้โอกาสเธอแล้ว และคนอย่างฉันไม่ให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง”
“โอ๊ย!”
“ฉันหวังว่าเธอจะทำหน้าที่เมียให้ดีก็แล้วกันนามิ”
“นายอย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย และฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ช่วยจำใส่หัวของนายเอาไว้เลยนะไดสึเกะว่าฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับนาย!” ฉันประกาศกร้าว เมื่อครู่นี้ฉันแค่พูดออกไปเพราะต้องการจะยั่วโมโหเขาเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็พิสูจน์แล้วว่าตัวเขาเองก็น่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนกับการแต่งงานบ้าบอนี่อยู่เหมือนกัน
“งั้นเหรอ คงต้องพิสูจน์ให้ดูสินะ เธอถึงจะเข้าใจว่าฉันหรือเธอกันแน่ที่กำลังเพ้อเจ้อ” ไดสึเกะพูดพลางกระตุกยิ้มเย้ยหยัน พูดจบเขาก็โน้มใบหน้าลงมาช่วงชิงริมฝีปากของฉันในทันที
ริมฝีปากหนาที่ทาบลงมาสนิทบดขยี้ริมฝีปากของฉันจนรู้สึกแสบร้อนไปหมด แต่ยิ่งดิ้นฉันก็ยิ่งเป็นฝ่ายเหนื่อยซะเอง มิหนำซ้ำก็ยิ่งรู้สึกเหมือนใกล้จะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ
ฮึก!
เสียงลมหายใจถี่กระชั้นดังจนน่ากลัวเมื่อไดสึเกะละริมฝีปากออก แต่ฉันยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ เขาก็บีบแก้มฉันแรงๆ ก่อนจะทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
ไดสึเกะตั้งใจจะบีบปากฉันเพื่อให้ฉันเปิดปากรอรับปลายลิ้นของเขาที่ตั้งใจจะแทรกเข้ามา วินาทีที่รู้สึกได้ว่าปลายลิ้นสากของเขากำลังกวาดต้อนอยู่ในโพรงปากของฉันมันทำให้ฉันดิ้นพล่าน หยดน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้และไม่มีความสามารถพอที่จะปาดมันออกได้ด้วยตัวเองตราบใดที่ข้อมือของฉันยังคงถูกพันธนาการเอาไว้
“เหอะ” ไดสึเกะทิ้งลมหายใจหนักๆ ใส่หน้าของฉันเมื่อเขาละริมฝีปากออก หากแต่ยังไม่ยอมผละตัวออกไป สายตาที่จ้องมองฉันมีแต่ประกายความเย้ยหยันดูถูกจนฉันนึกเกลียดตัวเองอยู่ลึกๆ
“นี่แค่เริ่มต้นนามิ เธอรู้ดีว่าฉันทำได้มากกว่านี้ และทำแน่!”
