บท 4
แผลไหม้บนไหล่ยังคงปวดร้าวอยู่เบาๆ ท้องฟ้าก็ยังไม่รู้จักกาลเทศะ ปล่อยให้ฝนตกลงมาซ้ำเติม
ยามที่ประตูเชิญเขาเข้าไปหลบฝน ลูกน้องถามว่านี่เป็นคำสั่งจากเถ้าแก่หรือเปล่า?
ยามบอกว่าไม่ใช่ ลูกน้องจึงตอบว่า "งั้นผมไม่เข้าไปหรอกครับ เถ้าแก่สั่งห้ามผมเข้าไป ผมจะรออยู่ตรงนี้แหละ"
ยามรู้สึกว่าลูกน้องคนนี้ดื้อเหลือเกิน จึงโทรไปหาองครักษ์ประจำตัวเถ้าแก่
องครักษ์ที่เฝ้าประตูอยู่รับโทรศัพท์ แล้วเคาะประตูอย่างนอบน้อม เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงเข้าไปรายงานเรื่องนี้กับเถ้าแก่
วันนี้เถ้าแก่เพิ่งพบคนมา แต่งตัวเรียบร้อย ทั้งกระดุมข้อมือหรูหรา นาฬิกาพก และเนคไทแบรนด์เนม
เขากำลังพลิกเอกสารด้วยถุงมือสีดำ เมื่อได้ยินคำพูดขององครักษ์ จึงพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า "งั้นก็ปล่อยให้มันรอไปสิ"
องครักษ์อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ระงับไว้ เพราะคำพูดของเถ้าแก่คือคำสั่งเด็ดขาด พวกเขาเป็นเพียงผู้รับใช้ จะพูดมากได้อย่างไร
...
ลูกน้องตากฝนอยู่ข้างนอกเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็ม ก่อนจะถูกพาเข้าไปข้างใน
เขาเปียกปอนไปทั้งตัว เดินไปทางไหนก็เปียกไปทางนั้น ผมที่จัดแต่งมาอย่างดีก่อนมา ตอนนี้แนบติดใบหน้าไปหมดแล้ว
วันนี้เขาสวมชุดทางการที่เถ้าแก่มอบให้ เป็นชุดที่เถ้าแก่พอใจเป็นพิเศษ
สามชั่วโมงนั้น เพียงพอที่จะทำให้สูทตัวนี้เปียกจนพังไม่เป็นท่า
เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ เท้าของเขาเหยียบลงบนพรมราคาหลักหมื่น ทำให้รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา
เขาหยุดยืนอยู่ที่ประตู เถ้าแก่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นมองเขา "ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่ใช่เจ้านั่นแหละที่เอะอะอยากจะพบข้า?"
ลูกน้องจำต้องก้าวเข้าไป รองเท้าหนังที่เปียกชุ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ
เถ้าแก่วางเอกสารลง เปิดกล่องซิการ์ แล้วสบตาสั่งให้ลูกน้องช่วยตัดซิการ์ให้
ลูกน้องรีบก้าวเข้าไป พร้อมกับนำความเย็นชื้นเข้ามาด้วย
เขาเปียกโชก นิ้วมือซีดขาวเพราะแช่น้ำมานาน ร่างกายทั้งแข็งทื่อทั้งหนาวเย็น
ซิการ์ที่ลูกน้องตัดให้เปียกชื้นไปหมด แต่เถ้าแก่ไม่ได้ใส่ใจ กัดไว้ในปาก แล้วให้ลูกน้องจุดไฟให้
น้ำฝนไหลลงมาตามแขนเสื้อของลูกน้อง ซึมเข้าเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มของเถ้าแก่ เขาเห็น และเถ้าแก่ก็เห็นเช่นกัน
ลูกน้องเก็บไฟแช็คเข้าที่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เถ้าแก่คาบซิการ์ เอนตัวพิงเก้าอี้ "ไม่มีอะไรจะพูดกับข้าหรือ?"
ลูกน้องเงียบ
สายตาเถ้าแก่เย็นชาลง "ไสหัวออกไป"
ตามปกติแล้ว ลูกน้องควรจะรีบออกไปทันที แต่วันนี้เขากลับไม่ทำเช่นนั้น คงเพราะสมองถูกฝนซัดจนงงไปแล้ว เขามองเถ้าแก่อย่างเหม่อลอย "วันนี้ฝนตกหนักนะครับ"
เถ้าแก่เอาซิการ์ออกจากปาก พ่นควันใส่ลูกน้อง "แล้วไง?"
ลูกน้องลูบเสื้อเชิ้ตของตัวเอง "นี่เป็นชุดที่ท่านชอบที่สุด เปียกหมดแล้ว"
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แฝงความเสียดายและรู้สึกผิด
เถ้าแก่จ้องมองลูกน้องอยู่นาน ในที่สุดก็ยิ้มออกมา "เสียดายแค่เสื้อผ้าหรือ? แล้วผู้หญิงล่ะ?"
ลูกน้องเงยหน้า สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง "ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ"
เถ้าแก่มองเขาอย่างเยาะหยัน ลูกน้องคุกเข่าลงข้างเข่าของเถ้าแก่อย่างเป็นธรรมชาติ มือทั้งสองประคองมือขวาของเถ้าแก่อย่างเคารพ "อย่าโกรธเลยนะครับ"
เขาจะจูบแหวน แต่ร่างกายกลับโงนเงน ริมฝีปากจึงกดลงบนหลังมือของเถ้าแก่อย่างแรง
พอเงยหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าสีหน้าเถ้าแก่เปลี่ยนไปแล้ว เถ้าแก่เกลียดที่สุดเมื่อมีคนแตะต้องร่างกายของเขา ไม่ต้องพูดถึงการจูบผิวหนังโดยตรง
เถ้าแก่ดึงมือออก แล้วชี้ไปที่แส้ยาวที่แขวนอยู่บนผนัง "ถอดเสื้อผ้าออก แล้วไปคุกเข่าตรงนั้น"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกน้องถูกเฆี่ยน ครั้งก่อนที่โดน เป็นเพราะมีคนทรยศอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา





























































