บทที่ 7 มหรสพนี้ข้าเป็นเพียงผู้ชม

“หรงเอ๋อร์” ฉางซื่อหลางเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป

หานฉงหรงหลุดจากภวังค์ ก่อนช้อนตาขึ้นมอง “ปิ่นที่เจ้าให้ ข้าชอบมาก เจ้าช่วยประดับที่เรือนผมของข้าให้หน่อยได้หรือไม่ จากนั้นข้าจะเดินไปอวดคนในตลาด ให้เขารู้ว่ากันให้ทั่วว่าว่าที่คู่หมั้นของข้านั้นช่างแสนดีเพียงใด”

ฉางซื่อหลางสะอึกอึ้ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก “หรงเอ๋อร์ ปิ่นชิ้นนี้ข้าอุตส่าห์สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้า ไว้ประดับในงานสำคัญหรือช่วงเทศกาลไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเกิดเผลอไผลทำตกขึ้นมาจะไม่มีอีกแล้วนะ”

ฉงหรงกล่าวเสียงเง้างอดอย่างมิเคยทำ “ไม่เอา ในเมื่อเป็นของพิเศษที่มีชิ้นเดียวในโลกก็ต้องอวดให้ผู้อื่นได้เห็นสิ นอกเสียจากว่าปิ่นชิ้นนี้จะมีผู้อื่นใส่เหมือนกัน”

เห็นฉางซื่อหลางทำสีหน้าย่ำแย่เหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นนางพลันรู้สึกปลอดโปร่งเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยวาจาออดอ้อนเขาต่อ “ถือว่าข้าขอร้องเจ้านะ ซื่อหลาง”

คล้ายคนขี่หลังเสือแล้วไม่อาจหาทางลงได้ สุดท้ายฉางซื่อหลางก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจืดเจื่อนเล็กน้อย

เนื่องจากเป็นช่วงสาย ตลาดที่ถนนสายหลักยังคงครึกครื้น หานฉงหรงยิ้มรับขนมเม็ดบัวคลุกผงกุ้ยฮวาที่ว่าที่คู่หมายซื้อมาให้พลางกัดกินไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เลี้ยวไปยังตรอกชิงฮวาพร้อมกับหลินหลาง แวะร้านขายน้ำหวานซื้อน้ำดอกสายน้ำผึ้งที่ใส่กระบอกไม้ไผ่มา ดื่มด่ำความหอมหวานอย่างมีความสุข พลางมองหาบางอย่างที่ต้องการ จากนั้นก็ลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย ยิ่งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางดูลุกลี้ลุกลนนางก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่นางคาดเดาไว้นั้นถูกต้อง

จำได้ว่าก่อนหน้าที่นางจะแต่งงานกับฉางซื่อหลาง หลินหลางเคยบอกนางว่าฉางซื่อหลางนั้นลักลอบมีความสัมพันธ์กับแม่ค้าขายดอกไม้นางหนึ่งในตรอกชิงฮวา ถึงขนาดมอบของแทนใจ ทว่าหานฉงหรงในเวลานั้นไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย

อาจเพราะตอนนั้นนางคงถูกความรักที่มีต่อฉางซื่อหลางและความดีงามที่เจ้าตัวเพียรกระทำตอนอยู่ต่อหน้าปิดหูปิดตาจนมืดบอด กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว

หานฉงหรงลอบถอนใจ เวลานี้ไม่มีประโยชน์ที่จะนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว เมื่อได้โอกาสย้อนกลับมา ก็อย่าได้โง่หลงงมงายอีก เพียงแค่นั้นก็พอ

ร้านดอกไม้ที่เป็นเป้าหมายนั้นหาไม่ยาก เพราะในตรอกชิงฮวานี้มีร้านดอกไม้อยู่สองร้าน ร้านหนึ่งเจ้าของเป็นหญิงชราอายุเกือบเจ็ดสิบ ส่วนอีกร้านเจ้าของยังเป็นดรุณีน้อยหน้าตางดงาม ซึ่งดูจากรสนิยมชมชอบของฉางซื่อหลางย่อมเลือกเกี้ยวพาราสีแม่ค้าจากร้านแรกมากกว่า อีกทั้งหญิงสาวเจ้าของร้านยังประดับปิ่นอวิ๋นเหยาที่เหมือนกับนางอย่างโดดเด่นสะดุดตาเสียขนาดนั้น ต่อให้เป็นเด็กสามขวบก็เข้าใจ

“หรงเอ๋อร์ เดี๋ยว...” ฉางซื่อหลางพยายามเรียกหานฉงหรงที่พลิ้วกายเดินไปยังร้านขายดอกไม้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใส

“ดอกกล้วยไม้ช่อนี้งามนัก ราคาเท่าไหร่หรือ”

ฝูหรงผู้เป็นเจ้าของร้านที่กำลังง่วนกับการจัดร้านเงยหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม “กล้วยไม้นั้นสามอีแปะเจ้าค่ะ”

กล่าวเพียงแค่นั้นก็พลันสะอึกอึ้งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางอยู่เบื้องหลังคุณหนูนางนี้ ก่อนเอ่ย “กล้วยไม้นั้นก็งามอยู่ ทว่ากลีบดอกเริ่มช้ำแล้ว ข้าว่าคุณหนูควรดูดอกไม้ชนิดอื่นดีกว่าไหม”

ปลายนิ้วของหานฉงหรงไล้ไปตามกลีบแข็งของกล้วยไม้ดอกหนึ่งพลางเอ่ย “กล้วยไม้ ถือเป็นหนึ่งในสี่ของพฤกษาอันทรงเกียรติ [1] สื่อถึงความรักอันสูงส่ง มีเกียรติ และดีงาม ไม่มีหน้าหรือหลัง เหมือนกับความรักของข้ากับคู่หมายท่านนี้ ที่เขามาสู่ขอข้าอย่างเอิกเกริก ไม่เคยต้องหลบซ่อน หรือลักกินขโมยกิน”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป